ทูตรัศมิ์ ท้า รัฐบาลกล้าไหม ถ้ากรณี พล.ต.ต.ปวีณไม่จริง ต้องฟ้องสำนักข่าวต่างประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3313042
ทูตรัศมิ์ ท้า รัฐบาลกล้าไหม ถ้ากรณี พล.ต.ต.ปวีณไม่จริง ต้องฟ้องสำนักข่าวต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 27 เมษายน นาย
รัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ และเจ้าของเพจ ทูตนอกแถว
The Alternative Ambassador Returns เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับกรณีสื่อต่างประเทศเผยแพร่รายงานสัมภาษณ์ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ นายตำรวจที่ลี้ภัยจากไทยไปออสเตรเลียหลังทำคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดย ระบุว่า
ไม่จริงต้องฟ้อง
เมื่อไม่กี่วันมานี้สำนักข่าวอัลจาซีร่าได้เผยแพร่การให้สัมภาษณ์ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ใน YouTube เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาที่ทำกันอย่างเป็นขบวนการใหญ่โตที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเชื่อว่ายังมีผู้ที่อยู่สูงกว่านั้น รวมทั้งคนในระดับรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังด้วย
สำนักข่าวอัลจาซีร่าของกาตาร์นั้นถือเป็นหนึ่งในสำนักข่าวต่างประเทศที่ทรงอิทธิพลที่มีผู้ติดตามมหาศาลทั่วโลก การนำเสนอเช่นนี้เกี่ยวกับประเทศไทยจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และปฏิเสธไม่ได้ว่าย่อมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้งประเทศและรัฐบาลในแง่ลบ ที่ถือว่าฉาวโฉ่น่าอับอายอย่างที่สุดต่อประชาคมโลก
อยากให้เข้าไปชมกันโดยค้นหาใน YouTube ชื่อวิดีโอคือ “Thailand’s Fearless Cop” นอกจากนี้ก็มีการนำเสนอเรื่องนี้โดยละเอียดในเพจของ The Matter เช่นกัน
ผมไม่ขอลงรายละเอียดในเรื่องนี้ เพราะไปหาชม/อ่านกันได้เองไม่ยากนัก และขอบอกว่าผมเองมองไม่เห็นว่าคนระดับ พล.ต ต. ที่ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ แล้วต้องไปทำงานเป็นคนทำเบาะเก้าอี้ เขาจะมาโกหกเพื่ออะไร ทั้งนี้ ผมอยากจะนำเสนอข้อสังเกตและข้อคิดเห็นบางประการที่หลายคนอาจหลงลืม หรือจงใจทำเป็นหลงลืม ไม่อยากพูดถึง ดังนี้
การค้ามนุษย์นั้นปกติถือเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงชั่วร้ายที่สุดประการหนึ่งในบรรดาอาชญากรรมทั้งมวล ยิ่งเป็นการค้ามนุษย์โดยมีหลักฐานว่ามีการทารุณโหดร้าย ทรมาน ข่มขืน ฆ่า ทั้งชายหญิงรวมทั้งเด็ก จำนวนมากมาย ระดับความชั่วร้ายย่อมทวีคูณ และยิ่งไปกว่านั้นถ้าปรากฏว่าคนของรัฐที่มีตำแหน่งสูง หรือคนในรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือทำเป็นขบวนการอย่างเป็นล่ำเป็นสัน นี่คือความชั่วร้ายที่ต่ำช้าถึงที่สุดที่ประเทศหนึ่งจะมีได้ตามมาตรฐานโลก
แม้จะมีคนไทยไม่น้อยที่สนใจข่าวนี้ แต่ดูเหมือนคนจำนวนมากไม่ได้สนใจหรือตระหนักถึงระดับความเลวร้ายของสิ่งนี้ ว่ามันคือการประจานถึงความฟอนเฟะและการคอร์รัปชั่นถึงขีดสุดของระบบการบริหาร ที่คือการบ่อนทำลายประเทศชาติอย่างหนึ่งบนความโลภโมโทสันของคนที่มีอำนาจโดยแท้
