สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป “นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ” อมยิ้ม17
เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไป.. ตัวผมเองไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดใด ที่จะสามารถให้เพื่อนๆเชื่อในสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ได้ ทุกตัวหนังสือจากนี้ไป!อยู่ที่วิจารณญาณของทุกคนครับ
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตอนที่ผมอายุ21ปี หลังจากผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วครับ ผมส่วนสูงไม่ถึง ใช่ครับ พอเสร็จเรื่องการเกณฑ์ทหารแล้ว ผมก็ได้เดินทางเข้ามาหางานทำในตัวเมือง คือบ้านของผมอยู่นอกเมือง มันไม่ค่อยมีงานอะไรให้ทำ จึงต้องเดินทางเข้ามาหางานในเมืองทำครับ หางานอยู่หลายเดือน จนผมได้งานทำ ที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งครับ ช่วงนั้นน่าจะอยู่ราวเดือนพฤศจิกายน ทางเหนือจะหนาวเเล้วครับ ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว พอผมได้งานทำ ผมจึงต้องหาหอพักที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน ผมคิดได้ว่ามีหอที่เพื่อนผมมันพักอยู่กับมันมีห้องว่างอยู่ ผมจึงตัดสินใจเช่าที่นี้ พอผมได้หอพักแล้วก็ทำสัญญาเช่าอยู่ ห้องก็ไม่มีอะไรมากเป็นห้องโล่งๆแล้วก็มีห้องน้ำ1ห้อง พอจัดห้องอะไรเสร็จก็อาบน้ำนอน เพราะผมต้องเข้างานตอน 7 โมงเช้า อาทิตย์แรกของการทำงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันก่อนวันหยุด เลิกจากเลิกงานประมาณ4-5โมงเย็น ผมก็กลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยจากการทำงาน พอมาถึงห้องล้มตัวลงนอนก็เผลอหลับไป จนประมาณ1ทุ่ม ก็มีสายโทรศัพท์โทรมา ผมก็สะดุ้งตื่น มารับสาย ปรากฏเป็นพี่ที่รู้จักกันแก่โทรมาชวนออกไปดื่มสังสรรค์ที่ร้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักเรามาก ส่วนตัวผมคิดว่ายังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด เลยตอบตกลงไป ผมก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมก็หยิบสร้อยพระที่ผมใส่ติดตัวตลอดมาใส่ จังหวะที่กำลังจะเปิดประตู สร้อยพระที่ใส่อยู่ อยู่ๆมันก็เกิดขาดแล้วตกลงพื้นจนกรอบพระแตก แต่ผมไม่ได้คิดไร เพราะด้วยความรีบที่จะออกไปเที่ยว ผมจึงนำพระมาวางไว้บนเตียงแล้วรีบขับรถออกไปหารุ่นที่ร้านที่เรานัดกันไว้ พอไปถึงก็รุ่นเขาก็สั่งอาหารเครื่องดื่มไว้แล้ว เราจัดเลย ไม่รีรอแล้ว ก็กินดื่มกันไปจนดึกพอถึงเวลาร้านใกล้ปิดเรารีบกินแล้วก็แยกย้ายกันไป ยอมรับว่าเมาครับ แต่ด้วยมันเป็นฤดูหนาว อากาศมันเย็นมากตอนขับรถทำเอาสร่างเมาเลยครับ พอผมครับรถไปได้ถึงมาสักครึ่งทางก่อนถึงหอพัก ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ข้างหลัง