ย้อนไทม์ไลน์ไทยปลดธงแดง ICAO หลัง “ชัชชาติ” อ้างไม่ใช่ต้นเหตุ
ย้อนไทม์ไลน์ไทยปลดธงแดง ICAO หลัง "ชัชชาติ" อ้างไม่ใช่ต้นเหตุ
หลังจากวันที่ 16 เมษายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครฯผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร และในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาชี้แจงว่าตนเองไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยถูกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ประกาศติดธงแดง เมื่อปี 2558 หลังตรวจพบว่าระบบการบินพลเรือนของไทยบกพร่องตามหลักมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยที่มีมากถึง 33 ข้อ อย่างไรก็ตามหากเราย้อนตรวจสอบไทม์ไลน์ในเรื่องนี้ ก็จะพบความจริง ดังนี้....👇
-ปี 2548 ประเทศไทยเพิ่มสายการบิน จาก 12 เป็น 41 สายการบิน เป็นแบ่บเช่าเหมาลำ และสายการบินต้นทุนต่ำ
-ปี 2552 ในยุครบ.อภิสิทธิ์ ICAO เตือนกรมการบินพลเรือนไทย ความปลอดภัยไม่สอดคล้องกับสายการบินที่เพิ่มขึ้น และ พ.ร.บ.เดินอากาศของไทยล้าหลัง
-ปี 2554-2557 ยุครบ.ยิ่งลักษณ์ และ “ชัชชาติ” เป็นรมว.คมนาคม ปี 2555-2557แต่กลับไม่ได้แก้ปัญหาที่ ICAO เตือน มิหนำซ้ำยังออกใบอนุญาตสายการบินอีก 42 ใบ ในเวลาเพียง 9 เดือน รวมถึงสายการบินของ กี้ร์ อริสมันต์
กระทั่ง 18 มิ.ย. 2558 รบ.คสช. รับกรรม เมื่อ ICAO ประกาศติด “ธงแดง”
-11 ก.ย. 2558 รบ.คสช. รื้อโครงสร้างกรมการบินพลเรือนใหม่ โดยตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.) แก้ปัญหาโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด
-1 ต.ค. 2558 ศบปพ. แยกกรมการบินพลเรือนเดิม ออกเป็น 3 หน่วยงาน ได้แก่ 1.สนง.การบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) 2.กรมท่าอากาศยาน 3.กลุ่มค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือประสบภัย และ กลุ่มนิรภัยการบินและสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุ
-20 เม.ย. 2559 ศบปพ. ว่าจ้างบริษัท CAAi เพื่อปรึกษาการปรับแก้ 33 ข้อบกพร่อง เพื่อขอใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศจาก ICAO ใหม่
-30 มิ.ย. 2560 สำนักงานการบินพลเรือนฯ เชิญ ICAO เข้ามาตรวจสอบไทยอีกครั้ง เพื่อปลดธงแดง
– 1 ก.ย.2560 ICAO เข้าตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยการบินพลเรือนอีกครั้ง
– 6 ต.ค. 2560 ICAO ประกาศปลดธงแดงประเทศไทย โดยใช้เวลาแก้ไขทั้งสิ้น 4 ปี
https://www.topnews.co.th/news/286736
ต้องถือเป็นผลงาน "ชิ้นโบว์แดง" ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแท้จริง กับการแก้ไขปัญหามาตรฐานด้านการบิน หลังจากหน่วยงานด้านการบินของไทยถูก "องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)" ประกาศ "แบลก์ลิสต์" ปัก "ธงแดง" บนเว็บไซต์ของ ICAO อันแสดงให้เห็นความเสี่ยงด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของประเทศไทย มาตั้งแต่ 18 มิถุนายน 2558 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน
นายกรัฐมนตรีต้องงัด ม.44 ยกเครื่องหน่วยงานด้านการกำกับดูแลและตรวจสอบมาตรฐานการบินขนานใหญ่ จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขวิกฤติการบินพลเรือนของไทยขึ้น และดำเนินการปรุบปรุงโครงสร้างองค์กรด้านการบินพลเรือนของไทยครั้งใหญ่ แยกหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานปฏิบัติออกจากกันเด็ดขาดท่ามกลางแรง "เสียดทาน" จากผู้คนทั่วโลก ก่อนที่ ICAO จะประกาศปลด "ธงแดง" ประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาอันเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้
แน่นอน!ถนนทุกสายต่างพุ่งเป้าไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการประสานการแก้ไขปัญหา
เบื้องหลังความสำเร็จการแก้ไขวิกฤติการบินของประเทศนั้น หาใช่มีเพียงกระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนฯ (กพท.) เท่านั้น แต่ยังมีหลายหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหานี้ โดยพล.อ.อ.ปรีชา ประดับมุข หัวหน้าสำนักงานและประสาน ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.)ได้กล่าวถึงเบื้องหลังความสำเร็จของการแก้ไขปัญหาวิกฤติด้านการบินพลเรือนของไทยในครั้งนี้ ดังนี้...👇
👉ผุดศูนย์ "ศบปพ." แก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ!
