ประสบการณ์ที่อยากเล่าสู่กันฟังเมื่อ ก่อนผ่าตัดมะเร็งไทรอยด์และหลังผ่าตัด ณ รพ.ตำรวจ

สวัสดีค่ะ ถ้านับวันที่ผ่าตัดก็ 1 เดือน กับอีก 4 วันแล้วนะค่ะ หลายๆท่านคงจะสงสัยว่ารู้ได้ไงว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์ บอกตรงๆนะค่ะว่าไม่รู้หรอกค่ะว่าเป็น
รู้แค่ว่าเป็นไทรอยด์เท่านั้น จากสุขภาพของตัวเราเองคือคอบวมๆข้างซ้าย แล้วตรวจสุขภาพประจำปีของบริษัท คุณหมอแนะนำให้ไปตรวจไทรอยด์ เลยไปทำการตรวจที่คลีนิกนอกเวลาที่ รพ.ราชวิถี โดยการเจาะเลือดและเจาะชิ้นเนื้อ ผลออกมาคืออ.หมอบอกว่าเป็นคอพอกเฉยๆไม่ได้เป็นไทรอยด์ ส่วนเลือดปกติ
เจ็บคอไปประมาณ 1 อาทิตย์กลืนน้ำลายไม่ค่อยได้ จากนั้นก็ให้ทาง รพ.ส่งตัวไป รพ.ที่เราทำประกันสังคมไว้ คือ รพ.ตำรวจ และทำการรักษามาเรื่อยๆ ประมาณ 5 เดือน  ที่ต้องไปตรวจราชวิถีเพราะว่าตอนนั้นไม่แน่ใจกับการบริการตรวจของ รพ.ที่เป็นประกันสังคม เข็ดกับ รพ.ประกันสังคมที่เคยใช้บริการ อีกอย่างถ้าไปแจ้งกับทาง รพ.เพื่อให้ตรวจคงยาก
       เมื่อรักษามาได้ 5เดือนหมออายุรกรรมให้ไปอุลตร้าซาวด์และเจาะเลือด ผลออกมาคือมีความเสี่ยงและหมอกลัวแจ็คพอร์ต ที่จะเป็นมากกว่าเป็นไทรอยด์ เลือดปกติแต่ว่าผลอุลตร้าซาวด์ค่อนข้างจะแอนเอียงไปในทางไม่ดี เพราะมีก้อนชิ้นเนื้อและน้ำไม่สม่ำเสมอ
       หลังไปเจาะชิ้นเนื้อไทรอยด์ แล้วผลออกมาคือช็อคมากๆ และมีแต่คนเป็นห่วงเพราะขึ้นชื่อว่ามะเร็ง แต่อ.หมอที่ รพ.ตำรวจก็เก่งๆทั้งนั้นเลยนะค่ะและให้กำลังใจว่าไม่ร้ายแรงเหมือนมะเร็งชนิดอื่นๆ และก็ส่งตัวไปให้ ฝ่ายศัลยกรรมเพื่อนัดวันที่จะผ่า ช่วงที่รู้ผลว่าเป็นมะเร็งมีเวลาให้เตรียมตัวน้อยมากเพราะ หมออายุรกรรม บอกว่าต้องทำการผ่าตัดภายใน 2 อาทิตย์ เฮ้อ ท้อเหมือนกันตอนนั้น งานก็ห่วง ห่วงเรื่องหลังผ่าตัดด้วย เครียดไปหมดค่ะ