ผมพยายามนึกถึงความเลวร้ายต่างๆที่รัฐมีส่วนเคยทำมา ที่แม้ในอดีตรัฐเคยทำสิ่งเลวร้ายมากมาย เคยฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่การค้ามนุษย์ ที่ทั้งฆ่าและทรมานสารพัดรูปแบบโดยมีวัตถุประสงค์เพราะความโลภ ที่ทำอย่างเป็นขบวนการเป็นล่ำเป็นสันถึงยันระดับสูงสุด ผมนึกไม่ออก
และผมก็นึกถึงที่หลายคนที่เคยด่านักการเมืองที่มาอย่างถูกต้องชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตยว่า เขาโกงๆ เช่นเซ็นชื่อซื้อที่ให้เมีย (ซึ่งตามกฎหมายระบุให้ทำเช่นนั้น) หาว่าเขาโกงจากนโยบายจำนำข้าวที่เขาได้หาเสียงไว้กับประชาชน (ที่ก็พิสูจน์ไม่ได้อีกว่าเขาโกงอะไร) แต่ทุกวันนี้หลายคนกลับนิ่งเฉยต่อสิ่งที่-ั่ว-้าถึงที่สุดนี้
แล้วถ้าเรื่องนี้ไม่จริง รัฐบาลควรต้องฟ้องสำนักข่าวอัลจาซีร่านะครับ กล้าไหม?
https://www.facebook.com/thealternativeambassadorreturns/posts/159183849911923
เตรียมควักกระเป๋าเพิ่ม! ส.ค้าปลีก คาดหลายสินค้า ขอปรับราคาขายส่ง หลังเลิกอุ้มดีเซล
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7019871
เตรียมควักกระเป๋าเพิ่ม! ส.ค้าปลีก คาดหลายสินค้า ขอปรับราคาขายส่ง โดยเฉพาะของชิ้นใหญ่ หลังรัฐเลิกอุ้มดีเซล 30 บาท พาณิชย์แถลงมาตรการดูแล
วันที่ 27 เม.ย.65 นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทยเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตสินค้าแจ้งขอปรับขึ้นราคามาเพิ่มเติม โดยต้องรอดูหลังจากวันที่ 1พ.ค.ที่รัฐบาลปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งจะกระทบต้นทุนค่าขนส่งสินค้าแน่นอน
โดยผู้ผลิตอาจจะปรับขึ้นราคาขายส่งสินค้าอีกหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าชิ้นใหญ่ ด้วยวิธีการขอตัดส่วนลดการค้าเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้กำไรของผู้ค้าส่งลดลงอีก แต่ยังไม่มีการปรับขึ้นราคาขายปลีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสินค้าที่ผู้ผลิตได้ทยอยยื่นขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายมายังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เช่น ปุ๋ยเคมีทุกสูตร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และกลุ่มอาหารกระป๋อง เช่นปลากระป๋อง ผลไม้กระป๋อง
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมานาย นาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ยืนยันว่า ยังไม่มีการอนุมัติให้สินค้าจำเป็น 18 รายการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 เม.ย. เวลาประมาณ 15.30 น. นาย
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในจะเปิดแถลงข่าวเรื่องมาตรการดูแลราคาสินค้า
คนขายหวย โชว์ต้นทุนสลากยี่ปั๊ว ถาม จะขาย 80 ได้ยังไง วอนรบ.ลดต้นทุน-ให้โควต้าเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/region/news_3313188