ผลพวงจากการที่ ICAO ปัก "ธงแดง" ให้กับประเทศไทยเมื่อกลางปี 2558 เพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบถึงความเสี่ยงด้านมาตรฐานการบินของประเทศไทยนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินของไทยอย่างรุนแรง
ประเทศสมาชิก ICAO หลายประเทศเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบการบินของไทยมากขึ้น และมีการเพิ่มข้อจำกัดในด้านการบิน รวมถึงการประกาศห้ามสายการบินของไทยบินเข้าน่านฟ้าในบางประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งในด้านการคมนาคมและเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างรุนแรง
คสช.ได้ตระหนักถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขภายในเวลาอันรวดเร็ว หรือไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวหากดำเนินการไปตามขั้นตอนปกติของทางราชการ พบว่าต้องใช้เวลาดำเนินการอีกหลายปี ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์แห่งปัญหาที่เกิดขึ้นและยังอาจส่งผลกระทบไปยังกิจการที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนที่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางโดยสายการบินไปยังที่หมายต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าคสช. จึงได้สั่งการให้ใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฯชั่วคราว พ.ศ.2557 จัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนหรือ ศบปพ." ขึ้น โดยมีผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้บัญชาการศูนย์ พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนที่มีผู้แทนจากส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเทคนิคและการประสานงานที่มีบุคลากรจากกองทัพอากาศเป็นกำลังหลัก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการติดธงแดงของ ICAO ให้แล้วเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว โดยเริ่มดำเนินการทันทีตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2558 พร้อมให้ ศบปพ.รายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาให้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านนี้ คือ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยตรงทุกระยะ
👉ยกเครื่ององค์กรกำกับ-มาตรฐานการบิน!
การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทยที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ ICAO กำหนดนั้น เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดซับซ้อน เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ได้แก้ไขกฎหมายทางด้านการบินพลเรือนให้ทันสมัยเพื่อรองรับความเติบโตด้านการบิน การไม่พัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ รวมถึงการไม่มีมาตรฐานในการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ หรือการตรวจสอบสายการบินที่เป็นมาตรฐาน เหล่านี้คือปัญหาที่ ศบปพ.และกองทัพอากาศ ต้องดำเนินการแก้ปัญหาโดยเร็วภายในเวลาที่จำกัด เพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤติการบินพลเรือนโดยเร็วที่สุด
โดยสิ่งที่ ศบปพ.ดำเนินการไปนั้น ประกอบด้วย ...👇
1.การจัดโครงสร้างทางด้านการบินพลเรือนใหม่ ด้วยการยกเลิกองค์กรเดิม จัดตั้งเป็น "สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท."
