สวัสดี เพื่อนๆทุกคน
เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ วันที่ 28-30 มีนาคมที่ผ่านมา เราได้ไปตะลุยชมซากุระที่เมืองฟุกุโอกะมา
จองไว้ไปประมาณ 2-3 อาทิตย์ล่วงหน้า ในใจก็ยังกังวลเราซากุระจะบานหรือไม่
เพราะช่วงเวลาที่ซากุระบานในญี่ปุ่น เดาไม่ถูกจริงๆค่ะ แต่ปีนี้เล็งได้ถูกเลยค่ะ ทุกที่ๆเราได้ไปเยือนในคราวนี้ บานเต็มที่ Full-Bloom
เราจึงอยากรวบรวม 9 พิกัดที่เราได้ไปในครั้งนี้ เอาภาพบรรยากาศมาฝากทุกคนกันค่ะ
1. เมือง Yanagawa
เมืองยานากาว่า(Yanagawa) ได้ชื่อว่าเป็น ”เมืองแห่งน้ำ” ที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองริมน้ำ โดยการนั่งเรือที่เรียกว่า Donkobune ที่มีคนพายเรือจะมีแค่ไม้ไผ่ก้านยาวๆเท่านั้นในการบังคับเรือ ล่องไปตามคลองที่ทอดยาวทั้งหมดกว่า 450 กม.เลยทีเดียว
ถามว่าทำไมที่นี่ถึงมีคลองเยอะขนาดนี้
ตั้งแต่สมัยยาโยอิ(ประมาณ 300 BC) ผู้คนที่นี่ใช้มือขุดคลองกันขึ้นมาเองเพื่อรองน้ำฝน นำการใช้ในชีวิตประจำวันและการเกษตร รวมถึงเป็นการป้องกันไฟได้อีกด้วย
ในสมัยเอโดะยุคซามูไร เมืองยานากาว่าปกคลองโดยตระกูลทาจิบานะ ก็ยังมีการขุดคลองรอบปราสาทเพิ่มเพื่อใช้ในการป้องกันศัตรูอีกด้วย
นอกจากเราจะได้เพลิดเพลินไปกับ ”เมืองแห่งน้ำ” แล้ว เมืองยานากาว่ายังมีชื่อเสียงเรื่อง Sagemon ซึ่งหมายถึง ลูกบอลที่ทำจากด้ายและตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆจากผ้าเก่า แต่ก่อนในบริเวณพื้นที่นี้ เมื่อมีเด็กผู้หญิงเกิด ก็จะมีการเฉลิมฉลองด้วยการแขวน Sagemon ไว้ที่บ้าน โดยการพันด้ายไป พูดคำอวยพรไปให้เด็กเกิดมาแข็งแรง และอายุยืน
ปัจจุบัน เมืองยานากาว่าจึงนิยมแขวนSagemonในช่วงเทศกาลเด็กผู้หญิงของญี่ปุ่น ประมาณกลางเดือนก.พ. ถึงต้นเดือนเม.ย. ค่ะ
โดยมีการแขวนไว้ตามหน้าร้านค้าบ้าง หรือจัดเต็มชุดในสวนสาธารณะก็มี
ยังไม่เจอซากุระจังๆ และอากาศครึ้มมากค่ะ แค่มีให้เห็นนิดๆ
2. ไร่ชายาเมะ (Yame Central Tea Garden)
โดยส่วนตัวเมื่อเราไม่ถึงที่นี่แล้วตื่นเต้นมาก เนินเขาที่เป็นจุดชมวิวไร่ชายาเมะที่นี่มีต้นซากุระบานสะพรั่ง เรายังไม่เคยวิวซากุระกับไร่ชามาก่อน จึงกดถ่ายภาพมาเยอะเลย