        แต่สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจผ่าค่ะเนื่องจากว่าเป็นเนื้อร้ายถึงจะเป็นระยะแรกๆก็ตาม แต่ว่าถ้ามันไม่มีปรัโยชน์หรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพแล้วเอาไว้ก็จะก่อให้ทำร้ายเราและคงไม่แตกต่างจากใส้ติ่งค่ะ หมอนัดไปนอน รพ.วันที่ 18/09/2014 และเช้าวันที่ 19/09/2014 เข้ารับการผ่าตัด หมอบอกว่าถ้าไม่มีอะไรก็ 2 ชม.เสร็จถ้ามีก็ 4 ชม. เฮ้อแต่เราดวงไม่ได้ดีขนาดนั้นเพราะใช้ 6 ชม. (ผ่าตัด 9โมง ถึง บ่าย 3 เก่งเหมือนกันนะเราที่รอดมาได้ 5555 หมอไม่หิวข้าวหรอ??)  
        เราต้องรักาาตัวเองในห้อง ICU เป็นเวลา 3 วันเต็ม และเช้าวันที่ 4 ก็ออกค่ะไปห้องพักฟื้น ตอนที่มาอยู่ ICU นั้น หลังการผ่าตัดคือจะโดนบล๊อคที่คางไม่ให้ขยับและถอดออกหลังติด 24 ชม. และกรณีของเราคือตอนที่ผ่าตัดโดนกระดูกหลอดลมทำให้ต้องติดท่อหายใจ 48 ชม.เพื่อดามไว้ก่อนอันนี้ค่อนข้างทรมานมากๆ เพราะเค้าห้ามไอแรงๆ และจิบน้ำอะไรก็ไม่ได้รวมคืนวันก่อนผ่าก็ 3 วันกว่า ถึงจะให้กินอะไร และเวลาที่พยาบาลเอาเสมหะออกทางท่อ ก็จะทำให้เราระคายคอและไอ เราก็จะพยายามไม่ไอ เพราะไปแล้วเลือดจะออกตรงสายที่ต่อไว้เพื่อส่งเลือดออกของเราออกประมาณเกือบครึ่งขวดได้ ข้อนี้สำคัญนะค่ะเรื่องการไอ จาม คากแรงๆ หรือห้ามแหงนหน้า ต้องนอนหัวสูงๆ เป็นอะไรที่เบื่อและท้อมากๆช่วงที่อยู่ ICU และสิ่งที่ร้ายแรงกับเราคือ เส้นเสียงข้างขวาขาดและหมอได้ต่อให้ ถูกตัดต่อมพาราไทรอยด์ไป 3ต่อมเหลือแค่ 1 ต่อม ทำให้ขาดแคลเซียมเฉียบพลันมากกว่าคนอื่น (เรื่องแคลเซียมนี้แระลากให้เราอยู่ รพ.เกือบเดือน) อาการคือเรา มือจีบ ชาไปหมดทั้งหน้า ปาก มือเท้า ตกใจมากๆ เลยอยู่ต่ออีกวันที่ 3

            อ.หมอ มาหาและมาบอกว่าส่องกล้องผ่าตัดไม่สำเร็จนะ หมอเลยต้องผ่าแบบเปิดเอา รู้สึกแย่เหมือนกันแต่เพื่อชีวิตค่ะและมันผ่านมาแล้วเราคงเลือกย้อนไปไม่ได้ หลายท่านสงสัยว่าทำไมเราใช้เวลานานขนาดนี้ อ.หมอบอกว่าเคสของเราก้อนมันใหญ่กว่าตอนที่ตรวจ และความร้อนของกล้องมันไปโดนกระดูกหลอดลม และมีความเสี่ยงที่หลอดลมจะขาด และพังผืดเยอะมาก หมอจึงต้องใช้วิธีเปิดเอาเพื่อรักษาชีวิต ข้อนี้อยากให้ทุกท่านที่อยากผ่าตัดมะเร็งว่า ไม่ควรส่องกล้องนะค่ะ เพราะว่ามะเร็งต้องผ่าอย่างเดียวต้องเอาออกหมดอันนี้มาทราบอีกที่จากที่หมออายุรกรรมทักท้วงว่าไปส่องกล้องทำไม ผมให้ไปผ่า เฮ้อออออ!! ใช่ไหมอ่ะที่มาบอกเราแบบนี้ ทำไมคุณไม่เขียนส่งตัวให้ชัดเจนอ่ะ เพราะคนไข้ก็ต้องเลือกทางที่เจ็บน้อยที่สุดอยู่แล้ว เซ็งมากเหมือนกัน
        
หลังมาอยู่พักฟื้น>>>> ช่วงเวลาที่ท้อมาก
               สิ่งที่ท้อคือเรื่องแคลเซียมที่ไม่ดีขึ้นเลยโดนเจาะเลือดจนแขนไม่มีให้เจาะ ได้ลองให้แคลเวียมดิบ 3 รอบ คือ
อาทิตย์แรก>>
      ตั้งแต่อยู่ ICU เรา   ได้รับแคลแซียมดิบผ่านทางสายน้ำเกลือมาอาทิตย์กว่า แต่ก็ต้องกินแคลเซียมเม็ดคู่ขนาดกันไป แมกนีเซียม และวิตามินดี ยาแก้อักเสบ เป็นอะไรที่ทรมานมากๆเพราะยังกลืนอาหารไม่ได้ปกติ กลืนยากมากเพราะถ้าอาหารบังคับได้แต่ถ้าเป็ยาต้องสำลักและไอ เพราะคอโดนส่องกล้องจะทำให้มีผลต่อการกลืน เส้นเสียงและแผ่นเนื้อที่คอยปิดหลอดลมเราไม่สามารถปิดได้สนิท แรกๆกินอาหารเหลวไม่ได้กินข้าวที่เป็นเม็ด หรือข้าวต้มเลย ดูดอย่างเดียว น้ำลูกเดือยปั่น น้ำฟักทอง น้ำข้าว กินด้วยไอด้วย ทรมาน ยาก็ต้องบดกินเพราะยาแก้อักเสบเม็ดใหญ่มากๆยาแคลเซียมก็ใหญ่