2.การจัดหาบุคลากรที่มีคุณวุฒิตามที่ ICAO กำหนด เพื่อมาทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบ เพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ
3. การจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวกับการบินพลเรือนตามมาตรฐานสากลของ ICAO 4.การออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศหรือใบรับรองสายการบินให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2559 รัฐบาลเล็งเห็นว่า ปัญหาด้านการบินพลเรือนควรเป็นเรื่องด้านพลเรือน รัฐบาลจึงจัดตั้ง "คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน" โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน แต่อนุกรรมการแก้ไขปัญหายังคงขึ้นตรงต่อ "คณะกรรมการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน" คณะที่ 5 ที่มีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดนี้ จัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแก้ปัญหา โดยให้สำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เป็นหน่วยหลัก และมี ศบปพ.และกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยแรกที่เข้าไปแก้ปัญหาเป็นหน่วยสนับสนุนและกำกับดูแลเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ICAO และตลอดระยะเวลาของการประสานข้อมูลเจรจาและแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้วิกฤติทางการบินของประเทศไทยเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี
👉บทสรุป
ผลจากการผนึกกำลัง ความตั้งใจจริง และความจริงจังของกองทัพอากาศ สำนักงานการบินพลเรือน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาล ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ยังผลให้ขณะนี้ประเทศไทยได้เดินมาถึงจุดที่ได้รับการตรวจสอบและตรวจสอบซ้ำ
จาก ICAO เพื่อปลดธงแดงทางด้านการบินพลเรือนของไทยแล้ว ก่อนที่ ICAO จะประกาศปลด "ธงแดง" หน้าชื่อของประเทศไทย ในเวปไซต์ที่เป็นทางการของ ICAO เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2560 สะท้อนให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบว่า ประเทศไทยได้แก้ปัญหาวิกฤตด้านการบินพลเรือน และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเข้าสู่มาตรฐานสากลเรียบร้อยแล้ว
นับตั้งแต่ 18 มิถุนายน 2558 เป็นต้นมา รวมเวลาแห่งความพยายามกว่า 2 ปี 4 เดือนนั้น บัดนี้อิสรภาพทางด้านการบินพลเรือนของไทยที่จะบินไปในโลกกว้างอย่างไร้ขีดจำกัดจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับความภาคภูมิใจที่เราได้ทำงานร่วมกันอย่างทุ่มเท ทั้งกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญา และเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินรวมทั้งช่วยกันแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนอันเป็นที่รักของเรา
ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ การสร้างความมั่นใจในการพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแลและการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรกำกับดูแลทางด้านการบินพลเรือนของไทย รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินเพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้ได้ในอนาคต
https://www.bangkokbiznews.com/business/776495
👉ใจความสำคัญ
นับจากสายการบินประเทศไทยถูก ICAO ติดธงแดง รัฐบาลนำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เข้าเร่งสะสางปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานาน โดยปฏิรูปการทำงานใหม่ทั้งระบบ เป็นขั้นเป็นตอน และเป็นรูปธรรม จนกระทั่งสถาบันเอียซ่า (EASA) ของสหภาพยุโรป และสถาบัน ICAO ของสหรัฐอเมริกา ให้การยอมรับ โดยใช้ระยะเวลาแก้ไขเพียง 2 ปี 4 เดือน
การที่ไทยสามารถปลดธงแดง ส่งผลดีทำให้นานาชาติเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยตามหลักสากลมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ เพิ่มเส้นทางบินเข้ามายังไทย อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของประเทศเติบโต พร้อมก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอีก14 ปีข้างหน้า ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลวางไว้
👉บทสรุปที่คนไทยทุกคนได้รับประโยชน์
การผ่านการตรวจสอบโดย ICAO ข้างต้น จนไทยได้รับการปลดธงแดง ทำให้สายการบินของไทยและจากนานาชาติที่มีเส้นทางมาใช้บริการท่าอากาศยานของไทย รวมถึงผู้ใช้บริการทั้งไทยและต่างชาติสามารถเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานการบินของประเทศ ทั้งในส่วนของเครื่องบินและท่าอากาศยาน มีการเพิ่มเส้นทางบินระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้มีผู้ใช้บริการเดินทางเข้าออกประเทศไทยโดยเครื่องบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของประเทศเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอีก 14 ปีข้างหน้า ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลวางเอาไว้
