ผ่าตัดไทรอยด์ไม่น่ากลัว แต่ชีวิตหลังจากไม่มีไทรอยด์น่ากลัวกว่า (มีรูป)

สวัสดีค่ะ  จะมาเล่าประสบการณ์ ผ่าตัดไทรอยด์  ที่ผ่านมาได้ ปีครึ่ง   เอาไว้เป็นการเตรียมตัว สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะเอายังไงกับโรคนี้ดี  ( ยาวนิดนึงนะเพราะใส่ ดีเทลเยอะ )
                      เราเป็นไทรอยด์ แบบไม่เป็นพิษ  พบความผิดปกติเพราะ ตอนแรกทาครีมที่คอแล้วรู้สึกทำไมที่คอมีก้อนๆ เหมือนลูกกระเดือกใหญ่ จับได้กลิ้งได้ ไม่เจ็บ สงสัยอยุ่พักนึงให้โอกาสก้อนยุบก้ไม่ยุบ  เรยไปหาหมอ เอ็กซเรย์และตรวจชิ้นเนื้อ  และนัดฟังผลอีกที  สรุปวันฟังผลได้ความว่า คือก้อนไทรอยด์ นั่นเอง  แต่ตรวจแล้วไม่พบว่ามีเซลเนื้อร้ายหรือไทรอยด์เป็นพิษ เรียกง่ายๆว่า คอพอก  ขนาดก้อนนี้ ประมาณ เซนเดียวเอง  มีก้อนเดียว  หมอก้ถามจะกินยา กลืนแร่รักษา  หรืออยากผ่า  สต. ศึกษามาบ้างแล้วเกี่ยวกับโรคนี้  เรยตัดสินใจอยากผ่า  แต่ก้ปรึกษาคุณหมอนะ คุณหมอก้บอกประมาณว่า กินยากลืนแร่ ก้ต้องมาหาหมอตลอด  มาตรวจมารักษา และต้องใช้เวลา  แต่หากอยากผ่า ก้ไม่อันตรายแผลไม่ใหญ่ผ่าแล้วคอยุบเรย ราคาตีไม่เกิน30000 รพ. รัฐ ประจำจังหวัด แต่ในใจเราเลือกผ่าตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้วแหละ  สุปก้นัดผ่า เพราะคุณหมอที่ไปตรวจเป็นอาจารย์หมอที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับโรคต่อมไร้ท่อ ทำให้คิวผ่าเร็วสุดคือ  อีกหนึ่งปี  ระหวางรอคิวผ่า ก้ใช้ชีวิตปกติ อ้อ!!! อาการ ของโรคไทรอยด์ไม่เป็นพิษ คือ จะน้ำหนักขึ้นง่าย  เหนื่อยง่าย ขี้หงุดงิด นอนไม่หลับ  เหงื่ออกตามมือเท้า   ซึ่งอาการทั้งหมดเราเป็นมาตลอดตั้งแต่เด็กทำให้ไม่รุ้ว่าสาเหตุเพราะไทรอยด์มั้ย  แต่ระหว่ารอคิวผ่า ก้ใช้ชีวิตปกติดี
                       เมื่อใช้ชีวิตปกติดี ก้ไม่อยากผ่า เพราะคิดว่า จะหาเรื่องทำให้เจ็บตัวทำไม ยังใช้ชีวิตแบบลั้นลา กินเหล้า สังสรรค์ สูบบุหรี่และอื่นๆโดย ไม่ได้ดูแลตัวเองอะไรมาหมาย  แต่ออกกำลังกายนะคะเป็นคนเข้าฟิตเนสอยู่แล้ว   จนเรยเวลามาเกือบ2ปี ทีนี้ คอโตขึ้นเยอะถ่ายรูปจะเห็นชัด บางทีก้มีคนทักประมาณว่าเนื้อที่คอเยยอะจัง อารมณ์ขี้วีนก้เป็นง่าย  นิดหน่อยไม่ได้จะบวกชาวบ้านไปหมด  จนแม่บอกกลัวว่าจะไม่ได้แก่ตายเพราะอารมณ์โมโหร้ายมาก  เรยตัดสินใจไปหาหมอตรวจอีกครั้ง ที่รพ. ที่อยู่ในประกันสังคม  อันนี้เป็นรพ. ในเครือของสภากาชาติ  ก็ตรวจเหมือนตอนแรก เอ็กซเรย์ เจาะชิ้นเนื้อ  สรุปคือ  ก้อนไทรอยด์ก้อนเดิมโตขึ้น4ซม. และมีอีกก้อน กำลังโต 1 ซม.    
