ในช่วงเดือนนี้ก็มีข่าวที่สร้างความรู้สึกเสียใจไม่น้อยของคนในวงการเพลงทางวิทยุ เมื่อยอดดีเจรุ่นใหญ่ "วิทยา ศุภพรโอภาส" หรือที่คนรุ่นหลังเรียกขานกันดีว่า "เสี่ยแหบ" มากกว่าชื่อเล่นที่แท้จริงคือ "อ๊อด" ได้จากไปอย่างกะทันหัน
เขาผู้นี้คร่ำหวอดอยู่ในวงการสื่อวิทยุมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ เริ่มจัดรายการเพลงสากล "Express Song" มาสู่ "เพลงไทยสบายอารมณ์" และ "ฉันมากับเพลง" จนมาถึง "ลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม." ที่ปั้นมากับมือและได้รับความนิยมจากผู้ฟังหลายกลุ่ม ทำให้มีรายการลักษณะเดียวกันนี้ผุดขึ้นตามมาภายหลัง
อีกด้านหนึ่งเขายังเป็นผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาของค่ายเพลงชั้นนำในอดีตอย่าง "นิธิทัศน์ โปรโมชั่น" ของ "วิเชียร อัศว์ศิวะกุล" เคยเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์เช่น "เสาร์สนุก" และยังเคยสวมรอยพระเอกแสดงภาพยนตร์ร่วมกับวงดนตรี "แมคอินทอช" ในเรื่อง "สยามสแควร์"
สำหรับการทำงานกับ "นิธิทัศน์" ของวิทยา เรียกว่าล่มหัวจมท้ายมาแต่ต้น ปั้นศิลปินในสังกัดจนประสบความสำเร็จนักต่อนัก เทปก็พลอยขายดีแทบทุกชุด
แต่มาสะดุดจนกลายเป็นข่าวสะเทือนวงการเพลงเมื่อปี 2537 กรณี "วิทยา" ตัดสายสัมพันธ์กับ "วิเชียร" จึงตัดสินใจลาออกเพื่อไปร่วมงานอย่างเป็นอิสระ
รายละเอียดและที่มาของข่าวดังกล่าว เราได้ค้นพบจากนิตยสารฉบับหนึ่ง จึงขอคัดบทความนั้นเพื่อนำมาเผยแพร่เนื่องในโอกาสแห่งการรำพึงรำพัน ด้วยความคิดถึง..."วิทยา"
เราเองก็ลุ้นอยู่ว่าในวันงานพระราชทานเพลิงศพ "เสี่ยวิเชียร" จะมาร่วมเคารพศพ "พี่อ๊อด" เป็นครั้งสุดท้ายในฐานะเพื่อนที่ดีหรือไม่?
เมกกะแดนซ์พ่นพิษ... “วิทยา” ลาก่อน
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2537 เป็นวันเกิดของเถ้าแก่ใหญ่ค่ายนิธิทัศน์ที่ชื่อ “วิเชียร อัศว์ศิวะกุล” พร้อมกันนี้ก็เป็นวันครบรอบ 12 ปีของการก่อตั้งบริษัทนิธิทัศน์ด้วย
แต่หากไปขอความเห็นกับ “วิทยา ศุภพรโอภาส” ดีเจดัง รั้งตำแหน่งที่ปรึกษาใหญ่ในบริษัทนิธิทัศน์ก็อาจได้รับคำตอบอันนำมาซึ่งความงวยงงว่า
คงไม่มีปีที่ 13 สำหรับเขา!