https://www.pmdu.go.th/unlock-icao-red-flag/
..รัฐบาลลุงตู่ทำงานอย่างตั้งใจจริง ได้ผลเป็นที่ประจักษ์
ดีกว่าพวกที่ดีแต่พูด แต่ทำงานเละเทะทิ้งไว้สารพัดเรื่อง
ขอบคุณรัฐบาลยุคคสช.ที่ทำให้การบินไทยเชิดหน้าขึ้นมาได้
สำหรับคนที่ทำพังไว้ประชาชนก็พิจารณาเอานะคะ อย่าลืมเมื่อเจอคำว่าเสียใจก็สายเกินแก้
💛มาลาริน/ขอบคุณรัฐบาลคสช. ปลดธงแดงผลชิ้นโบว์แดงของลุงตู่..ย้อนไทม์ไลน์ไทยปลดธงแดง ICAO หลัง“ชัชชาติ” อ้างไม่ใช่ต้นเหตุ
ย้อนไทม์ไลน์ไทยปลดธงแดง ICAO หลัง "ชัชชาติ" อ้างไม่ใช่ต้นเหตุ
หลังจากวันที่ 16 เมษายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครฯผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร และในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาชี้แจงว่าตนเองไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยถูกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ประกาศติดธงแดง เมื่อปี 2558 หลังตรวจพบว่าระบบการบินพลเรือนของไทยบกพร่องตามหลักมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยที่มีมากถึง 33 ข้อ อย่างไรก็ตามหากเราย้อนตรวจสอบไทม์ไลน์ในเรื่องนี้ ก็จะพบความจริง ดังนี้....👇
-ปี 2548 ประเทศไทยเพิ่มสายการบิน จาก 12 เป็น 41 สายการบิน เป็นแบ่บเช่าเหมาลำ และสายการบินต้นทุนต่ำ
-ปี 2552 ในยุครบ.อภิสิทธิ์ ICAO เตือนกรมการบินพลเรือนไทย ความปลอดภัยไม่สอดคล้องกับสายการบินที่เพิ่มขึ้น และ พ.ร.บ.เดินอากาศของไทยล้าหลัง
-ปี 2554-2557 ยุครบ.ยิ่งลักษณ์ และ “ชัชชาติ” เป็นรมว.คมนาคม ปี 2555-2557แต่กลับไม่ได้แก้ปัญหาที่ ICAO เตือน มิหนำซ้ำยังออกใบอนุญาตสายการบินอีก 42 ใบ ในเวลาเพียง 9 เดือน รวมถึงสายการบินของ กี้ร์ อริสมันต์
กระทั่ง 18 มิ.ย. 2558 รบ.คสช. รับกรรม เมื่อ ICAO ประกาศติด “ธงแดง”
-11 ก.ย. 2558 รบ.คสช. รื้อโครงสร้างกรมการบินพลเรือนใหม่ โดยตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.) แก้ปัญหาโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด
-1 ต.ค. 2558 ศบปพ. แยกกรมการบินพลเรือนเดิม ออกเป็น 3 หน่วยงาน ได้แก่ 1.สนง.การบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) 2.กรมท่าอากาศยาน 3.กลุ่มค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือประสบภัย และ กลุ่มนิรภัยการบินและสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุ
-20 เม.ย. 2559 ศบปพ. ว่าจ้างบริษัท CAAi เพื่อปรึกษาการปรับแก้ 33 ข้อบกพร่อง เพื่อขอใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศจาก ICAO ใหม่
-30 มิ.ย. 2560 สำนักงานการบินพลเรือนฯ เชิญ ICAO เข้ามาตรวจสอบไทยอีกครั้ง เพื่อปลดธงแดง
– 1 ก.ย.2560 ICAO เข้าตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยการบินพลเรือนอีกครั้ง
– 6 ต.ค. 2560 ICAO ประกาศปลดธงแดงประเทศไทย โดยใช้เวลาแก้ไขทั้งสิ้น 4 ปี
https://www.topnews.co.th/news/286736
ต้องถือเป็นผลงาน "ชิ้นโบว์แดง" ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแท้จริง กับการแก้ไขปัญหามาตรฐานด้านการบิน หลังจากหน่วยงานด้านการบินของไทยถูก "องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)" ประกาศ "แบลก์ลิสต์" ปัก "ธงแดง" บนเว็บไซต์ของ ICAO อันแสดงให้เห็นความเสี่ยงด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของประเทศไทย มาตั้งแต่ 18 มิถุนายน 2558 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน
นายกรัฐมนตรีต้องงัด ม.44 ยกเครื่องหน่วยงานด้านการกำกับดูแลและตรวจสอบมาตรฐานการบินขนานใหญ่ จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขวิกฤติการบินพลเรือนของไทยขึ้น และดำเนินการปรุบปรุงโครงสร้างองค์กรด้านการบินพลเรือนของไทยครั้งใหญ่ แยกหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานปฏิบัติออกจากกันเด็ดขาดท่ามกลางแรง "เสียดทาน" จากผู้คนทั่วโลก ก่อนที่ ICAO จะประกาศปลด "ธงแดง" ประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาอันเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้
แน่นอน!ถนนทุกสายต่างพุ่งเป้าไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการประสานการแก้ไขปัญหา
เบื้องหลังความสำเร็จการแก้ไขวิกฤติการบินของประเทศนั้น หาใช่มีเพียงกระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนฯ (กพท.) เท่านั้น แต่ยังมีหลายหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหานี้ โดยพล.อ.อ.ปรีชา ประดับมุข หัวหน้าสำนักงานและประสาน ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.)ได้กล่าวถึงเบื้องหลังความสำเร็จของการแก้ไขปัญหาวิกฤติด้านการบินพลเรือนของไทยในครั้งนี้ ดังนี้...👇
👉ผุดศูนย์ "ศบปพ." แก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ!