         รูป คอก่อนผ่า  ไม่กี่วันค่ะ  <รูปแตกหน่อยนะคะ พยายามครอปตัดให้เล้ก  ไม่สามารถเรยแฮะ>  จะเห็นชัดเรยนะคะว่าคอโต

                       คุณหมอที่ตรวจก้พูดประมาณว่าอยากให้ผ่า คือพูดแต่เรื่องผ่าเป็นหลัก  เราก้ถามเรื่อกินยากลืนแร่   เค้าก้จะบอกนะว่าประมาณไหน  แต่ถ้า ผ่า ก้แค่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต เม็ดเล็กๆ  เหมือกินข้าวที่ต้องกินทุกวัน เม็ดเดียว แค่นั้น  เราก้ถามว่าจะมีเอ็ฟเฟคอะไรอีกมั้ย  ออกกำลังกายหนักๆได้มั้ย  เพราะเป้นคนชอบออกกำลังกายหนักๆ  คุณหมอก้บอกว่าได้ไม่มีปัญหาอะไรใช้ชีวิตได้ตามปกติ  แค่กินยาไทรอยด์เพื่อทดแทนที่ถูกตัดไป  เม็ดเดียวไปตลอด เราก้โอเค สบายใจมากๆ เพราะใจอยากผ่าจะได้จบๆไปซักที  ก้ทำนัดเรย ได้คิวอีก1เดือน เร็วมากกกกก  คิวผ่าเป็นช่วงคริสมาสต์พอดี  ตอนนั้นก้หาข้อมูลของหมอเจ้าของไข้เราด้วย   เสริชชื่อก็คือเป็นรองผอ.ของ รพ. และเป็นอาจารย์หมอด้วย  ในตอนนั้นคือโล่งมากๆรู้สึกโชคดีอะไรแบบนี้   พอถึงวันผ่าเราก้มานอนพักที่รพ. 1วันเพื่อเตรียมร่างกาย  มีหมอที่เป็นนิสิตแพทย์ และหมอintern มาดูแล  มาตรวจเชค  เราไม่เจอคุณหมอที่ตรวจเรย T.T  จนเข้าห้องผ่าตัด  อ้อ!!!! ตรงนี้ ขอชมทั้งคุณหมอและพยาบาลนะคะ  ดูแลดีมาก  พูดจาน่ารักสุดๆ  และดูแลดีสุดๆไปเรย  ทำให้เราไม่เกร็งหรือรุ้สึกกลัวเรยค่ะเพราะมีทุกๆคนคอยดูแล  ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  
                      เราไม่เจอคุณหมอเจ้าของไข้จนกระทั่งเราเดินขึ้นเตียงผ่า เห็นคุณหมอกำลังนั่งดูชาร์ตข้อมูลเราในห้อผ่า  และกำลังอธิบายให้กับ intern ฟัง  เราอยากได้ กำลังใจจากคุณหมอมากตอนนั้นแบบพูดอะไรให้หลับแบบเบาใจได้มั้ยยย  แต่ก้ไม่ค่ะ  เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือ เสียงintern  ที่อยุ๋กับเราค่ะ  เค้าถามว่ากลัวหรอ  ไม่ต้องกลัวนะคะ  แผลจะออกมาสวย  แล้วเราก้หลับ  เพราะดมยาสลบไปสองรอบ  รุ้สึกตัวเพราะรุ้สึกมีคนมาเรียกค่ะ  เขย่าตัวแรงมากๆ เรียกชื่อเราเสียงดังจนต้งองตื่น  แหม๋คนกำลังนอนหลับสบาย ตอนนั้นลืมตาไม่ขึ้น เหมือนน้ำตาไหลแล้วแห้งกลายเป้นขี้ตามันเกาะตาอะ 555555 หลับไปหลาย ชม. อยุ่นะ  เข้าห้องผ่า10โมง  ออกมาประมานบ่ายสองกว่ามั้ง (เวลาไม่เป๊ะนะคร่าวๆ)   เราผ่าหน้าคอนะคะ  