คนขายหวย โชว์ต้นทุนสลากยี่ปั๊ว ถาม จะขาย 80 ได้ยังไง วอนรบ.ลดต้นทุน-ให้โควต้าเพิ่ม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามหน้าแผงขายสลากงวดประจำวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ในเขตเทศบาลตำบลหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี โดยพบกับกลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อย ที่มาตั้งแผงขายสลากที่บริเวณธนาคาร พบว่า ทั้ง 4 ร้าน ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาใบละ 100 บาท ส่วนสลากกินแบ่งรัฐบาล ชุด 5 ใบ ขายในราคาชุดละ 650 บาท ซึ่งผู้ค้าสลากต่างเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาใบละ 80 บาทได้ตามที่รัฐบาลประกาศ พร้อมกับโชว์ราคาส่งที่รับมาจากยี่ปั๊วให้ดูว่าต้นทุนที่ซื้อสลากมานั้นอยู่ในราคาใบละเท่าไหร่อีกด้วย
นาง
ยุติมา สารมโน (เสื้อลายสก๊อตแขนยาวสีแดง) อายุ 67 ปี เล่าว่า ที่แผงของตนเองนั้น ได้โควต้ามาจำนวน 5 เล่ม ในราคาต้นทุนใบละ 70.40 บาท แต่ด้วยได้เพียงแค่ 5 เล่ม จึงทำให้ไม่พอต่อค่าครองชีพทำให้ต้องไปรับจากเถ้าแก่มาขายเสริม ในราคาเล่มละ 93 บาทต่อใบ และถ้าซื้อยกกล่อง ต้นทุนจะอยู่ที่ราคาใบละ 95 บาท และนำมาขายที่หน้าแผงในราคาใบละ 100 บาท เพราะรับมาต้นทุนใบละ 95 บาท เมื่อขายใบละ 100 บาท ก็จะได้กำไรใบละ 5 บาท ซึ่งก็นำมาถัวเฉลี่ยกับโควต้า 5 เล่ม ที่ได้มา ถ้าอย่างนั้นก็ไปไม่รอด ถ้าต้นทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลยังเป็นอยู่แบบนี้ จะไม่มีแผงหวยแผงใดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ได้อย่างแน่นอน ซึ่งหากจะให้เราขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ก็ต้องให้โควต้าสลากกันที่ 10 เล่มขึ้นไป ถึงจะสามารถขายในราคาใบละ 80 บาทได้ เพราะถ้ายังรับหวยจากเถ้าแก่มาขาย ยังไงก็ไม่สามารถขายราคาใบละ 80 บาทได้แน่นอน
นาง
ยุติมา ยังได้ยกตัวอย่างปัญหาว่า ปัญหาหลักคือ โควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ได้มานั้นน้อยเกินไป ถ้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเฉพาะที่ได้โควต้ามา จำนวน 5 เล่ม ในราคาใบละ 80 บาท เมื่อหักจากต้นทุนคือจำนวนเงิน 35,200 บาทแล้ว จะเหลือกำไรจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นเงินจำนวน 4,800 บาท ซึ่งยังไม่ได้หักต้นทุนค่าน้ำมัน ค่าเช่าที่ เลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งจำนวนเงินรายได้ที่ได้มาในจำนวนนี้ เมื่อหักจากค่าเช่าบ้านแล้วอีก 2,000 บาท ยังไงก็ไม่สามารถใช้ในการดำรงชีพได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเพิ่มโควต้าให้เป็นคนละ 10 เล่ม ก็จะสามารถ ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท โดยที่ไม่ต้องไปซื้อจากยี่ปั๊ว และจะมีรายได้เพียงพอในการดำรงชีพอย่างแน่นอน
นาย