แล้วพยายามเอามือมากอดที่เอว ผมก็เลยก้มมองดูที่เอว ผมเห็นเป็นมือ สีดำยาว เรียว แห้งๆเล็บเหมือนจะเปื้อนโคลนกอดที่เอวผม จังหวะนั้นผมกลับไม่ได้มีความคิดที่กลัวเลย แต่พอมองกลับมาที่ถนนผมเห็นว่าเป็นทางแยกที่จะเลี้ยวเข้าหอพัก ผมก็เลยหักรถเลี้ยวเข้าซอยไป จากนั้นก็ได้ยินเสียง โคร่ม!!! จอดับเลยครับ สักพักผมก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนมาช่วยดึงผมขึ้นมา พอตั้งสติได้มองไปทางข้างหน้า มันเป็นคลองครับ ผมขับรถตกคลอง สักพักมีชาวบ้านวิ้งมามุงดูกันเต็มเลย มีลุงคนหนึ่งแก่ถามผมว่า เพื่องเอ็งอีกคนหนึ่งที่ซ้อมาด้วยหายไปไหน ผมก็เลยรีบตอบกลับแก่ไปว่าน่าจะอยู่ข้างล่างคลองครับ เพราะเมื่อกี้มันยังช่วยดึงผมขึ้นมายุเลยครับ พอพูดจบ ผมนึกขึ้นได้ว่า ผมขัยรถมาคนเดียว เลยตอบลุงกลับไปอีกว่า ลุงผมขับรถมาเดียว
ลุงบอกเป็นไปได้ไง พวกลุงนั่งกันอยู่ 2-3คน เห็นมีคนซ้อยท้ายรถเอ็งมา
เท่านั้นแหละ ผมนี้อึ้งไปเลยครับ ผมไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อ เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่พักอยู่ที่หอเดียวกัน ให้มารับ ส่วนมอเตอร์ไซค์ ชาวบ้านเขาช่วยกันเอาขึ้นมาแล้วก็ให้ตำรวจเอาไปไว้ที่โรงพัก พอกลับมาถึงหอ สภาพผมนี่คือ หัวแตก เสื้อผ้าเปื้อนโคลน เพื่อนผมมันก็เลยพาซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาล เพื่อนผมเป็นคนขับ ผมนั้งกลาง ส่วนแฟนมันนั้งข้างหลังประคองผมไว้ไม่ให้ตกรถ พอทำแผลทำอะไรเสร็จก็กลับมาพักฟื้นที่ห้อง พักฟื้นอยู่ห้องเป็นอาทิตย์ พออาการเริ่มดีขึ้น ผมก็ชวนเพื่อนผมให้ไปส่งไปโรงพักไปเอารถมอเตอร์ไซค์ ที่เอาไปฝากไว้ พอไปถึงก็นั้งรอให้ตำรวจมาปลดกุญแจที่ล็อกรถไว้ให้ จู่ๆก็มีคุณลุงคนหนึ่ง น่าจะเป็นอาสากู้ภัย แก่เดินมาใส่พระมาเต็มคอเลย มาถามผมว่าเป็นไงบ้าง เอ็งใช่ไหมที่ขับรถตกคลอง ผมก็บอกว่าใช่ครับ ตอนนี้ดีขึ้นละครับ ลุงก็ถามอีกว่า แล้วเพื่อนเอ็งอีกสองคนละที่ซ้อนกันมาอ่ะเป็นไงบ้าง เห็นชาวบ้านว่า ตกใจคนเลยวิ่งหนี้เข้าป่าทิ้งเอ็งไว้คนเดียว ผมคิดในใจ ตกลงมีกี่คนกันแน่ว่ะ ผมเลยตอบลุงกลับไปว่า ลุง ผมขับรถไปคนเดียว ลุงแก่ได้ยินอย่างนั้นก็หน้าถอดสี ผมก็ถามลุงว่า ตกลง ที่ตรงนั้นมันมีอะไรหรอครับลุง ลุงแก่ก็เลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนมันมีเด็กวัยรุ่น สองคน ขับรถประสบอุบัติเหตุม ตกคลอง เสียชีวิตคาที่ทั้งสองคน และลุงก็ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้าที่ผมจะขับรถลงคลอง มีชาวบ้านที่เขานั้งดื่มกันอยู่ใกล้ๆได้ยินเสียงกริ๊ดร้อง สักพักเอ็งขับรถตามไปก็ประสบอุบัติเหตุ ผมได้ยินดังนั้นก็ขนลุกเลยครับ สักพักตำรวจมาปลดล็อกกุญแจให้ผมก็ยกรถใส่รถเพื่อนแล้วก็กลับที่พัก