ล่าสุด “วิทยา” ตกเป็นข่าวเมื่อประกาศตัดบัวไม่เหลือใยกับ “วิเชียร” ประธานบริษัทนิธิทัศน์เสียแล้ว หลังจากที่ช่วยก่อตั้งและมีสัมพันธภาพราวกับคอหอยกับลูกกระเดือกมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
12 ปีแห่งความหลังที่ขับร้องโดย “วิทยา ศุภพรโอภาส” เวอร์ชั่นนี้ คงไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากเนื้อร้องของเพลง 16 ปีแห่งความหลังของ สุรพล สมบัติเจริญ มากเท่าใดนัก อันเนื่องจากรสชาติที่มีทั้งรักทั้งชัง ทั้งหวานและขมขื่น
แต่ต่างกันตรงที่ว่าความรักนั้นมีเพียงแค่เศษเสี้ยว และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความขมขื่นที่วิทยาได้รับ มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
วิทยาบอกแต่เพียงว่า เขาถอนตัวออกจากบริษัทนิธิทัศน์เป็นที่เรียบร้อยแล้วอันเนื่องมาจากความคิดเห็นระหว่างเขากับวิเชียร อัศว์ศิวะกุล ไม่ตรงกัน และเมื่อสอดประสานกันไม่ได้ ก็ป่วยการที่จะอยู่ร่วมกันต่อไป
ปัจจุบัน วิทยา ศุภพรโอภาส จัดรายการเป็นเอกเทศแต่โอนเอียงเข้าหาบริษัท มีเดี่ย ออฟ มีเดี่ยส์ เล็กน้อยที่คลื่น 90.0 เมกกะเฮิร์ตกับ 101.00 เมกกะเฮิร์ต นอกจากนี้เขายังประกาศจุดยืนว่า ต่อไปนี้จะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโดยยินดีเปิดเพลงให้แก่ทุกค่าย และเพลงของเหล่าศิลปินสตริงดังในอดีตจะถูกนำมาเป็นจุดขายให้รายการของเขา
อาทิ รอแยลสไปรท์ แกรนด์เอ็กซ์ ตลอดจนกระทั่งถึงวงแมคอินทอช
แต่ถ้ากลับไปเปิดเพลงไตเติ้ล เก็ต เรดดี้ เมื่อครั้งยังจัดรายการเอ็กซ์เพรส ซอง ก็คงหมายความว่า เขาได้หลุดจากพันธนาการในเชิงธุรกิจทั้งปวงแล้ว...เป็นแน่?
จุดอันนำมาซึ่งความแตกหักระหว่าง วิทยา ศุภพรโอภาส กับ วิเชียร อัศว์ศิวะกุล มาจากสาเหตุหลายประการด้วยกัน แต่แนวเพลงของเมกกะแดนซ์ต่างหากที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐที่ทั้งคู่ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันที่มีต่อกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานได้
วิทยาบอกว่า ได้ให้คำปรึกษาในฐานะที่ปรึกษาว่า ไม่ควรให้นักร้องหลายคนมารุมร้องเพลงในจังหวะเดียวกัน หรือที่เรียกถากถางกันว่าเพลงร้อยเนื้อหนึ่งทำนอง อันเนื่องจากผู้ฟังจะไม่ติดแล้ว อาจถูกตำหนิได้ในเชิงสร้างสรรค์เพลง แต่ปรากฏว่าวิเชียรไม่ฟัง นอกจากนี้เมื่อมีสื่อมวลชนท้วงติงว่าระดมออกอากาศมากเกินไปพร้อมทั้งตั้งฉายาว่าเป็นเพลง “สะใจแม่ยาย” แต่แทนที่วิเชียรจะรู้สึก เขาอธิบายให้ผมฟังว่า “ชื่อสะใจแม่ยายมันดี จะเอามาตั้งชื่ออัลบั้มเสียเลย”
“มันเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ควรรับฟัง ไม่ใช่ลุกขึ้นสวนกระแสด้วยการตั้งชื่อประชด” วิทยาบอกแล้วกล่าวต่อว่า เมื่อให้คำปรึกษาทักท้วงแล้ว เขาไม่ฟังก็ป่วยการที่จะร่วมงานกันต่อไป หลังนั้นประมาณสักสองเดือนตนก็บอกอำลาโดยรอเคลียร์เรื่องรายได้อยู่ในระหว่างนี้