สมบุญ คำมี (เสื้อลายสก๊อตแขนยาวสีฟ้า) อีกหนึ่งผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้โควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำนวน 5 เล่มเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อรายได้ที่ใช้ดำรงชีพ จึงต้องไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขายเพิ่มจากยี่ปั๊วด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากได้สลากกินแบ่งรัฐบาลโควต้าจำนวน 10 เล่ม ก็จะได้ไม่ต้องไปรับจากยี่ปั๊วมาขาย พวกเราก็จะขายแค่ในโควต้าที่ตนเองมีอยู่แล้ว ซึ่งก็จะเพียงพอต่อรายได้ดำรงชีพ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากฝากถึงรัฐบาล ให้จัดโควต้าให้พวกเราทุกคนๆละ 10 เล่ม จะได้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา 80 บาทกันได้จริงทุกคน ซึ่งถ้าได้โควต้าในจำนวนเท่านี้ยังไงก็สามารถขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ได้แน่นอน
ด้าน นาง
ถาวร พาพล อายุ 45 ปี (เสื้อแขนยาวสีฟ้า) หนึ่งในผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังไม่ได้โควต้า เล่าว่า รอบนี้ตนเองนั้นรับต้นทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขายในราคาใบละ 85-90 บาท ถ้าหากจะให้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ และความเป็นจริงแล้ว ผู้ค้าสลากก็ควรจะได้โควต้ากันจำนวน 2 กล่อง หรือ 2,000 ใบ ซึ่งก็จะพอทำให้เรานั้นสามารถขายกันในราคาใบละ 80 บาทได้ และหากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลนั้นส่งสลากให้เราในราคา 60-65 บาท และให้เราขายสลากในราคา 80 บาท เราสามารถอยู่กันได้ เพราะเราต้องพูดกันถึงความเป็นจริงว่าตอนนี้ส่งให้โควต้าในราคาต้นทุนใบละ 70 บาท 40 สตางค์ แล้วให้ขายในราคาใบละ 80 บาท ได้กำไรใบละไม่ถึง 10 บาท แต่สภาวะราคาของกินของใช้ก็แพงขึ้นทุกวัน คนที่มีลูกไหนจะค่าเทอม ค่ากินใช้ไปวันๆอีก ทำให้เรานั้นไม่มีเงินเหลือเก็บได้เลย
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ค้าสลากยังได้โชว์ราคาต้นทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ต้องไปรับนอกเหนือจากโควต้ามาให้ดู โดยพบว่าราคาสลาก ของวันที่ 25 เมษายน 2565 เวลา 07.15 น. สลากกินแบ่งรัฐบาลยกเล่ม จะตกอยู่ที่ใบละ 90.50 บาท ชุด 2 ใบ ใบละ 93 บาท ชุด 3 ใบ ใบละ 100 บาท ชุด 4 ใบ ใบละ 110 บาท และชุด 5 ใบ ใบละ 118 บาท และวันที่ 27 เมษายน 2565 เวลา 07.15 น. สลากกินแบ่งรัฐบาลยกเล่มจะตกอยู่ที่ใบละ 91.80 บาท ชุด 2 ใบ ใบละ 94.50 บาท ชุด 3 ใบ ใบละ 130 บาท และชุด 4 ใบ ใบละ 112 บาท
JJNY : ทูตรัศมิ์ท้ารบ.ฟ้องสำนักข่าวตปท.│ส.ค้าปลีกคาดหลายสินค้าขอปรับราคา│คนขายหวยโชว์ต้นทุนสลาก│โซเชียลจับโป๊ะ “ตำรวจ”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3313042
ทูตรัศมิ์ ท้า รัฐบาลกล้าไหม ถ้ากรณี พล.ต.ต.ปวีณไม่จริง ต้องฟ้องสำนักข่าวต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ และเจ้าของเพจ ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับกรณีสื่อต่างประเทศเผยแพร่รายงานสัมภาษณ์ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ นายตำรวจที่ลี้ภัยจากไทยไปออสเตรเลียหลังทำคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดย ระบุว่า
ไม่จริงต้องฟ้อง
