การดูพระหลวงปู่ทวด วัดประสาทบุญญาวาส

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

#พระหลวงปู่ทวด #วัดประสาทบุญญาวาส #หลวงพ่อทวด #คนพันเอ็กซ์
“พระหลวงปู่ทวด” วัดประสาทบุญญาวาส เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้นิยมสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลอย่างกว้างขวาง โดยสืบเนื่องจากวัดถูกไฟไหม้ ครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2498 ทำให้อุโบสถหลังเดิมและเสนาสนะหลายหลังถูกไฟไหม้เสียหายเป็นจำนวนมาก
และในคืนหนึ่งเอง หลวงปู่ทวด’ ได้เข้ามาในนิมิตของ ‘พระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างไห้ โดยบอกให้ท่านไปช่วยบูรณะวัดประสาทบุญญาวาส ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากถูกไฟไหม้ พระอาจารย์ทิมจึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง โดยเข้าพักที่วัดเอี่ยมวรนุช และได้รับการยืนยันว่า ‘วัดประสาทบุญญาวาส’ ถูกไฟไหม้จริงดังนิมิตของท่าน พระอาจารย์ทิมจึงได้เดินทางไปยังวัดประสาทบุญญาวาส ปรึกษากับเจ้าอาวาสในขณะนั้นคือ พระครูสมุห์อำพล พลวฑฺฒโน ซึ่งพระสมุห์อำพล มีความคิดที่จะบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ และสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นมาแทนที่หลังเดิม
อาจารย์ทิม (พระครูวิสัยโสภณ) ได้นำพระหลวงปู่ทวด รุ่นแรก ปี 2497 มามอบให้เพื่อนำไปถอดเแบบป็นแม่พิมพ์ รวมทั้งมอบมวลสารของ ‘หลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ และ ‘ว่านแร่ดินกากยายักษ์’ ให้แก่ทางวัดประสาทบุญญาวาส เพื่อเป็นส่วนผสมในการจัดสร้างวัตถุมงคล
นอกจากนี้ พระครูบริหารคุณวัตร (ชม สิรินธโร) เจ้าอาวาสวัดบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) ในขณะนั้น ก็ได้มอบมวลสารที่แตกหักชำรุดของ‘พระสมเด็จบางขุนพรหม’ ที่ได้จากการเปิดกรุ ในปี พ.ศ.2500 ให้แก่ทางวัดประสาทบุญญาวาส เพื่อเป็นส่วนผสมในการจัดสร้างวัตถุมงคลอีกจำนวนหนึ่งด้วย
จุดประสงค์ในการสร้าง “พระหลวงปู่ทวด” วัดประสาทบุญญาวาทนี้ ทางวัดได้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นของสมนาคุณแก่ผู้มีจิตศรัทธาในการบริจาคทรัพย์ เพื่อบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ และเพื่อแจกเป็นของสมนาคุณให้แก่ผู้ที่ไปปิดทองพระที่หล่อขึ้นใหม่และพระพุทธบาทจำลอง
ด้านพิธีกรรมการปลุกเสกพระก็จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่มาก ในพิธีพุทธาภิเษก
มีพระเกจิคณาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมชื่อดังในยุคนั้นร่วมปลุกเสกมากถึง 234 รูป
เรียกว่าเป็นพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนับตั้งแต่พิธีปลุกเสกพระเครื่องฉลอง 25 พุทธศตวรรษทีเดียว เท่าที่รวบรวมได้มีอาทิ อาจารย์ทิม วัดช้างไห้, หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ, หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา, หลวงพ่อใจ และหลวงพ่อพล วัดวังยายหุ่น, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม, หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค, หลวงพ่อทบ วัดชนแดน, หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, หลวงปู่เขียว วัดหรงมล, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงปู่ดู่ วัดสะแก, หลวงปู่สี วัดสะแก, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ, หลวงปู่หิน วัดระฆังฯ, หลวงพ่อโบ๊ย วัดมะนาว, พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา, หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยา, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม, หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง, หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน, หลวงพ่อเหรียญ วัดบางระโหง, หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ, หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิษฐ์, หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ, หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด, หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม, หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง, หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี, หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง, หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม, หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพิ์นิมิต, เจ้าคุณเจีย วัดโพธิ์, เจ้าคุณประหยัด วัดสุทัศน์, หลวงพ่อดี วัดเหนือ, หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา, หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด, หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง หลวงพ่อมิ่ง วัดกก, หลวงพ่อยิ้มง วัดป่าฯ, หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม, หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ, หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช, หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง, หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน, หลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์, หลวงพ่อนิล วัดครบุรี และ หลวงพ่อบุดดา วัดกลางชูศรี เป็นต้น
“พระหลวงปู่ทวด” วัดประสาทบุญญาวาส ช่วงปี พ.ศ. 2505 - 2506
นับเป็นวัตถุคลที่ได้รับการยอมรับจากนักสะสมพระโดยถ้วนหน้า เนื่องด้วยสุดยอดในเรื่องมวลสาร มีเจตนาการสร้างอันบริสุทธิ์ และพิธีกรรมการปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่
*** ปิดท้ายกันด้วยเรื่องที่หลายๆ ท่านถามไถ่กันมาว่า “หลวงปู่ทวด วัดประสาทบุญญาวาส เนื้อลังเม้ง เป็นอย่างไร” ก็ขออธิบายความว่า การกดพิมพ์ หลวงปู่ทวด วัดประสาทบุญญาวาส เป็นการกดพิมพ์ด้วยมือ และมีการดำเนินการด้วยกันหลายกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มก็ทำเนื้อมวลสารที่ผสมไว้แตกต่างกัน สำหรับ “เนื้อลังเม้ง” ถือว่าเป็นการผสมเนื้อพระที่เข้าสูตรสำหรับการสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อผสมผสาน ทั้ง กล้วยน้ำว้า ปูนขาว น้ำมันตังอิ๊ว ซึ่งแร่ที่ผสมในเนื้อและโรยบนผิวของพระจะมีขนาดใหญ่และหยาบ ส่วนมากเนื้อของพระจะเป็นพระเนื้อว่านผสมผงและเนื้อผง โทนสีของพระออกไปในทางสีเทาอ่อนอมเหลือง โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ คือ
1. เนื้อแก่ว่าน 2. เนื้อว่านเทาอมเหลือง และ 3. สีเทาอมเหลืองเข้ม
ส่วนคำว่า "ลังเม้ง" นั้น ที่มาคือ ในสมัยแรกเริ่มพิมพ์พระใส่ถาดตากจนแห้ง แต่สำหรับเซทนี้ หลังจากผึ่งพระจนแห้งแล้ว ได้บรรจุในลังใส่ผลไม้ทำจากไม้ฉำฉา ซึ่ง "นายเม้ง" พ่อค้าผลไม้ในตลาด ผู้มีความคุ้นเคยกับพระครูสมุห์อำพล เป็นผู้นำมามอบให้ ซึ่งแรกๆ ก็เรียกกันว่า "พระในลังเฮียเม้ง" ตัดไปตัดมากลายเป็น "ลังเม้ง" ในที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่