พอกลับมาถึงที่พัก เพื่อนผม มันก็พูดขึ้นมาว่า กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง จำตอนที่เรากลับมาถึงหอพักไหม ตอนที่กำลังจะพาไปโรงบาล ตัวเหมือนไม่เป็นตัวเอง ทำตาขาวงใส่แฟนกู แล้วบอกว่า กูไม่ไป ไม่ต้องมาเสรือก แฟนกูกลัวมาก ไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาพระแขวนคอ แล้ว
ก็หลับไปจนถึงโรงพยาบาล ผมได้แต่นั่งนิ่งและถามมันว่า จริงหรอว่ะ มันก็บอกว่าจริง
ผมตกตอนเย็นผมก็โทรศัพท์ไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ผมก็เลยบอกว่าจะไปถามคนทรงให้ ทางบ้านผมเขาจะเชื่อเรื่องทรงเจ้ากันมาก
ผ่านไปหนึ่งวัน ตอนเย็นอีกวัน แม่ผมก็โทรมาบอกว่า เป็นผีเด็กที่อยู่ตรงนั้น มันต้องการคนมาอยู่แทนที่มัน แต่มันทำไม่ได้ เพราะมีผีบรรพบุรุษช่วยไว้ แม่ผมเลยถามว่าจำต้อนที่มีคนลากเราขึ้นจากน้ำได้ไหม นั้นแหละเขามาช่วย แม่ผมก็เลยบอกให้เอาชุดที่เราใส่ไปวันนั้นเผ่าทิ้งให้หมด มันจะได้ไม่มาตามอีก เราก็ทำตาม
พออยู่ได้อีกอาทิตย์หนึ่งแม่เราก็ใหเรากลับไปอยู่บ้าน แล้วขึ้นรถบริษัทมาทำงานแทน เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ ส่วนตัวผม ที่เห็นก็จะมีแค่มือ กับรู้สึกว่ามีคนมาช่วยตอนตกน้ำ ที่เหลือส่วนมากก็จะเป็นชาวบ้านที่มาช่วยเขาเห็นกัน แล้วก็เพื่อนผมกับแฟนเพื่อนครับ อาจะเขียนไม่ถูกใจใครต้องขออภัยด้วยนะครับ นี้เป็นการเล่าเรื่องครั้งของผม และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ถ้าใครไม่เชื่อก็คิดซะว่าอ่านเพื่อความบันเทิงนะครับ
เรื่องเล่าประสบการณ์หลอน
เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไป.. ตัวผมเองไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดใด ที่จะสามารถให้เพื่อนๆเชื่อในสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ได้ ทุกตัวหนังสือจากนี้ไป!อยู่ที่วิจารณญาณของทุกคนครับ
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตอนที่ผมอายุ21ปี หลังจากผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วครับ ผมส่วนสูงไม่ถึง ใช่ครับ พอเสร็จเรื่องการเกณฑ์ทหารแล้ว ผมก็ได้เดินทางเข้ามาหางานทำในตัวเมือง คือบ้านของผมอยู่นอกเมือง มันไม่ค่อยมีงานอะไรให้ทำ จึงต้องเดินทางเข้ามาหางานในเมืองทำครับ หางานอยู่หลายเดือน จนผมได้งานทำ ที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งครับ ช่วงนั้นน่าจะอยู่ราวเดือนพฤศจิกายน ทางเหนือจะหนาวเเล้วครับ ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว พอผมได้งานทำ ผมจึงต้องหาหอพักที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน ผมคิดได้ว่ามีหอที่เพื่อนผมมันพักอยู่กับมันมีห้องว่างอยู่ ผมจึงตัดสินใจเช่าที่นี้ พอผมได้หอพักแล้วก็ทำสัญญาเช่าอยู่ ห้องก็ไม่มีอะไรมากเป็นห้องโล่งๆแล้วก็มีห้องน้ำ1ห้อง พอจัดห้องอะไรเสร็จก็อาบน้ำนอน เพราะผมต้องเข้างานตอน 7 