เมื่อไม่กี่วันมานี้สำนักข่าวอัลจาซีร่าได้เผยแพร่การให้สัมภาษณ์ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ใน YouTube เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาที่ทำกันอย่างเป็นขบวนการใหญ่โตที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเชื่อว่ายังมีผู้ที่อยู่สูงกว่านั้น รวมทั้งคนในระดับรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังด้วย
สำนักข่าวอัลจาซีร่าของกาตาร์นั้นถือเป็นหนึ่งในสำนักข่าวต่างประเทศที่ทรงอิทธิพลที่มีผู้ติดตามมหาศาลทั่วโลก การนำเสนอเช่นนี้เกี่ยวกับประเทศไทยจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และปฏิเสธไม่ได้ว่าย่อมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้งประเทศและรัฐบาลในแง่ลบ ที่ถือว่าฉาวโฉ่น่าอับอายอย่างที่สุดต่อประชาคมโลก
อยากให้เข้าไปชมกันโดยค้นหาใน YouTube ชื่อวิดีโอคือ “Thailand’s Fearless Cop” นอกจากนี้ก็มีการนำเสนอเรื่องนี้โดยละเอียดในเพจของ The Matter เช่นกัน
ผมไม่ขอลงรายละเอียดในเรื่องนี้ เพราะไปหาชม/อ่านกันได้เองไม่ยากนัก และขอบอกว่าผมเองมองไม่เห็นว่าคนระดับ พล.ต ต. ที่ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ แล้วต้องไปทำงานเป็นคนทำเบาะเก้าอี้ เขาจะมาโกหกเพื่ออะไร ทั้งนี้ ผมอยากจะนำเสนอข้อสังเกตและข้อคิดเห็นบางประการที่หลายคนอาจหลงลืม หรือจงใจทำเป็นหลงลืม ไม่อยากพูดถึง ดังนี้
การค้ามนุษย์นั้นปกติถือเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงชั่วร้ายที่สุดประการหนึ่งในบรรดาอาชญากรรมทั้งมวล ยิ่งเป็นการค้ามนุษย์โดยมีหลักฐานว่ามีการทารุณโหดร้าย ทรมาน ข่มขืน ฆ่า ทั้งชายหญิงรวมทั้งเด็ก จำนวนมากมาย ระดับความชั่วร้ายย่อมทวีคูณ และยิ่งไปกว่านั้นถ้าปรากฏว่าคนของรัฐที่มีตำแหน่งสูง หรือคนในรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือทำเป็นขบวนการอย่างเป็นล่ำเป็นสัน นี่คือความชั่วร้ายที่ต่ำช้าถึงที่สุดที่ประเทศหนึ่งจะมีได้ตามมาตรฐานโลก
แม้จะมีคนไทยไม่น้อยที่สนใจข่าวนี้ แต่ดูเหมือนคนจำนวนมากไม่ได้สนใจหรือตระหนักถึงระดับความเลวร้ายของสิ่งนี้ ว่ามันคือการประจานถึงความฟอนเฟะและการคอร์รัปชั่นถึงขีดสุดของระบบการบริหาร ที่คือการบ่อนทำลายประเทศชาติอย่างหนึ่งบนความโลภโมโทสันของคนที่มีอำนาจโดยแท้
ผมพยายามนึกถึงความเลวร้ายต่างๆที่รัฐมีส่วนเคยทำมา ที่แม้ในอดีตรัฐเคยทำสิ่งเลวร้ายมากมาย เคยฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่การค้ามนุษย์ ที่ทั้งฆ่าและทรมานสารพัดรูปแบบโดยมีวัตถุประสงค์เพราะความโลภ ที่ทำอย่างเป็นขบวนการเป็นล่ำเป็นสันถึงยันระดับสูงสุด ผมนึกไม่ออก
และผมก็นึกถึงที่หลายคนที่เคยด่านักการเมืองที่มาอย่างถูกต้องชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตยว่า เขาโกงๆ เช่นเซ็นชื่อซื้อที่ให้เมีย (ซึ่งตามกฎหมายระบุให้ทำเช่นนั้น) หาว่าเขาโกงจากนโยบายจำนำข้าวที่เขาได้หาเสียงไว้กับประชาชน (ที่ก็พิสูจน์ไม่ได้อีกว่าเขาโกงอะไร) แต่ทุกวันนี้หลายคนกลับนิ่งเฉยต่อสิ่งที่-ั่ว-้าถึงที่สุดนี้
แล้วถ้าเรื่องนี้ไม่จริง รัฐบาลควรต้องฟ้องสำนักข่าวอัลจาซีร่านะครับ กล้าไหม?