ก็คงเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งสองฝ่าย เมื่อนายจ้างไม่ฟังที่ปรึกษาและเมื่อคำปรึกษาเปรียบเสมือนเสียงนกกา ก็เปลืองงบประมาณนายจ้างเปล่า ๆ เพราะฉะนั้นก็คงอยู่ร่วมกันไม่ได้
วันนี้...ผู้ฟังรายการของวิทยา ศุภพรโอภาส อาจจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เพราะเดิมทีเคยได้ยินแต่บทเพลงนิธิทัศน์ แต่ปัจจุบันเปิดเพลงเก่า ๆ ขึ้นมาทดแทน ก็ขอให้รับรู้ได้ด้วยว่า ในช่วงเวลาเขาเป็นเขตปลอดเพลงนิธิทัศน์นับตั้งแต่วันที่ประกาศแยกทางกันออกมา
ใครโทร.มาขอเพลงเมกกะแดนซ์ นอกจากจะไม่เปิดแล้วอาจโดนด่ากลับอีกด้วย!
(คัดลอกบทความจากนิตยสาร ทีวีไดเจสท์, ปีที่ 1 ฉบับที่ 1, 15 มิถุนายน 2537)
- - - - - - - - - - สวัสดี. - - - - - - - - - -
โปรดอ่าน...เรื่องราวร้าวฉานระหว่าง "วิทยา" กับ "วิเชียร-นิธิทัศน์" เพราะ "เมกกะแดนซ์" จริงหรือ?
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2537 เป็นวันเกิดของเถ้าแก่ใหญ่ค่ายนิธิทัศน์ที่ชื่อ “วิเชียร อัศว์ศิวะกุล” พร้อมกันนี้ก็เป็นวันครบรอบ 12 ปีของการก่อตั้งบริษัทนิธิทัศน์ด้วย
แต่หากไปขอความเห็นกับ “วิทยา ศุภพรโอภาส” ดีเจดัง รั้งตำแหน่งที่ปรึกษาใหญ่ในบริษัทนิธิทัศน์ก็อาจได้รับคำตอบอันนำมาซึ่งความงวยงงว่า
คงไม่มีปีที่ 13 สำหรับเขา!
ล่าสุด “วิทยา” ตกเป็นข่าวเมื่อประกาศตัดบัวไม่เหลือใยกับ “วิเชียร” ประธานบริษัทนิธิทัศน์เสียแล้ว หลังจากที่ช่วยก่อตั้งและมีสัมพันธภาพราวกับคอหอยกับลูกกระเดือกมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
12 ปีแห่งความหลังที่ขับร้องโดย “วิทยา ศุภพรโอภาส” เวอร์ชั่นนี้ คงไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากเนื้อร้องของเพลง 16 ปีแห่งความหลังของ สุรพล สมบัติเจริญ มากเท่าใดนัก อันเนื่องจากรสชาติที่มีทั้งรักทั้งชัง ทั้งหวานและขมขื่น
แต่ต่างกันตรงที่ว่าความรักนั้นมีเพียงแค่เศษเสี้ยว และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความขมขื่นที่วิทยาได้รับ มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
วิทยาบอกแต่เพียงว่า เขาถอนตัวออกจากบริษัทนิธิทัศน์เป็นที่เรียบร้อยแล้วอันเนื่องมาจากความคิดเห็นระหว่างเขากับวิเชียร อัศว์ศิวะกุล ไม่ตรงกัน และเมื่อสอดประสานกันไม่ได้ ก็ป่วยการที่จะอยู่ร่วมกันต่อไป
ปัจจุบัน วิทยา ศุภพรโอภาส จัดรายการเป็นเอกเทศแต่โอนเอียงเข้าหาบริษัท มีเดี่ย ออฟ มีเดี่ยส์ เล็กน้อยที่คลื่น 90.0 เมกกะเฮิร์ตกับ 101.00 เมกกะเฮิร์ต นอกจากนี้เขายังประกาศจุดยืนว่า ต่อไปนี้จะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโดยยินดีเปิดเพลงให้แก่ทุกค่าย และเพลงของเหล่าศิลปินสตริงดังในอดีตจะถูกนำมาเป็นจุดขายให้รายการของเขา
อาทิ รอแยลสไปรท์ แกรนด์เอ็กซ์ ตลอดจนกระทั่งถึงวงแมคอินทอช
แต่ถ้ากลับไปเปิดเพลงไตเติ้ล เก็ต เรดดี้ เมื่อครั้งยังจัดรายการเอ็กซ์เพรส ซอง ก็คงหมายความว่า เขาได้หลุดจากพันธนาการในเชิงธุรกิจทั้งปวงแล้ว...เป็นแน่?
