เรื่องเล่าประสบการณ์ผีๆ

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ เรื่องของผมมันไม่ได้สยองหรือน่ากลัวมากมาย แต่มันคือเรื่องหนึ่งในประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า......
.............เมื่อ 13 ปีก่อน ผมกับเพื่อนอีก 4 คน เราสนิทกันมาก (ผมสมมุตินามชื่อเพื่อเป็น เอ บี ซี ดี นะครับ) พวกเรา 5 คนเรียนจบที่สถาบันเดียวกัน และก่อนที่พวกเราจะเข้าสู่ช่วงวัยทำงานจริงๆจังๆ พวกเรามีเวลาว่างเสาร์ อาทิตย์สุดท้ายก่อนที่เราจะเริ่มทำงานกันอย่างจริงจัง วันศุกร์ก่อนหน้าที่พวกเราจะไปเที่ยว เราได้นัดดื่มสังสรรกัน 5 คน พูดคุยกันตามประสาคนที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน หลังจากที่จะไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกเป็นเวลานาน เพราะเมื่อทำงานแล้วทุกคนก็จะไม่ค่อยมีเวลาแล้ว     หลังจากสังสรรกันเรียบร้อย พวกเราก็แยกย้ายกันกลับตอนประมาณ 01.30 และนัดกันว่า เราจะเจอกันที่ขนส่งเวลา 10.00 
            ช่วงเวลา 9.00 ผมไปถึงก่อนคนแรก และก็ตามด้วย บี ซี และดี ยังเหลือเอ ที่ยังไม่มา พวกเราก็เลยโทรตาม สรุปว่าเอ ติดธุระ และจะเดินทางตามไปทีหลัง.........พวกเราก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ขึ้นรถโดยสารไปปกติ.......ผ่านพ้นเวลาไปได้กว่า 2 ชั่วโมง พวกเรา 4 คนก็ถึงที่หมาย ผมได้โทรหาเอ ตอนไปถึงที่พัก "เอ อยู่ไหนแล้ววะ พวกกูถึงแล้ว" เอ ตอบกลับว่า "อีก 10 นาที ถึงเพื่อน กูให้เพื่อนมาส่ง บ้านมันอยู่แถวนี้พอดี เลยติดรถมาด้วย" จากนั้นเราก็วางสายกันไป ไม่เกิน 10 นาที เอ ก็มาถึงจริงๆ 
            ผมเดินเข้ามาที่ล็อบบี้ก่อนคนอื่นๆ เพื่อติดต่อขอกุญแจห้องพัก ผมบอกพนักงานที่ล็อบบี้ว่า "ขอกุญแจ 3 ห้องครับ" พนักงานก็บอก "มากัน 4 คนนี่ครับ ทำไมเอาถึง 3 ห้อง" ผมก็หันไปดู เห็น บี ซี ดี อยู่ตรงโซฟาล็อบบี้  ส่วน เอ ยืนอยู่ตรงบริเวณศาลพระภูมิเจ้าที่หน้าทางเข้าที่พัก ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ปกติมันมีธรรมเนียมที่เราทำกันอยู่เวลาไปเที่ยว เราจะขอจุดธูปบอกเจ้าที่เข้าทาง ว่าเราขอเข้าพัก ณ ที่พักทุกที่ที่เราไป หลังจากได้กุญแจ ผมก็เรียก บี ซี ดี ไปหาเอที่ศาลพระภูมิ และก็จุดธูปไหว้ขอตามที่เราเคยทำกัน
            พวกเราเข้าที่พักไปรวมตัวกันอยู่ที่ห้องของผม เอ ขอนอนแยก เนื่องจากตัวเองเป็นคนนอนกรนมาก พวกเราก็ให้กุญแจ เอ ไป หลังจากพวกเราแบ่งกุญแจกันเสร็จ ต่างคนต่างทำธุระส่วนตัว และก็นัดกันเตรียมออกไปเดินเล่น และหาอะไรกินกันริมชายหาด ตอน 17.00 เมื่อถึงเวลานัด เอ เป็นคนสุดท้ายที่มาเจอพวกเรา ท่าทางดูรีบ เช็ดตัวเหมือนจะยังไม่แห้งดี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรพวกเราก็เดินเล่นกันไปตามปกติ