https://www.facebook.com/thealternativeambassadorreturns/posts/159183849911923
เตรียมควักกระเป๋าเพิ่ม! ส.ค้าปลีก คาดหลายสินค้า ขอปรับราคาขายส่ง หลังเลิกอุ้มดีเซล
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7019871
เตรียมควักกระเป๋าเพิ่ม! ส.ค้าปลีก คาดหลายสินค้า ขอปรับราคาขายส่ง โดยเฉพาะของชิ้นใหญ่ หลังรัฐเลิกอุ้มดีเซล 30 บาท พาณิชย์แถลงมาตรการดูแล
วันที่ 27 เม.ย.65 นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทยเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตสินค้าแจ้งขอปรับขึ้นราคามาเพิ่มเติม โดยต้องรอดูหลังจากวันที่ 1พ.ค.ที่รัฐบาลปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งจะกระทบต้นทุนค่าขนส่งสินค้าแน่นอน
โดยผู้ผลิตอาจจะปรับขึ้นราคาขายส่งสินค้าอีกหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าชิ้นใหญ่ ด้วยวิธีการขอตัดส่วนลดการค้าเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้กำไรของผู้ค้าส่งลดลงอีก แต่ยังไม่มีการปรับขึ้นราคาขายปลีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสินค้าที่ผู้ผลิตได้ทยอยยื่นขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายมายังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เช่น ปุ๋ยเคมีทุกสูตร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และกลุ่มอาหารกระป๋อง เช่นปลากระป๋อง ผลไม้กระป๋อง
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมานาย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ยืนยันว่า ยังไม่มีการอนุมัติให้สินค้าจำเป็น 18 รายการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 เม.ย. เวลาประมาณ 15.30 น. นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในจะเปิดแถลงข่าวเรื่องมาตรการดูแลราคาสินค้า
คนขายหวย โชว์ต้นทุนสลากยี่ปั๊ว ถาม จะขาย 80 ได้ยังไง วอนรบ.ลดต้นทุน-ให้โควต้าเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/region/news_3313188
คนขายหวย โชว์ต้นทุนสลากยี่ปั๊ว ถาม จะขาย 80 ได้ยังไง วอนรบ.ลดต้นทุน-ให้โควต้าเพิ่ม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามหน้าแผงขายสลากงวดประจำวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ในเขตเทศบาลตำบลหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี โดยพบกับกลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อย ที่มาตั้งแผงขายสลากที่บริเวณธนาคาร พบว่า ทั้ง 4 ร้าน ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาใบละ 100 บาท ส่วนสลากกินแบ่งรัฐบาล ชุด 5 ใบ ขายในราคาชุดละ 650 บาท ซึ่งผู้ค้าสลากต่างเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในราคาใบละ 80 บาทได้ตามที่รัฐบาลประกาศ พร้อมกับโชว์ราคาส่งที่รับมาจากยี่ปั๊วให้ดูว่าต้นทุนที่ซื้อสลากมานั้นอยู่ในราคาใบละเท่าไหร่อีกด้วย
นางยุติมา สารมโน (เสื้อลายสก๊อตแขนยาวสีแดง) อายุ 67 ปี เล่าว่า ที่แผงของตนเองนั้น ได้โควต้ามาจำนวน 5 เล่ม ในราคาต้นทุนใบละ 70.40 บาท แต่ด้วยได้เพียงแค่ 5 เล่ม จึงทำให้ไม่พอต่อค่าครองชีพทำให้ต้องไปรับจากเถ้าแก่มาขายเสริม ในราคาเล่มละ 93 บาทต่อใบ และถ้าซื้อยกกล่อง ต้นทุนจะอยู่ที่ราคาใบละ 95 บาท และนำมาขายที่หน้าแผงในราคาใบละ 100 บาท เพราะรับมาต้นทุนใบละ 95 บาท เมื่อขายใบละ 100 บาท ก็จะได้กำไรใบละ 5 บาท ซึ่งก็นำมาถัวเฉลี่ยกับโควต้า 5 เล่ม ที่ได้มา ถ้าอย่างนั้นก็ไปไม่รอด ถ้าต้นทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลยังเป็นอยู่แบบนี้ จะไม่มีแผงหวยแผงใดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ได้อย่างแน่นอน ซึ่งหากจะให้เราขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ก็ต้องให้โควต้าสลากกันที่ 10 เล่มขึ้นไป ถึงจะสามารถขายในราคาใบละ 80 บาทได้ เพราะถ้ายังรับหวยจากเถ้าแก่มาขาย ยังไงก็ไม่สามารถขายราคาใบละ 80 บาทได้แน่นอน