คือผ่ากรีดด้านหน้าคอตรงรอยพับคอ  พอลืมตาขึ้นได้แบบสะลึมสะลือ ความรู้สึกแรก คือ คอ!!! มันอึดอัด มันแน่น มันตึง พยายามจะเอามือแกะอะไรที่คออก แต่โดนดึงมืออก  อันนี้ internเล่าให้ฟัง  (คิดว่าตอนนั้นเราเมายาอยู่)  ลืมตามาก็เห้นสารพัดหน้าจ้องเราล้อมเตียง ทุกคนคือชุดเขียวๆ แต่เห้นหน้าไม่ชัดตอนนั้นคืออยากหลับต่อง่วงสุดๆแต่ก้มีคนพยายามให้เราพุดชื่อ เป็นเสียง ผญ. เสียงดุๆ  เค้าถามเราหลายรอบแต่เราไม่อยากตอบ คือง่วงเนอะจนโดนตะคอกใส่  ไม่รุ้ใครนะคะใส่ชุดเขียวทั้งห้อง  มองหน้าไม่ชัดภาพเบลอไปหมด  เค้าบอกให้เราพูดสิพูดได้มั้ย  เราก้ส่ายหน้า  เค้าก้บอกพูดไม่ได้ได้ไงแล้วก่อนหน้านี้พูดได้มั้ย  เราเรยพยายามพูดแต่มันพูดไม่ได้  ไม่มีเสียง  นึกในใจ ตรูเพิ่งผ่าคอมาจะให้พูดอะไรนัก   ตายังลืมไม่ขึ้นเรย  แล้วก้หลับไปมั้งคือสติไม่รุ้อยุ่ไหนตอนนั้นง่วงมากกกกกกก   มารุ้ตัวอีกทีถูกเข็นออกมาโดนแสงแดด  แล้วได้ยินเสียงแม่คุยกับ บุรุษพยาบาลที่เข็ญเรา  เรยลืมตามองแม่ แล้วชูสองนิ้วให้ 5555555   ตอนนั้นโควิดระบาด หนัก รพ. ปิดไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยม  เวลาแม่มาจะรอได้แค่นอกห้อง  ชะเง้อคอยาวเข้าไม่ได้ค่ะ  สงสารแม่ บอกไม่ต้องมา ก้มาทุกวัน มาแค่ให้เห็นประตูห้อง นั่งวีดีโอคุยกันหน้าห้องแล้วกลับ  ความแม่อะเนอะอมยิ้ม42อ้อๆ อีกอย่างที่ติดมาหลังผ่าตัดเสร็จคือ กระปุกเดรนเลือดค่ะ  ต่อสายมาจากแผลผ่าตัด ต้องถือกระปุกนี้ติดตัวไปไหนไปด้วยกันตลอด  จะเอาออกต่อเมื่อเลือดไม่ไหลแล้ว  ไม่มีเลือดออกจายสายยางแล้วนั่นเอง
         หน้าตากระปุกเดรนเลือดค่ะ  อันนี้เพิ่งถ่ายตอนออกมาจากห้องผ่าใหม่ๆเลือดยังไม่เยอะ 

 
                              พอมาถึงห้องพักฟื้นก้พักจนหายเมายา  สิ่งแรกที่รุ้สึกคือออ หิวน้ำ!!!!!  แต่ดื่มน้ำไม่ได้ค่ะ สำลัก  สำลักแบบออกจมูกออกปาก ดื่มไปอึกใหญ่มากแต่กลืนไม่ลง  เหมือนคอตีบมันกลืนไม่ลง  เรยขอหลอดพยาบาลมา แล้วก้ค่อยๆกลืนทีละนิดย้ำว่านิดๆจริงๆ  ไม่งั้นสำลัก   เสียงไอก้เหมือนเสียงไก่ขัน  55555  ไอทีก้ไอยาวๆไปเรย  แต่ก้นะเป้นช่วงแรกเท่านั้น  ไม่เจ้บแผลนะคะ  แผลผ่าที่คอไม่เจ็บมากมายแค่รู้สึกตึงๆ ลำคาญมันตึงไปหมด  เพระาเค้าแปะแผลไว้ใหญ่โต ทำให้มันค้ำคอ ก้มไม่ได้  แต่ไม่ได้ลำบากอะไร  
