เราอยู่หอตั้งแต่เล็กจนจบมหาลัย พอเรียนจบ(โควิดมา) เราก็กลับบ้านที่ตจว อยู่บ้านได้เดือนสองเดือนปู่ก็มาเสีย ถึงได้รู้จากย่าว่าบ้านเรามีหนี้หลายล้าน จึงพยามขายของหาเงินจุนเจือครอบครัวเพราะทั้งบ้านหลังใหญ่เหลืออยู่แค่ผญ 3 คน ด้วยความที่ไม่เคยลำบากมาก่อน อยากกินอะไรก็ซื้อกิน จึงกินแต่ที่ชอบ กลับมาอยู่บ้านต้องประหยัดเลยตามใจปากไม่ได้ ทุกคนกินอิ่มหมดเพราะเขากินง่ายอยู่ง่ายกัน แค่มีพริกแกง หน่อไม้ มะเขือ ผักต้ม น้ำพริก ก็อยู่ได้แล้ว แต่เรากินไม่เป็นสักอย่าง จึงกินข้าวกับไข่เจียวอยู่บ่อยๆ วันไหนไม่มีไข่ เราก็กินข้าวกับซอสแม๊กกี้ พอทำบ่อยเข้าก็กลายเป็นวันไหนไม่มีที่อยากกินไม่กินก็ได้ ไม่รู้สึกหิวอยู่แล้ว จนย่ารู้เขาก็เริ่มทำสิ่งที่เรากินได้ แต่เราทำใจจ่ายเงินวัตถุดิบเพิ่มขึ้นไม่ได้เพราะอะไรๆก็แพงไปหมด เลยฝืนกินแกงที่ที่บ้านทำ แล้วบอกเริ่มกินได้แล้ว จนวันนี้น้ำหนักเราเหลือแค่ 38 กก. จากก่อนเรียนจบ 47 กก. สูง 164 ซม.
สุขภาพเราเริ่มแย่ เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง แขนขาเราเล็กมาก จนคนรอบข้าง เพื่อนบ้านทัก และติว่าคลั่งผอม แล้วก็เอาไปพูดต่อๆกันจนเราเสียความมั่นใจ ช่วงแรกบ้านไหนมีงานเราจะไปช่วย แต่หลายเดือนนี้เราไม่ออกไปไหนเลย ทำงานแพคของอยู่บ้านไปวันๆ จะออกไปจ่ายตลาดก็จะใส่แขนยาวขายาวพลางหุ่นไว้ ตอนทุกข์เรื่องหนี้ช่วงแรกเราจะไปทำบุญที่วัดตอนเช้า แต่เราตอนนี้ไม่ได้ออกไปแล้วเพราะกลัวสายตาคน ความรู้สึกนี้มันเริ่มจะนานเกินไปแล้ว เราอยากมีความสุขอีกครั้ง เมื่อไหร่จะถึงวันนั้น หมอคลีนิกจ่ายยาบำรุงและยาอยากอาหารให้เรา เราก็กินหมดไปหลายชุดแล้ว แต่เหมือนนนจะถูกสตาฟไว้ที่ 38 37 38 37 38 37 38 37 ไม่เคยคิดเลยว่าการกินข้าวมันจะทรมาณได้ขนาดนี้
ใครมีความเห็นอะไรบ้างไหมคะ
***มีบ้างคห.แนะนำเรื่องหางาน ขออธิบายเพิ่มว่าเราไม่ได้ Jobless นะคะ แต่ขายของอยู่บ้านกำไรต่อเดือนประมาณ 2.8-3.5 หมื่นบาท ซึ่งสูงกว่างานภายนอกที่เราเคยส่งพอร์ตไป หากใครมีงานอะไรแนะนำบอกได้นะคะ จบธุรกิจระหว่าประเทศมาแบบงูๆปลาๆ ความสามารถไม่โดดเด่น ปสก ไม่มี เลยหางานยากมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เรากลัวการออกจากบ้านเพราะไม่มั่นใจในตัวเองค่ะ
สุขภาพเราเริ่มแย่ เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง แขนขาเราเล็กมาก จนคนรอบข้าง เพื่อนบ้านทัก และติว่าคลั่งผอม แล้วก็เอาไปพูดต่อๆกันจนเราเสียความมั่นใจ ช่วงแรกบ้านไหนมีงานเราจะไปช่วย แต่หลายเดือนนี้เราไม่ออกไปไหนเลย ทำงานแพคของอยู่บ้านไปวันๆ จะออกไปจ่ายตลาดก็จะใส่แขนยาวขายาวพลางหุ่นไว้ ตอนทุกข์เรื่องหนี้ช่วงแรกเราจะไปทำบุญที่วัดตอนเช้า แต่เราตอนนี้ไม่ได้ออกไปแล้วเพราะกลัวสายตาคน ความรู้สึกนี้มันเริ่มจะนานเกินไปแล้ว เราอยากมีความสุขอีกครั้ง เมื่อไหร่จะถึงวันนั้น หมอคลีนิกจ่ายยาบำรุงและยาอยากอาหารให้เรา เราก็กินหมดไปหลายชุดแล้ว แต่เหมือนนนจะถูกสตาฟไว้ที่ 38 37 38 37 38 37 38 37 ไม่เคยคิดเลยว่าการกินข้าวมันจะทรมาณได้ขนาดนี้
ใครมีความเห็นอะไรบ้างไหมคะ
***มีบ้างคห.แนะนำเรื่องหางาน ขออธิบายเพิ่มว่าเราไม่ได้ Jobless นะคะ แต่ขายของอยู่บ้านกำไรต่อเดือนประมาณ 2.8-3.5 หมื่นบาท ซึ่งสูงกว่างานภายนอกที่เราเคยส่งพอร์ตไป หากใครมีงานอะไรแนะนำบอกได้นะคะ จบธุรกิจระหว่าประเทศมาแบบงูๆปลาๆ ความสามารถไม่โดดเด่น ปสก ไม่มี เลยหางานยากมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