เพราะเท่าที่เห็นส่วนมากคือ " ส่วนมากจะได้เรียนแค่ระดับ ม.3 " แค่นั้นเองครับ ทั้ง ๆ ที่ก็เก่งวิชาการขนาดนี้นะ แต่บางคนเองก็ไปต่อไหวสูงสุดก็แค่ระดับ " ปวส. " เช่นเราเองเป็นต้น (สาเหตุที่เราไม่ได้ไปต่อ เพราะเจอภาวะเครียดสะสมหนักจนกลายเป็น Burn out ขั้นรุนแรงจนไม่สามารถไปต่อได้ ถึงแม้จะสมัครเรียนต่อไปแล้วก็ตาม)
และแน่นอนว่าวุฒิการศึกษาแค่ปวส. ก็น่าจะไม่ทำให้คนไทยที่มีค่านิยม " จบปริญญาตรี และต้องได้เงินเดือนเยอะ " ไม่ค่อยจะแฮปปี้เท่าไหร่นะ เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้ง " การเข้าสังคม " " การเรียนที่หนักขึ้น " และ " ค่าใช้จ่าย" เพื่อให้บัณฑิตน้อย " จบตามที่ผู้ใหญ่ " ฝันนะ (ซึ่งแน่นอนว่าเด็กพิเศษบางคนก็มีจบปริญญาตรีได้ก็มีนะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกันได้ทุกคนนะ เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นต้นนะ)
ซึ่งแน่นอนว่าบ้านเราก็สวัสดิการก็ไม่ค่อยจะดีมาก (ถ้าบอกว่ารอคอยความตายไปวัน ๆ ก็ใช่นะ) ด้วยทั้งเบี้ยคนพิการที่ได้แค่ 800 บาท/เดือน ซึ่งก็ไม่น่าจะพอยาไส้ยุคนี้เท่าไหร่ (ใครที่ไม่ได้สิทธิ์บัตรนี้ก็อดไป เพราะความอายในยุคนี้ด้วย) แล้วก็ค่าใช้จ่ายที่ตั้งแต่โควิดมาก็พุ่งสูงขึ้น ๆ แต่ก็เจอกับปัญหาที่ผู้ใหญ่เองก็เสี่ยงโดนปลดพนักงานรายวันเนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจอีก จนเรียกว่าให้เห็นตามที่เป็นข่าวทุกวัน ๆ เลยครับ
ตัดกับต่างประเทศ เช่นมาเลเซียที่มีน้องเป็นเด็กพิเศษ แต่ด้วยความที่เด็กพิเศษจะมีปัญหาเรื่องคุมอารมณ์เลยทำให้ไม่ต่อสัญญาเช่าบ้าน เพราะเพื่อนบ้านเดือดร้อน (ตอนนี้ก็ได้บ้านใหม่แล้ว) แล้วเห็นว่าประเทศเขาให้เกียรติคนประเภทนี้มาก สวัสดิการก็ดี จนเรียกว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลก็นอนตายตาหลับ หมดห่วงไปแล้ว) หรือแม้แต่ญี่ปุ่นเองที่ให้โอกาสในการทำงานของเด็กพิเศษนี้ด้วยเหมือนกันครับ
ขอแก้ไขหัวกระทู้ว่าเป็น จบ ม.3 แทน ป.6 นะครับ
ทำไม " เด็กพิเศษ " คนไทยส่วนมากถึงจบสูงสุดได้แค่ระดับ " ม.3 " และทำไมไม่ค่อยให้เกียรติเท่ากับต่างประเทศครับ
และแน่นอนว่าวุฒิการศึกษาแค่ปวส. ก็น่าจะไม่ทำให้คนไทยที่มีค่านิยม " จบปริญญาตรี และต้องได้เงินเดือนเยอะ " ไม่ค่อยจะแฮปปี้เท่าไหร่นะ เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้ง " การเข้าสังคม " " การเรียนที่หนักขึ้น " และ " ค่าใช้จ่าย" เพื่อให้บัณฑิตน้อย " จบตามที่ผู้ใหญ่ " ฝันนะ (ซึ่งแน่นอนว่าเด็กพิเศษบางคนก็มีจบปริญญาตรีได้ก็มีนะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกันได้ทุกคนนะ เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นต้นนะ)
ซึ่งแน่นอนว่าบ้านเราก็สวัสดิการก็ไม่ค่อยจะดีมาก (ถ้าบอกว่ารอคอยความตายไปวัน ๆ ก็ใช่นะ) ด้วยทั้งเบี้ยคนพิการที่ได้แค่ 800 บาท/เดือน ซึ่งก็ไม่น่าจะพอยาไส้ยุคนี้เท่าไหร่ (ใครที่ไม่ได้สิทธิ์บัตรนี้ก็อดไป เพราะความอายในยุคนี้ด้วย) แล้วก็ค่าใช้จ่ายที่ตั้งแต่โควิดมาก็พุ่งสูงขึ้น ๆ แต่ก็เจอกับปัญหาที่ผู้ใหญ่เองก็เสี่ยงโดนปลดพนักงานรายวันเนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจอีก จนเรียกว่าให้เห็นตามที่เป็นข่าวทุกวัน ๆ เลยครับ
ตัดกับต่างประเทศ เช่นมาเลเซียที่มีน้องเป็นเด็กพิเศษ แต่ด้วยความที่เด็กพิเศษจะมีปัญหาเรื่องคุมอารมณ์เลยทำให้ไม่ต่อสัญญาเช่าบ้าน เพราะเพื่อนบ้านเดือดร้อน (ตอนนี้ก็ได้บ้านใหม่แล้ว) แล้วเห็นว่าประเทศเขาให้เกียรติคนประเภทนี้มาก สวัสดิการก็ดี จนเรียกว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลก็นอนตายตาหลับ หมดห่วงไปแล้ว) หรือแม้แต่ญี่ปุ่นเองที่ให้โอกาสในการทำงานของเด็กพิเศษนี้ด้วยเหมือนกันครับ
ขอแก้ไขหัวกระทู้ว่าเป็น จบ ม.3 แทน ป.6 นะครับ