             พวกเราซื้อของทะเล ขนม เครื่องดื่ม กินกันอยู่ริมทะเล อยู่ๆ เอ ก็พูดขึ้นว่า "สนุกดีนะ สนุกมากเลย และก็ดีใจที่ได้มาเที่ยวกับพวกเป็นครั้งสุดท้าย" พวกเราที่เหลือหันไป แล้ว ซี ก็ บอกว่า "จะบ้าเหรอ พูดเป็นลางไม่ดี เดี๋ยวพวกเราก็ได้มากันอีก แต่อาจจะนานหน่อยเพราะพวกเราต้องรับผิดชอบกับการทำงานแล้วแค่นั้นเอง" ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน ผม สังเกตเห็นสีหน้าของเอ ดู เศร้าๆ และที่สำคัญคือ ตัวยังดูมีเหมือนเหงื่อซึมๆ แต่สักพัก ก็ได้ยินเพื่อๆบ่น ร้อนเนอะ ซึ่งผมเองก็แปลกใจว่าทำไมเราถึงรู้สึกเฉยๆ อยู่คนเดียว
             หลังจากเดินเล่น หาอะไรกินเรียบร้อย พวกเราก็ไปรวมตัวที่ห้องผมเหมือนเดิม พวกเราพูดคุยกันได้สักพัก ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันออกไปพักผ่อนที่ห้องตัวเอง
             เช้าวันอาทิตย์ เวลา 10.00 เป็นเวลาที่เรานัดกันเพื่อเตรียมเช็คเอาท์ รอจน 10.30 เอ ก็ยังไม่มา จน ซี อาสาไปตามเอง ประมาณไม่เกิน 10 นาที ซีก็วิ่งมาบอกว่า เอ ไม่อยู่ที่ห้องนะ เห็นแม่บ้านเอากุญแจเปิดห้องทำความสะอาดเรียบร้อยแลย  ผมก็คิดได้ว่าตอนมามันมากับเพื่อนมัน สงสัยกลับไปกับเพื่อนมันอีกแน่เลย แต่ไม่ยอมบอกพวกเรา ผมโทรหามันก็ไม่รับสาย โทรไปหลายครั้งจนเหมือนแบตหมด ก็เลยคิดว่าทำไมเป็นแบบนี้ มันไม่เคยเป็นแบบนี้นี่หว่า พวกเรา 4 คนโกรธอยู่นิดนึง แต่ก็ช่างมันไปเที่ยว และเดินทางกลับกันไปปกติ
             เมื่อไปถึงที่ กรุงเทพฯ สิ่งแรกที่พวกเราไปก็คือไปหา เอ ที่บ้าน ตอนพวกเราไปถึงที่บ้านเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคน ตอนนั้นเป็นเวลา 18.00 ได้ ก็เลยกะว่า ไว้จะโทรหามันพรุ่งนี้ ช่วงสาย เพื่อขอคำอธิบาย
             เช้าวันจันทร์ เป็นเวลาที่พวกเราทั้งหมดเริ่มงานเป็นวันแรก ต่างคนต่างไปในสถานที่ทำงานของตัวเอง จนถึงช่วงเย็นเลิกงาน ผมนึกออกว่าต้องโทรหาเอ ว่าทำไมทิ้งพวกเราไปแบบนั้น ผมโทรอยู่หลายสายมาก แต่เป็นการแจ้งว่าติดต่อไม่ได้อยู่ตลอด จนโมโห ผมเลยขับรถไปที่บ้านของเอ ที่บ้านไฟสว่างมาก ไม่เหมือนเมื่อวาน ผมก็กดกริ่งหน้าบ้าน  แม่ของเอ เดินมาเปิดประตูให้ ยังไม่ทันได้อ้าปากถามอะไร แม่ร้องไห้พร้อมพูดว่า "เอตายแล้ว เอตายแล้ว" ผมตกใจและแน่นิ่งไปสักครู่ "แม่ ใจเย็นๆนะ เอยังไปเที่ยวกับพวกผมอยู่เลย เราไปกันมาเมื่อ เสาร์ อาทิตย์นี่เองแม่" แม่ยิ่งร้องไห้ใหญ่ แล้วผมก็โอบพยุงแกพาเข้าไปคุยกันในบ้าน
            เข้ามาในบ้านสักพัก ผมก็ถามแม่ และเล่าให้แม่ฟังว่าเมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ เราไปเที่ยวกันจริงๆ ทุกคนก็เป็นพยานได้ ผมเลยเรียก บี ซี ดี มาที่บ้านเอ แต่ระหว่างที่รอ แม่ก็บอกว่า "เอตายแล้ว ตายเมื่อวันที่ไปดื่มกับพวกเรา แล้วระหว่างทางกลับ ประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซต์ปาดหน้า เอหักหลบชนขอบทางแล้วพลิกลงคลอง เสียชีวิต" ผมก็เชื่อแล้ว เพราะคงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนแต่งเรื่องร้องไห้ บอกว่าลูกตัวเองตายแน่นอน