ไร่ชายาเมะ ที่นี่เริ่มสร้างขึ้นในปี 1969~1973 โดยทางจังหวัดฟุกุโอกะต้องพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกชายาเมะและสร้างจุดชมวิวบนเขาไว้อีกด้วย
ชายาเมะ มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะเรื่องการผลิตชาเคียวคุโระ ซึ่งเป็นชาคุณภาพสูง สารอาหารคุณประโยชน์มาก ได้รับรางวัลเรื่องการผลิตชาเคียวคุโระ ในการแข่งขันชาในประเทศ(全国茶品評会) ติดต่อกัน 21 สมัยแล้ว เนื่องด้วยเป็นชาคุณภาพดีสารอาหารเยอะ วิธีการดื่มชาเคียวคุโระจึงนิยมแบบดื่มชาแล้ว ก็กินในชาไปด้วยเลย
3. ศาลเจ้า Ukiha Inari
ศาลเจ้าUkiha Inari ตั้งอยู่บนเนินเขา มีเสาโทริอิสีแดงทอดยาวขึ้นไปตามบันได สามารถเดินมาจากสถานีUkiha มาได้แต่ก็ต้องค่อยๆปีนบันไดขึ้นมา แต่ถ้าใครขับรถสามารถมาจอดบนเนินเขาได้เลย
จากเนินเขาเราสามารถเห็นวิวเมืองได้เลย
ศาลเจ้าUkiha Inari มีความพิเศษคือ มีการบูชา 3 เทพใหญ่จาก…
เทพ Ugamitama no Kami หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเทพอินาริจาก Fushimi Inari Shrine
เทพ Oyamagui no Kami จาก Kyoto Matsuo Taisha Shrine
เทพ Sugawara no Michizane จาก Dazaifu Tenmangu Shrine
ดังนั้น เราสามารถมาขอพรที่นี่ที่เดียว ได้พรหลายอย่างเลย
4. ย่านปราสาทเก่า Akizuki
ถ้าจะมาชมซากุระที่ฟุกุโอกะล่ะก็ไม่ควรพลาดที่นี่เลยค่ะ ขนาดช่วงที่เรามาเป็นวันธรรมดาซากุระ full bloom สุดๆ นักท่องเที่ยวคนญี่ปุ่นก็มากันเยอะ มีร้านค้าออกร้านด้วย เป็นบรรยากาศที่เราไม่ได้มา 2ปีแล้วค่ะ
ที่ย่านปราสาทเก่า Akizuki มีถนนคนเดิน Sugi no Baba ที่มีความยาว 500 เมตร มีต้นซากุระเรียงราย 2 ข้างทางกว่า 200 ต้น
เหตุผลที่เรียกว่าถนน Sugi no Baba คือจริงๆแล้ว Sugi แปลว่าต้นสนซีดาร์ ที่นี่มีต้นสนเรียงรายและใช้เป็นเส้นทางพักม้าในสมัยก่อนด้วย แต่เอ๊ะ…ไม่มีต้นสนสักต้นเลย
นั่นก็เป็นเพราะว่าสมัยก่อนเมื่อญี่ปุ่นชนะสงคราม Japanese-Russo War จึงต้องการเฉลิมฉลองชัยชนะจึงตัดต้นสนปลูกดอกซากุระที่เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นแทนซะเลยค่ะ
ปล. ซากุระที่นี่บานเต็มที่เป็นอุโมงค์ซากุระเลย นักท่องเที่ยวคนญี่ปุ่นก็มาเยี่ยมชมเยอะมากกว่าจะจอดรถได้ใช้เวลาต่อคิวอยู่30นาทีเลย
5.วัดกบ