นี่คือรูปแผลที่คอค่ะ (ใครใจไม่ถึงอย่าดูนะค่ะ) ก่อนตัดไหมและหลังตัดไหม



มีแต่พยาบาลชมว่าแผลสวย แต่เราไม่เคยมีแผลมาก่อนมองยังไงก็ไม่สวยอ่ะนะ 555+
   หลังจากที่อาทิตย์แรกได้ถอดสายแคลเซียมออกเหลือแต่กินอย่างเดียว ได้ 2 วันก็เกิดอาการชามือ เท้า หน้าชา นั่งชักโครกก็เป็นตะคริว สวดมนต์ก็ไม่ได้

อาทิตย์ที่ 2>>
        กลับมาเจอกันอีกแล้วเครื่องจ่ายแคลเซียมเพราะแคลเซียมต่ำเกินจะทำให้ชา และชักได้ ช่วงนี้ต้องกินแมกนีเซียมอยู่เพราะกล้ามเนื้อกระดุกไปตามตัวโดยเฉพาะสะโพกและหลัง หลังจากปลายอาทิตย์แคลเซียมดีขึ้นแต่เราดันมาเป็นไข้เพราะเข็มที่ให้แคลเซียมมันอักเสบ พยาบาลเลยต้องถอดเข็มให้แต่ยังไม่แทงซ้ำ เพราะแคลเซียมเราดีขึ้นแล้วรอไข้ลด เป็นไข้ไป 2 วันกินอะไรก็ไม่ได้ อ๊วกลูกเดียว แคลเซียมต้องกิน 3 รอบและพยายามไม่ให้อ๊วก แคลเซียมเลยลด ก็พยายามเซ้ดตัวคับเช็ดแบบย้อนรูขุมขนนะคับเป็นวิธีการเปิดรูขุมขนให้ความร้อนออกจากตัวเราและหายไข้ได้เร็ว ใครจะลองดูก็ได้นะค่ะ โดยไล่เช็ดตั้งแต่บนลงล่าง เจอข้อพับก็ให้พับผ้าแล้วหนีบตามข้อพับ หรือคอเพราะมีอุณหภูมิสูงกว่าที่อื่น

รูปจ่ายแคลเซียมค่ะจะเริ่มที่ระดับ 30 20 10 และถอดออกเหลือกินยากว่าจะได้ถอดก็เป็นอาทิตย์อ่ะ


อาทิตยที่3>>>
      อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่เริ่มท้ออ่ะค่ะ กินปลาเล็กปลาน้อยก็แล้ว นมวันละ 6 กล่องก้แล้ว (แนะนำเป็นนม แอนลีนนะค่ะแคลเซียมสูง หรือนมวัว แต่นมถั่วเหลืองแคลเซียมไม่สูงหรอกค่ะ ให้อ่านที่ข้างกล่องดูนะค่ะ)  อยากบอกว่าเป็นเคสที่อยู่นานที่สุดแล้วของการผ่าตัด และกินแคลเซียมเยอะมากวันละ 10 เม็ด เป็นแคลเซียมคาร์บอเน็ต 1250 mg. มีแคลเซียม 500 mg. (มีหลายแบบนะค่ะลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในอินเตอร์เน็ต) ครั้งละ 2 เม็ดหลังอาหารแต่ กิน 6โมงเช้า(ก่อนอาหาร) 9โมงเช้า บ่าย 2  6โมงเย็นและเที่ยงคืน ถึงอาทิตย์นี้มันยาวนานเกินไปแล้วกับการรักษาตัวเพื่อรักาาแคลเซียม เลยบอกหมออายุรกรรมไปตรงๆ ว่าขอเปลี่ยนยาดีกว่าเพราะเหมือนกินแล้วไม่ดีขึ้นเลย หมอก็ไม่ยอมเปลี่ยนเฮ้อ!!! จนสุดท้ายก็ได้ออก รพ. เพราะแคลเซียมอยู่ระดับปกติ แต่ไม่มากกว่าปกติเท่าไหร่ ช่วงนี้จะค่อนข้างกินเก่งมากเพื่ออยากออก เบื่อสุดๆ พยายามแขย่งปลายเท้าเพื่อหลอกร่างกายตัวเองเหมือนว่าเราวิ่งให้แคลเซียมเข้ากระดูก นอกจากจะอยู่ที่เลือดอย่างเดียว กินโปรตีนแอมเวย์ควบคู่ กินนมเยอะๆ ปลาเล็กปลาน้อย ตากแดดช่วง 7-9 โมงเพื่อช่วยสังเคราะห์วิตามินดี และให้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น