จุดอันนำมาซึ่งความแตกหักระหว่าง วิทยา ศุภพรโอภาส กับ วิเชียร อัศว์ศิวะกุล มาจากสาเหตุหลายประการด้วยกัน แต่แนวเพลงของเมกกะแดนซ์ต่างหากที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐที่ทั้งคู่ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันที่มีต่อกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานได้
วิทยาบอกว่า ได้ให้คำปรึกษาในฐานะที่ปรึกษาว่า ไม่ควรให้นักร้องหลายคนมารุมร้องเพลงในจังหวะเดียวกัน หรือที่เรียกถากถางกันว่าเพลงร้อยเนื้อหนึ่งทำนอง อันเนื่องจากผู้ฟังจะไม่ติดแล้ว อาจถูกตำหนิได้ในเชิงสร้างสรรค์เพลง แต่ปรากฏว่าวิเชียรไม่ฟัง นอกจากนี้เมื่อมีสื่อมวลชนท้วงติงว่าระดมออกอากาศมากเกินไปพร้อมทั้งตั้งฉายาว่าเป็นเพลง “สะใจแม่ยาย” แต่แทนที่วิเชียรจะรู้สึก เขาอธิบายให้ผมฟังว่า “ชื่อสะใจแม่ยายมันดี จะเอามาตั้งชื่ออัลบั้มเสียเลย”
“มันเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ควรรับฟัง ไม่ใช่ลุกขึ้นสวนกระแสด้วยการตั้งชื่อประชด” วิทยาบอกแล้วกล่าวต่อว่า เมื่อให้คำปรึกษาทักท้วงแล้ว เขาไม่ฟังก็ป่วยการที่จะร่วมงานกันต่อไป หลังนั้นประมาณสักสองเดือนตนก็บอกอำลาโดยรอเคลียร์เรื่องรายได้อยู่ในระหว่างนี้
ก็คงเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งสองฝ่าย เมื่อนายจ้างไม่ฟังที่ปรึกษาและเมื่อคำปรึกษาเปรียบเสมือนเสียงนกกา ก็เปลืองงบประมาณนายจ้างเปล่า ๆ เพราะฉะนั้นก็คงอยู่ร่วมกันไม่ได้
วันนี้...ผู้ฟังรายการของวิทยา ศุภพรโอภาส อาจจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เพราะเดิมทีเคยได้ยินแต่บทเพลงนิธิทัศน์ แต่ปัจจุบันเปิดเพลงเก่า ๆ ขึ้นมาทดแทน ก็ขอให้รับรู้ได้ด้วยว่า ในช่วงเวลาเขาเป็นเขตปลอดเพลงนิธิทัศน์นับตั้งแต่วันที่ประกาศแยกทางกันออกมา
ใครโทร.มาขอเพลงเมกกะแดนซ์ นอกจากจะไม่เปิดแล้วอาจโดนด่ากลับอีกด้วย!