ผลพวงจากการที่ ICAO ปัก "ธงแดง" ให้กับประเทศไทยเมื่อกลางปี 2558 เพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบถึงความเสี่ยงด้านมาตรฐานการบินของประเทศไทยนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินของไทยอย่างรุนแรง
ประเทศสมาชิก ICAO หลายประเทศเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบการบินของไทยมากขึ้น และมีการเพิ่มข้อจำกัดในด้านการบิน รวมถึงการประกาศห้ามสายการบินของไทยบินเข้าน่านฟ้าในบางประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งในด้านการคมนาคมและเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างรุนแรง
คสช.ได้ตระหนักถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขภายในเวลาอันรวดเร็ว หรือไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวหากดำเนินการไปตามขั้นตอนปกติของทางราชการ พบว่าต้องใช้เวลาดำเนินการอีกหลายปี ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์แห่งปัญหาที่เกิดขึ้นและยังอาจส่งผลกระทบไปยังกิจการที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชนที่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางโดยสายการบินไปยังที่หมายต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าคสช. จึงได้สั่งการให้ใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฯชั่วคราว พ.ศ.2557 จัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนหรือ ศบปพ." ขึ้น โดยมีผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้บัญชาการศูนย์ พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนที่มีผู้แทนจากส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเทคนิคและการประสานงานที่มีบุคลากรจากกองทัพอากาศเป็นกำลังหลัก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการติดธงแดงของ ICAO ให้แล้วเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว โดยเริ่มดำเนินการทันทีตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2558 พร้อมให้ ศบปพ.รายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาให้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านนี้ คือ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยตรงทุกระยะ
👉ยกเครื่ององค์กรกำกับ-มาตรฐานการบิน!
การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทยที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ ICAO กำหนดนั้น เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดซับซ้อน เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ได้แก้ไขกฎหมายทางด้านการบินพลเรือนให้ทันสมัยเพื่อรองรับความเติบโตด้านการบิน การไม่พัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ รวมถึงการไม่มีมาตรฐานในการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ หรือการตรวจสอบสายการบินที่เป็นมาตรฐาน เหล่านี้คือปัญหาที่ ศบปพ.และกองทัพอากาศ ต้องดำเนินการแก้ปัญหาโดยเร็วภายในเวลาที่จำกัด เพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤติการบินพลเรือนโดยเร็วที่สุด
โดยสิ่งที่ ศบปพ.ดำเนินการไปนั้น ประกอบด้วย ...👇
1.การจัดโครงสร้างทางด้านการบินพลเรือนใหม่ ด้วยการยกเลิกองค์กรเดิม จัดตั้งเป็น "สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท."