วัดกบ(Kaeru-dera) นั้นเป็นชื่อเล่นค่ะ จริงๆแล้ววัดนี้ชื่อ วัดเนียวอิรินจิ (Nyoirinji Temple)
สาเหตุที่ได้ชื่อเล่นมาวัดกบก็เพราะภายในบริเวณวัดมีรูปปั้นกบตัวเล็กตัวใหญ่ ประดับประดารอบวัดกว่า 10,000 ตัว เยอะมาก น่ารักด้วย
เจอน้องกบ และซากุระตั้งแต่ทางเข้าอีกแล้ว
เจ้าอาวาสบอกว่าเคยไปเรียนที่ประเทศจีนแล้วได้ซื้อหยกกบกลับมา 1 ตัว เพื่อให้เดินทางปลอดภัยเพราะคำว่า ” กบ” และคำว่า ” กลับ” พ้องเสียงเดียวกันในภาษาญี่ปุ่น
บวกกับ เจ้าอาวาสต้องการให้วัยรุ่นเข้าวัดกันมากขึ้นเลยคิดใช้กบเป็นธีม ทำให้วัดโดดเด่นน่าสนใจค่ะ รอบนี้มีมาแล้วตื้นเต้นมากคือ มีกบเป่าฟองน้ำออกมาค่ะ ทำให้บรรยากาศในวัดดูสดใสมากเลย
6. ศาลเจ้า Kamado
ศาลเจ้า Kamado หรือชื่อเต็มๆ คือ “ศาลเจ้า Homangu Kamado” ศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนานมาก ตั้งอยู่ที่เขา Homangu เป็นเส้นทางปีนเขาที่คนญี่ปุ่นนิยมกันมาเดิน อยู่ห่างจากศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu เพียง 15 นาทีโดยรถบัสเท่านั้น แล้วยังมีแหล่งออนเซ็นใกล้ๆ
เมื่อมาถึงศาลเจ้าซากุระก็บานรอรับที่ทางเข้า
ปัจจุบันศาลเจ้า Kamado ที่ชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องเครื่องรางขอความรัก บริเวณร้านขายเครื่องรางของศาลเจ้าทำน่ารัก เก๋ๆมากค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือ เหล่าสาวกผู้ชื่นชอบอนิเมะเรื่อง “Kimetsu no Yaiba (ดาบพิฆาตอสูร)” ก็มาเยี่ยมชมที่นี่เพราะเชื่อว่าที่นี่มีส่วนเป็นแรงบันดาลให้อาจารย์ Koyoharu Gotoge ที่มีบ้านเกิดจากฟุกุโอกะ สร้างเรื่องดาบพิฆาตอสูร จุดเชื่อมต่อของอนิเมะกับศาลเจ้า Kamado ก็คือ ชื่อตัวเอก “Kamado Tanjiro”ไปตรงกับชื่อของศาลเจ้า อีกทั้งเสื้อของตัวเอกที่เป็นลายหมากรุกสีเขียวก็สีเหมือนเสื้อของนักบวชที่ใส่ตอนทำพิธีอีกด้วย
ดูรูปใน
ไอจีของศาลเจ้าKamado ได้
7. สวน Nokonoshima Island Park
การเดินทางไปที่สวนแห่งนี้ต้องนั่งเรือไปค่ะ Nokonoshima เกาะเป็นอยู่ในอ่าวฮากะตะ นั่งจากท่าเรือ Mainohama ไปเพียงประมาณ 15 นาที จากนั้นจากท่าเรือเราก็ต้องนั่งรถบัส หรือเดินขึ้นไปที่ สวน Nokonoshima Island Park ค่ะ ที่นี่มีค่าเข้าด้วยนะคะ ผู้ใหญ่คนละ 1200 เยน
มีอะไรบ้าง? คุ้มหรือไม่มาที่นี่?