แผลที่คอเมื่อถึง อาทิตย์ที่ 3


***********************************************************
โห้!! ยาวเน๊าะ ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้เยี่ยมจริงๆ
        หลังจากที่ออก รพ. 1 อาทิตย์ก็คิดว่าแคลเซียมไม่ดีนะค่ะ มีชาตามมือและกล้ามเนื้อกระตุก พอไปพบหมออายุรกรรม ก็บอกอ.หมอเลยว่า กินยาเหมือนไม่ช่วยอะไร เพราะยังชาอยู่เลย อ.หมอเลยเปลี่ยนตัวยาให้แรงกว่าเดิมคือเม็ดละ 1,500 mg. มีแคลเซียม 600 mg. กินครั้งละ 3 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น แต่เราก็กินในปรืมาณที่มากเลยแระสิ่งที่จะมีผลข้างเคียงคือจะเกิดตะกอนที่ลำไส้หรือไตได้อาจจะเป็นนิ่วได้ แนะนำให้ดื่มน้ำแครมเบอร์รี่นะค่ะเพื่อล้างตะกอนที่ตกค้าง และท้องไม่ผูก และไม่ควรทานผักมากนะค่ะก่อนกินแคลเซียมต้องกินเนื้อสัตว์เยอะๆ เพราะไม่งั้นแคลเซียมจะไปเกาะที่ผักมากเกินไปและถูกขับออกได้ง่ายกว่าเนื้อ ตอนนี้ 1อาทิตยืแล้วที่กินยาตัวใหม่ ทั้งแคลเซียมและและวิตามินดี(ซื้อแยกค่ะเพราะว่า ประกันสังคมเบิกไม่ได้) อาการชาไม่มีแล้วค่ะ ดีขึ้นมากๆ และเมื่อวานไปพบหมศัลยกรรมตรวจเลือดผลแคลเซียมดีค่ะอยู่ที่ระดับ 9 แล้วเพราะแต่ก่อน เกือบ 8 หรือ 8 นิดๆ

ตัวยาเก่าและใหม่


รอยแผลวันนี้ค่ะ



        ตอนนี้ท่านใดที่เป็นอยู่หรือกำลังจะผ่าตัดก็สู้ๆนะค่ะ บำรุงตัวเองเยอะๆกินเยอะๆ ออกกำลังกายก่อนจะเข้าผ่าตัด นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญกำลังใจจากตัวเองดีที่สุดค่ะต้องให้กำลังใจตัวเอง เพราะถึงคนอื่นจะให้กำลังใจยังไงแต่ตัวเองยังไม่มีให้ตัวเองก็เปล่าประโยชน์ค่ะ  เข้มแข็งนะค่ะ ผ่าก็หายค่ะดีกว่าจะปล่อยให้เป็นอันตรายมากกว่านี้

        อยากบอกว่าใช้ประกันสังคมที่นี้ดีมากๆค่ะ บริการจากพยาบาล อาหารการกิน การเข้ามาตรวจ เอาใจใส่ ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยดูแลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาช่วงที่อยู่ รพ. ทั้งทีม ICU (คุณอิ๋ว, คุณประภา, คุณจืด, น้องอเล็ก คนอื่นไม่รู้จักชื่อต้องขอภัยด้วยนะค่ะ), อ.อังกูร, อ.พจน์,ทีมหมอฝึกหัดและหมออายุรกรรม,ทีมพี่ๆน้องที่ช่วยทำกายภาพฝึกกลืนและออกเสียง, ทีมพยาบาล คศ.2 และน้องพยาบาลฝึกหัด พี่ดีใจนะที่เป็นคนที่น้องได้ถูกเจาะเลือดเพื่อให้น้องมีประสบการณ์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่