                   แปะแผลไว้หนาและใหญ่มาก  กลัวน้ำเข้า 

     
          หลังผ่าตัดได้ ไม่ถึง 2 ชม. แพทย์เจ้าของไข้ที่ผ่าเราก้ขึ้นมาถามอาการ พร้อมกับพยาบาลเลขา  คูณหมอแจ้งว่าได้ผ่าก้อนไทรอยด์ออกให้สองข้างเรย เพราะข้างนึงโตมาก อีกข้างนึงกำลังจะโตตาม จะมีพาราไทรอยด์ที่ถูกผ่าออกติดไปด้วยเพราะมันอยู่ติดกัน คูณหมอบอกอีกว่าเหลือไว้ให้นิดนึง เพื่อสร้างแคลเซียม คุยกันไม่ถึง 1น. คุณหมอก้ไปค่ะ ตอนนั้นคิดว่าคุณหมอรีบไปตรวจคนไข้อื่นต่อ ดูเร่งรีบ  อาการหลังผ่าทันที มีปวดหัวนะคะ เราปวดหัวแบบตึบๆ  ทั้งหัวเรย  แต่ขอยาแก้ปวดกินก็หาย ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร    ระหว่างที่พักฝื้นที่รพ. ทุกๆเช้า  จะมีหมอ intern และนิสิตแพทย์ เป็น 10 คน และ อ. หมอท่านอื่น มาเยี่ยมและพูดคุยรื่องอาการ แต่เราไม่เคยเห็นหมอเจ้าของไข้เรยค่ะ  เพี้ยนรู้สึกเงียบหลังผ่าตัด เราพักฟื้นที่รพ.ได้ 4วัน  รุ้สึกอาการไม่มีอะไรผิดปกติ เลือดเสียก็ออกหมดแล้ว เรยขอหมอ intern กลับ (หลังจากนี้ หมอจะเป็น intern และนิสิตแพทย์นะคะ หมุนเวียนมาดูอาการ แต่จะเป็นในแผนกต่อมไร้ท่อนะแหละค่ะ)   หมอก้มาเช็คร่างกายแล้วสอบถามเรื่องกาการชาหรือมือจีบมั้ย ซึ่งตอนนั้นไม่เข้าใจ  ว่าคืออะไร ทำไมต้องเป็น แต่เมื่อไม่เป็นอะไร ก้ตอบเค้าไปว่าปกติดี  อยากกลับบ้านแล้ว  คิดถึงหมา  จากนั้นหมอก็จ่ายยาและให้กลับบ้านได้  มีใบนัดมาพบอีก 1 อาทิตย์  เดินออกจากรพ.พอมาถึงรถก้รุ้สึกขาชา  แบบเหน็บกิน แต่คิดว่านอนที่รพ.นานเกินไปร่างกายยังไม่ปรับตัว  พอถึงบ้านช่วงเย็นวันนั้นอาการชาก้เริมมีมาที่มือ   คือชามือตลอด  เหน็บกินมือตลอด และมือเริ่มงอเข้าเล็กน้อยหรือมือเริ่มจีบนั่นเอง   เราก้คิดว่าเดี๋ยกินยาก้หาย   ผ่าตัดแรกๆก้งี้แหละ   จนตกกลางคืน  เราชาทั้งมือและเท้าชาลามมาถึงขา เหน็บกินยิบๆตลอดเวลา จนแทบจะนอนไม่ได้ เช้ามา อาการชาเหน็บกินยังอยู่ แต่มือจีบเข้าหากันจนหยิบจับของไม่ได้ เราเรยให้แม่พาไปรพ. อีกครั้ง   ขับรถออกจากบ้านได้ไม่ถึง 15น. เราเริ่มแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก  หายใจแรงถี่ขึ้น เสียงหายใจเราดังจนแม่ถามว่าเป็นอะไรทำไมหายใจแรงก  เราบอกว่าหายใจไม่ค่อยออกแฮะ รุ้สึกอึดอัด หัวเราะเบาๆ เพื่อไม่ให้แม่เครียด  ระหว่างพุดเราก้ยืดตัวขึ้นนั่งตรงเพื่อให้หายใจสะดวก  