            จนเพื่อนๆ มากันครบ พวกเราก็บอกแม่ว่าเอ ไปเที่ยวด้วยจริงๆ เขาบอกติดรถเพื่อนไปตามหลังพวกผม พวกผมไปถึงก่อน สักพักแม่บอกว่า "แฟนของเอ เขาไปทำธุระเสาร์ที่แล้ว แถวที่พวกเราไปเที่ยว พอเขารู้เรื่องเขาก็รีบตีรถกลับมาเลย" พวกเราย้งอึ้งๆ และงุนงง กับเรื่องที่เกิด และก็ขอแม่เข้าไปดูห้องของเอ พบว่ากระเป๋าเสื้อผ้าที่เอจัดเตรียมไปเที่ยว วางอยู่บนเตียง และก็มีรูปพวกเราตอนรับปริญญาด้วยกัน บรรยากาศในห้อง เหมือนกับเอ รักพวกเพื่อนๆมาก และรูปส่วนใหญ่จะมีแต่พวกเรา เพื่อสมัยเรียนด้วยกันมากมาย
             ผมกลับมานั่งทบทวนเรื่องที่เราไปเที่ยวกัน นึกขึ้นไปได้ว่า ตอนแรกที่เอยังไม่เข้าที่พักและยืนอยู่หน้าศาลพระภูมิเจ้าที่ นั่นแสดงว่าเขาเข้าไม่ได้ อาจเป็นเพราะเจ้าที่ไม่ให้เข้าไป พอพวกเราไปจุดธูปเหมือนกลายเป็นขออนุญาตให้เข้าไป ถึเข้าได้  อีกกรณีที่ เอตามออกมาช้าตอนพวกเราจะไปเที่ยวหาอะไรกินกัน ผมสังเกตเห็นเอตัวชื้นๆ เปียกๆ และตอนที่กินข้าวริมทะเล ที่เห็นเอตัวชื้นๆ เหมือนเหงื่อซึม ผมเอะใจตรงประโยคที่ว่า บี ซี ดี บอกว่าอากาศร้อน ผมเลยถามว่าทำไมวันนั้นทุกคนบอกแบบนั้น ดีเป็นคนตอบว่า "กูและบีและซี เห็นเอ ตัวเปียกๆ มาตั้งแต่ออกจากที่พักตอนไปหาอะไรกินแล้ว พวกกูก็สังเกตว่าทำไมเหงื่อมันไหลไม่หยุดเลย ทั้งๆที่อากาศไม่ได้ร้อนเลย" "กูเลยลองทำเป็นเดินเซไปชนมัน และน้ำมันก็ติดกูมานิดๆ กูลองเอาเข้าปาก ยิ้มไม่เค็มเลย มันไม่ใช่เหงื่อ" "กูก็เลยเดินคุยกันมากับ บีและซี และไม่ให้บอก เพราะสนิทกับเอมากที่สุด"ผมได้ฟังอย่างนั้นก็ไม่ได้อะไร ได้แต่ทำใจว่าเรื่องมันเกิดไปแล้ว และอีกอย่าง คำที่เอพูดว่า "สนุกดีนะ สนุกมากเลย และก็ดีใจที่ได้มาเที่ยวกับพวกเป็นครั้งสุดท้าย" มันยังคงติดฟังอยู่ในหัวผมมาตลอด  และวันจันทร์นั้นก็ผ่านไป
             พวกเราและเพื่อๆร่วมชั้นหลายๆคนได้มางานเผาศพเอ ผมยังมีข้อสงสัยในวันที่ไปเที่ยวกับพนักงานต้อนรับตรงล็อบบี้ ผมเลยโทรหาที่พักเพื่อขอคุยกับพนักงานคนนั้น ผมถามไปว่าตอนที่สงสัยว่าทำไมถึงถามเรื่องกุญแจห้องพักถึง 3 ห้อง พนักงานบอกว่า "เขาเห็นพวกเราเข้ามากันเพียงแค่ 4 คนจริงๆ และตอนที่พี่หันไปทางศาล ผมก็ไม่เห็นใคร ตอนพี่ไหว้ศาลผมก็เห็นพี่แค่ 4 คน" ผมก็ถามไปอีกว่า แล้วห้องอีกห้องที่พี่ขอกุญแจไปล่ะ เพื่อพี่หยิบกุญแจจากพี่ไปจริงๆนะ พนักงานต้อนรับบอกว่า "กุญแจพี่หยิบไป 3 ดอกจริงครับ แต่ว่าแม่บ้านเห็นวางทิ้งไว้ที่หน้าห้องตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วเขาก็เอามาเก็บที่ล็อบบี้ ผมก็เพิ่งทราบตอนที่พี่มาเช็คเอาท์เหมือนกันครับ" ก่อนจะวางสายพนักงานได้บอกอีกว่า "พี่ครับ ผมไม่รู้ว่าพวกพี่ไปทำอะไรมา แต่ตอนที่พี่ออกไปทานข้าวกันในวันที่มาถึง ผมเห็นมีรอยน้ำเปียกๆ เป็นทางเลยระหว่างที่พวกพี่ๆเดิน ผมนึกว่ามีใครอาบน้ำแล้วเช็คตัวไม่แห้งแต่รีบไปรึเปล่า ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ" ผมเลยถามปครั้งสสุดท้ายว่า "แล้วเห็นพี่เดินออกไปกนกี่คน" น้องพนักงานบอกว่า "4 คนครับ"
เรื่องเล่าก็มีแค่นี้ครับผม อาจจะไม่ได้ดูน่ากลัวน่าตื่นเต้นอะไร ขอบคุณที่ให้โอกาสได้เขียนได้เล่าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่