โมงเช้า อาทิตย์แรกของการทำงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันก่อนวันหยุด เลิกจากเลิกงานประมาณ4-5โมงเย็น ผมก็กลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยจากการทำงาน พอมาถึงห้องล้มตัวลงนอนก็เผลอหลับไป จนประมาณ1ทุ่ม ก็มีสายโทรศัพท์โทรมา ผมก็สะดุ้งตื่น มารับสาย ปรากฏเป็นพี่ที่รู้จักกันแก่โทรมาชวนออกไปดื่มสังสรรค์ที่ร้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักเรามาก ส่วนตัวผมคิดว่ายังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด เลยตอบตกลงไป ผมก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมก็หยิบสร้อยพระที่ผมใส่ติดตัวตลอดมาใส่ จังหวะที่กำลังจะเปิดประตู สร้อยพระที่ใส่อยู่ อยู่ๆมันก็เกิดขาดแล้วตกลงพื้นจนกรอบพระแตก แต่ผมไม่ได้คิดไร เพราะด้วยความรีบที่จะออกไปเที่ยว ผมจึงนำพระมาวางไว้บนเตียงแล้วรีบขับรถออกไปหารุ่นที่ร้านที่เรานัดกันไว้ พอไปถึงก็รุ่นเขาก็สั่งอาหารเครื่องดื่มไว้แล้ว เราจัดเลย ไม่รีรอแล้ว ก็กินดื่มกันไปจนดึกพอถึงเวลาร้านใกล้ปิดเรารีบกินแล้วก็แยกย้ายกันไป ยอมรับว่าเมาครับ แต่ด้วยมันเป็นฤดูหนาว อากาศมันเย็นมากตอนขับรถทำเอาสร่างเมาเลยครับ พอผมครับรถไปได้ถึงมาสักครึ่งทางก่อนถึงหอพัก ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ข้างหลัง แล้วพยายามเอามือมากอดที่เอว ผมก็เลยก้มมองดูที่เอว ผมเห็นเป็นมือ สีดำยาว เรียว แห้งๆเล็บเหมือนจะเปื้อนโคลนกอดที่เอวผม จังหวะนั้นผมกลับไม่ได้มีความคิดที่กลัวเลย แต่พอมองกลับมาที่ถนนผมเห็นว่าเป็นทางแยกที่จะเลี้ยวเข้าหอพัก ผมก็เลยหักรถเลี้ยวเข้าซอยไป จากนั้นก็ได้ยินเสียง โคร่ม!!! จอดับเลยครับ สักพักผมก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนมาช่วยดึงผมขึ้นมา พอตั้งสติได้มองไปทางข้างหน้า มันเป็นคลองครับ ผมขับรถตกคลอง สักพักมีชาวบ้านวิ้งมามุงดูกันเต็มเลย มีลุงคนหนึ่งแก่ถามผมว่า เพื่องเอ็งอีกคนหนึ่งที่ซ้อมาด้วยหายไปไหน ผมก็เลยรีบตอบกลับแก่ไปว่าน่าจะอยู่ข้างล่างคลองครับ เพราะเมื่อกี้มันยังช่วยดึงผมขึ้นมายุเลยครับ พอพูดจบ ผมนึกขึ้นได้ว่า ผมขัยรถมาคนเดียว เลยตอบลุงกลับไปอีกว่า ลุงผมขับรถมาเดียว
ลุงบอกเป็นไปได้ไง พวกลุงนั่งกันอยู่ 2-3คน เห็นมีคนซ้อยท้ายรถเอ็งมา
เท่านั้นแหละ ผมนี้อึ้งไปเลยครับ ผมไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อ เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่พักอยู่ที่หอเดียวกัน ให้มารับ ส่วนมอเตอร์ไซค์ ชาวบ้านเขาช่วยกันเอาขึ้นมาแล้วก็ให้ตำรวจเอาไปไว้ที่โรงพัก พอกลับมาถึงหอ สภาพผมนี่คือ หัวแตก เสื้อผ้าเปื้อนโคลน เพื่อนผมมันก็เลยพาซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาล เพื่อนผมเป็นคนขับ ผมนั้งกลาง ส่วนแฟนมันนั้งข้างหลังประคองผมไว้ไม่ให้ตกรถ พอทำแผลทำอะไรเสร็จก็กลับมาพักฟื้นที่ห้อง พักฟื้นอยู่ห้องเป็นอาทิตย์ พออาการเริ่มดีขึ้น ผมก็ชวนเพื่อนผมให้ไปส่งไปโรงพักไปเอารถมอเตอร์ไซค์ ที่เอาไปฝากไว้ พอไปถึงก็นั้งรอให้ตำรวจมาปลดกุญแจที่ล็อกรถไว้ให้ จู่ๆก็มีคุณลุงคนหนึ่ง น่าจะเป็นอาสากู้ภัย แก่เดินมาใส่พระมาเต็มคอเลย มาถามผมว่าเป็นไงบ้าง เอ็งใช่ไหมที่ขับรถตกคลอง ผมก็บอกว่าใช่ครับ ตอนนี้ดีขึ้นละครับ ลุงก็ถามอีกว่า แล้วเพื่อนเอ็งอีกสองคนละที่ซ้อนกันมาอ่ะเป็นไงบ้าง เห็นชาวบ้านว่า ตกใจคนเลยวิ่งหนี้เข้าป่าทิ้งเอ็งไว้คนเดียว ผมคิดในใจ ตกลงมีกี่คนกันแน่ว่ะ ผมเลยตอบลุงกลับไปว่า ลุง ผมขับรถไปคนเดียว ลุงแก่ได้ยินอย่างนั้นก็หน้าถอดสี ผมก็ถามลุงว่า ตกลง ที่ตรงนั้นมันมีอะไรหรอครับลุง ลุงแก่ก็เลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนมันมีเด็กวัยรุ่น สองคน ขับรถประสบอุบัติเหตุม ตกคลอง เสียชีวิตคาที่ทั้งสองคน และลุงก็ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้าที่ผมจะขับรถลงคลอง มีชาวบ้านที่เขานั้งดื่มกันอยู่ใกล้ๆได้ยินเสียงกริ๊ดร้อง สักพักเอ็งขับรถตามไปก็ประสบอุบัติเหตุ ผมได้ยินดังนั้นก็ขนลุกเลยครับ สักพักตำรวจมาปลดล็อกกุญแจให้ผมก็ยกรถใส่รถเพื่อนแล้วก็กลับที่พัก
พอกลับมาถึงที่พัก เพื่อนผม มันก็พูดขึ้นมาว่า กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง จำตอนที่เรากลับมาถึงหอพักไหม ตอนที่กำลังจะพาไปโรงบาล ตัวเหมือนไม่เป็นตัวเอง ทำตาขาวงใส่แฟนกู แล้วบอกว่า กูไม่ไป ไม่ต้องมาเสรือก แฟนกูกลัวมาก ไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาพระแขวนคอ แล้วก็หลับไปจนถึงโรงพยาบาล ผมได้แต่นั่งนิ่งและถามมันว่า จริงหรอว่ะ มันก็บอกว่าจริง
ผมตกตอนเย็นผมก็โทรศัพท์ไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ผมก็เลยบอกว่าจะไปถามคนทรงให้ ทางบ้านผมเขาจะเชื่อเรื่องทรงเจ้ากันมาก
ผ่านไปหนึ่งวัน ตอนเย็นอีกวัน แม่ผมก็โทรมาบอกว่า เป็นผีเด็กที่อยู่ตรงนั้น มันต้องการคนมาอยู่แทนที่มัน แต่มันทำไม่ได้ เพราะมีผีบรรพบุรุษช่วยไว้ แม่ผมเลยถามว่าจำต้อนที่มีคนลากเราขึ้นจากน้ำได้ไหม นั้นแหละเขามาช่วย แม่ผมก็เลยบอกให้เอาชุดที่เราใส่ไปวันนั้นเผ่าทิ้งให้หมด มันจะได้ไม่มาตามอีก เราก็ทำตาม
พออยู่ได้อีกอาทิตย์หนึ่งแม่เราก็ใหเรากลับไปอยู่บ้าน แล้วขึ้นรถบริษัทมาทำงานแทน เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ ส่วนตัวผม ที่เห็นก็จะมีแค่มือ กับรู้สึกว่ามีคนมาช่วยตอนตกน้ำ ที่เหลือส่วนมากก็จะเป็นชาวบ้านที่มาช่วยเขาเห็นกัน แล้วก็เพื่อนผมกับแฟนเพื่อนครับ อาจะเขียนไม่ถูกใจใครต้องขออภัยด้วยนะครับ นี้เป็นการเล่าเรื่องครั้งของผม และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ถ้าใครไม่เชื่อก็คิดซะว่าอ่านเพื่อความบันเทิงนะครับ