2.การจัดหาบุคลากรที่มีคุณวุฒิตามที่ ICAO กำหนด เพื่อมาทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบ เพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ
3. การจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวกับการบินพลเรือนตามมาตรฐานสากลของ ICAO 4.การออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศหรือใบรับรองสายการบินให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2559 รัฐบาลเล็งเห็นว่า ปัญหาด้านการบินพลเรือนควรเป็นเรื่องด้านพลเรือน รัฐบาลจึงจัดตั้ง "คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน" โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน แต่อนุกรรมการแก้ไขปัญหายังคงขึ้นตรงต่อ "คณะกรรมการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน" คณะที่ 5 ที่มีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดนี้ จัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแก้ปัญหา โดยให้สำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เป็นหน่วยหลัก และมี ศบปพ.และกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยแรกที่เข้าไปแก้ปัญหาเป็นหน่วยสนับสนุนและกำกับดูแลเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ICAO และตลอดระยะเวลาของการประสานข้อมูลเจรจาและแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้วิกฤติทางการบินของประเทศไทยเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี
👉บทสรุป
ผลจากการผนึกกำลัง ความตั้งใจจริง และความจริงจังของกองทัพอากาศ สำนักงานการบินพลเรือน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาล ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ยังผลให้ขณะนี้ประเทศไทยได้เดินมาถึงจุดที่ได้รับการตรวจสอบและตรวจสอบซ้ำ
จาก ICAO เพื่อปลดธงแดงทางด้านการบินพลเรือนของไทยแล้ว ก่อนที่ ICAO จะประกาศปลด "ธงแดง" หน้าชื่อของประเทศไทย ในเวปไซต์ที่เป็นทางการของ ICAO เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2560 สะท้อนให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบว่า ประเทศไทยได้แก้ปัญหาวิกฤตด้านการบินพลเรือน และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเข้าสู่มาตรฐานสากลเรียบร้อยแล้ว
นับตั้งแต่ 18 มิถุนายน 2558 เป็นต้นมา รวมเวลาแห่งความพยายามกว่า 2 ปี 4 เดือนนั้น บัดนี้อิสรภาพทางด้านการบินพลเรือนของไทยที่จะบินไปในโลกกว้างอย่างไร้ขีดจำกัดจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับความภาคภูมิใจที่เราได้ทำงานร่วมกันอย่างทุ่มเท ทั้งกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญา และเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินรวมทั้งช่วยกันแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนอันเป็นที่รักของเรา
ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ การสร้างความมั่นใจในการพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแลและการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรกำกับดูแลทางด้านการบินพลเรือนของไทย รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินเพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนี้ได้ในอนาคต
https://www.bangkokbiznews.com/business/776495
👉ใจความสำคัญ
นับจากสายการบินประเทศไทยถูก ICAO ติดธงแดง รัฐบาลนำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เข้าเร่งสะสางปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานาน โดยปฏิรูปการทำงานใหม่ทั้งระบบ เป็นขั้นเป็นตอน และเป็นรูปธรรม จนกระทั่งสถาบันเอียซ่า (EASA) ของสหภาพยุโรป และสถาบัน ICAO ของสหรัฐอเมริกา ให้การยอมรับ โดยใช้ระยะเวลาแก้ไขเพียง 2 ปี 4 เดือน
การที่ไทยสามารถปลดธงแดง ส่งผลดีทำให้นานาชาติเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยตามหลักสากลมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ เพิ่มเส้นทางบินเข้ามายังไทย อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของประเทศเติบโต พร้อมก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอีก14 ปีข้างหน้า ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลวางไว้
👉บทสรุปที่คนไทยทุกคนได้รับประโยชน์
การผ่านการตรวจสอบโดย ICAO ข้างต้น จนไทยได้รับการปลดธงแดง ทำให้สายการบินของไทยและจากนานาชาติที่มีเส้นทางมาใช้บริการท่าอากาศยานของไทย รวมถึงผู้ใช้บริการทั้งไทยและต่างชาติสามารถเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานการบินของประเทศ ทั้งในส่วนของเครื่องบินและท่าอากาศยาน มีการเพิ่มเส้นทางบินระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้มีผู้ใช้บริการเดินทางเข้าออกประเทศไทยโดยเครื่องบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของประเทศเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอีก 14 ปีข้างหน้า ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลวางเอาไว้
https://www.pmdu.go.th/unlock-icao-red-flag/
..รัฐบาลลุงตู่ทำงานอย่างตั้งใจจริง ได้ผลเป็นที่ประจักษ์
ดีกว่าพวกที่ดีแต่พูด แต่ทำงานเละเทะทิ้งไว้สารพัดเรื่อง
ขอบคุณรัฐบาลยุคคสช.ที่ทำให้การบินไทยเชิดหน้าขึ้นมาได้
สำหรับคนที่ทำพังไว้ประชาชนก็พิจารณาเอานะคะ อย่าลืมเมื่อเจอคำว่าเสียใจก็สายเกินแก้