นางยุติมา ยังได้ยกตัวอย่างปัญหาว่า ปัญหาหลักคือ โควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ได้มานั้นน้อยเกินไป ถ้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเฉพาะที่ได้โควต้ามา จำนวน 5 เล่ม ในราคาใบละ 80 บาท เมื่อหักจากต้นทุนคือจำนวนเงิน 35,200 บาทแล้ว จะเหลือกำไรจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นเงินจำนวน 4,800 บาท ซึ่งยังไม่ได้หักต้นทุนค่าน้ำมัน ค่าเช่าที่ เลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งจำนวนเงินรายได้ที่ได้มาในจำนวนนี้ เมื่อหักจากค่าเช่าบ้านแล้วอีก 2,000 บาท ยังไงก็ไม่สามารถใช้ในการดำรงชีพได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเพิ่มโควต้าให้เป็นคนละ 10 เล่ม ก็จะสามารถ ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท โดยที่ไม่ต้องไปซื้อจากยี่ปั๊ว และจะมีรายได้เพียงพอในการดำรงชีพอย่างแน่นอน
นายสมบุญ คำมี (เสื้อลายสก๊อตแขนยาวสีฟ้า) อีกหนึ่งผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้โควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำนวน 5 เล่มเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อรายได้ที่ใช้ดำรงชีพ จึงต้องไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขายเพิ่มจากยี่ปั๊วด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากได้สลากกินแบ่งรัฐบาลโควต้าจำนวน 10 เล่ม ก็จะได้ไม่ต้องไปรับจากยี่ปั๊วมาขาย พวกเราก็จะขายแค่ในโควต้าที่ตนเองมีอยู่แล้ว ซึ่งก็จะเพียงพอต่อรายได้ดำรงชีพ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากฝากถึงรัฐบาล ให้จัดโควต้าให้พวกเราทุกคนๆละ 10 เล่ม จะได้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา 80 บาทกันได้จริงทุกคน ซึ่งถ้าได้โควต้าในจำนวนเท่านี้ยังไงก็สามารถขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ได้แน่นอน
ด้าน นางถาวร พาพล อายุ 45 ปี (เสื้อแขนยาวสีฟ้า) หนึ่งในผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังไม่ได้โควต้า เล่าว่า รอบนี้ตนเองนั้นรับต้นทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขายในราคาใบละ 85-90 บาท ถ้าหากจะให้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาใบละ 80 บาท ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ และความเป็นจริงแล้ว ผู้ค้าสลากก็ควรจะได้โควต้ากันจำนวน 2 กล่อง หรือ 2,000 ใบ ซึ่งก็จะพอทำให้เรานั้นสามารถขายกันในราคาใบละ 80 บาทได้ และหากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลนั้นส่งสลากให้เราในราคา 60-65 บาท และให้เราขายสลากในราคา 80 บาท เราสามารถอยู่กันได้ เพราะเราต้องพูดกันถึงความเป็นจริงว่าตอนนี้ส่งให้โควต้าในราคาต้นทุนใบละ 70 บาท 40 สตางค์ แล้วให้ขายในราคาใบละ 80 บาท ได้กำไรใบละไม่ถึง 10 บาท แต่สภาวะราคาของกินของใช้ก็แพงขึ้นทุกวัน คนที่มีลูกไหนจะค่าเทอม ค่ากินใช้ไปวันๆอีก ทำให้เรานั้นไม่มีเงินเหลือเก็บได้เลย
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ค้าสลากยังได้โชว์ราคาต้นทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ต้องไปรับนอกเหนือจากโควต้ามาให้ดู โดยพบว่าราคาสลาก ของวันที่ 25 เมษายน 2565 เวลา 07.15 น. สลากกินแบ่งรัฐบาลยกเล่ม จะตกอยู่ที่ใบละ 90.50 บาท ชุด 2 ใบ ใบละ 93 บาท ชุด 3 ใบ ใบละ 100 บาท ชุด 4 ใบ ใบละ 110 บาท และชุด 5 ใบ ใบละ 118 บาท และวันที่ 27 เมษายน 2565 เวลา 07.15 น. สลากกินแบ่งรัฐบาลยกเล่มจะตกอยู่ที่ใบละ 91.80 บาท ชุด 2 ใบ ใบละ 94.50 บาท ชุด 3 ใบ ใบละ 130 บาท และชุด 4 ใบ ใบละ 112 บาท