จากนั้นไม่ถึง10วิ ตะคริวกินจากข้างในตัว ตอนนั้นหายใจไม่ออกรย เอื้อมมือข้างนึงไปจับมือแม่ แล้วบอกว่าไม่ไหวอะ เสียงแผ่วเบามาก พุดออกไปไม่มีเสียงเพราะหายใจไม่ออก เรารุ้สึกได้ว่ากระเพราะบีบรัดตัวเข้าหากัน แล้วไล่ขึ้นมาถึงกระบังลม คือรุ้สึกได้เรย มือเท้าเราเกร็งปากเราเบี้ยวทันทีมือข้างที่จับมือแม่มันก็ล๊อคเกร็งล๊อคมือแม่ไว้ กว่าแม่จะแกะออก ดีที่ติดไฟแดง  ตอนนั้นพี่เราพยายามนวดให้จากด้านหลง แล้วบอกตลอดว่าเราทำได้ๆ  เราเก่ง ให้หายใจเข้าไว้  มือก้นวดมือเราให้ผ่อนคลาย  คือตอนนั้นเราไม่ได้ตกใจนะ  พยายามตั้งสติ พยายามพูดกับแม่เพราะแม่ขับรถ  แต่แม่สติเตลิดมาก  จะเปิดประตูลงไปเรียกคนมาช่วยกลางถนนจ้าาาา  เรยบอกแม่ขึ้นรถ ขับไปๆๆ   ปากก้เบี้ยว หายใจก้ไม่ออก  พี่เราคือเงียบตลอดทาง พุดอยู่แค่เราทำได้ เราเก่ง สรุปทุกคนในรถสติไปหมดละ    เราเข้า รพ. เอกชนที่ใกล้สุด (แพงมาก)  เพราะ รพ. ที่ดีลไว้กลัวจะไปไม่ถึง ระยะทางอีกครึ่ง ชม.  ไปถึงก้เข้าห้องฉุกเฉิน  หมอก้มาถามอาการว่าเกิดอะไร  แต่เราปากเบี้ยว พูดไม่ชัดแล้วมือเท้าเกร็จจนปวดข้อ เจ็บมือไปหมด (อันนี้เสริมเป็นความรุ้นะคะ   ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการมือเท้าเกร็ง อย่าไปพยายามแงะมือเค้านะคะ เพราะมันเจ็บมาก  หมือนกระดูกจะหัก  พยายามให้สูดหายใจช้าๆ เอาออกซิเจนเข้าปอด )  คุณหมอก้เอายาคลายกล้ามเนื้อมาฉีดให้ ไม่ถึง 2น. มือเท้าก็เริ่มคลายตัวและกลับสู่สภาพปกติ  เฮ้ออออ   จากนั้นคุณหมอก้เจาะเลือดตรวจค่าแคลเซียมตกไป จนเหลือ 3  จากปกติค่าแคลเซียมในร่างกายคือ 8-10 จึงติดต่อขอส่งตัวไป รพ.ที่เราดีลไว้ในตอนแรก   เราจึงได้กลับไปพักรักษาตัวที่รพ. เช่นเดิม และได้ให้ ยาทางเส้นเลือดดำ เพราะร่างกายเราไม่ตอบสนองยากิน คือ ร่างกายไม่ดูดซึมยากิน  เรานอนให้ยาทางสายน้ำเกลือ เกือบเดือน  เจาะตรวจเลือดทุกวัน วันละสองหลอด ช่วงแรกๆ สามหลอด เจาะจนแขนไม่มีที่ให้เจาะ เส้นเลือดช้ำ จนเกือบจะได้เจาะขา  ตอนนั้นเป้นช่วงที่ยากลำบากจริงๆนะ
                             
         สภาพแขนข้างนึง อีกข้าง มีอีกสาย  เขียวช้ำไม่แพ้กัน มือบวมปวดไปหมด  พยาบาลบอกเส้นมันช้ำ 

                        ต่อในเม้นนะคะ  เพี้ยนแว๊น

              
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่