ในฤดูใบไม้ผลิแบบที่เรามาให้ครั้งนี้ จุดขายเลยคือ วิวดอกนะโนะฮานะ (canola flowers) กับต้นซากุระ และเบื้องหลังเป็นวิวทะเลสวยงามตระการตามากค่ะ
แต่ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความที่สวนใหญ่มาก ยังมีจุดอื่นๆให้ชมกันอีกค่ะ
ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้ปลูกดอกนะโนะฮานะสีม่วงที่นี่ด้วย สวยงามไม่แพ้กันค่ะ
นอกจากนี้ยังมีดอกทิวลิป ป็อปปี้ Livingstone daisy ให้ชมในอีกด้วย แต่ไม่ได้มีเพียงดอกไม้ให้ชมอย่างเดียวค่ะ ยังมีชิงช้ารอบๆสวน พื้นที่เล่นสำหรับเด็ก ร้านอาหาร จุดทานบาร์บีคิว และสวนสัตว์เล็กให้ใกล้ชิดกับสัตว์ต่างๆด้วยค่ะ
8. Maizuru Park
สวนไมซุรุ เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทฟุกุโอกะมาก่อนค่ะ ปัจจุบันเหลือแต่กำแพงหิน และจุดสูงสุดของปราสาทสามารถชมวิวต้นซากุระที่บานอยู่รอบๆปราสาทและวิวเมืองฟุกุโอกะได้เลย
นอกจากซากุระพันธ์โซเมโยชิโนะ (ソメイヨシノ) ที่พบได้มากที่สุดในญี่ปุ่น แล้วจุดเด่นของที่นี่ยังมี Shidarezakura (Weeping Sakura) ที่เป็นซากุระแบบห้อยระย้าลงมามีสีชมพูเข้มกว่าโซเมโยชิโนะค่ะ
ในช่วงกลางคืนจะมี Light-up ด้วย ถือเป็นคนที่คนเมืองฟุกุโอกะมาเที่ยวชมเยอะมาก เพราะตั้งอยู่กลางใจเมืองเดินทางมาง่ายทั้งรถไฟใต้ดินและรถบัสเลยค่ะ
9. Nishi Park
สวนนิชิพาร์ค อยู่ไม่ไกลจาก Maizuru Park เดินไปประมาณ 20 นาทีได้ แต่ตั้งอยู่บนเนินเขานิดนึงเวลาเดินมาก็จะเหนื่อยหายใจแรงเล็กน้อยค่ะ
ที่นี่มีต้นซากุระกว่า 1,300 ต้นและได้รับเลือกให้เป็น "1 ใน 100 สถานที่ชมดอกซากุระที่สวยงามของญี่ปุ่น" อีกด้วย บนเนินเขายังมีศาลเจ้า Terumo ที่อุทิศให้กับตระกูลซามูไรKurodaที่เคยปกครองเมืองFukuokaอีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับภาพซากุระที่เอามาฝาก เราไปดูมา3วันเต็มอิ่มมากๆค่ะ
ตะลุยชมซากุระ ไฮไลท์ 9 พิกัดนี้ไว้เลย ไม่ควรพลาดหากไปเยือนฟุกุโอกะ คิวชู
สวัสดี เพื่อนๆทุกคน
เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ วันที่ 28-30 มีนาคมที่ผ่านมา เราได้ไปตะลุยชมซากุระที่เมืองฟุกุโอกะมา
จองไว้ไปประมาณ 2-3 อาทิตย์ล่วงหน้า ในใจก็ยังกังวลเราซากุระจะบานหรือไม่
เพราะช่วงเวลาที่ซากุระบานในญี่ปุ่น เดาไม่ถูกจริงๆค่ะ แต่ปีนี้เล็งได้ถูกเลยค่ะ ทุกที่ๆเราได้ไปเยือนในคราวนี้ บานเต็มที่ Full-Bloom
เราจึงอยากรวบรวม 9 พิกัดที่เราได้ไปในครั้งนี้ เอาภาพบรรยากาศมาฝากทุกคนกันค่ะ
1. เมือง Yanagawa
เมืองยานากาว่า(Yanagawa) ได้ชื่อว่าเป็น ”เมืองแห่งน้ำ” ที่นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองริมน้ำ โดยการนั่งเรือที่เรียกว่า Donkobune ที่มีคนพายเรือจะมีแค่ไม้ไผ่ก้านยาวๆเท่านั้นในการบังคับเรือ ล่องไปตามคลองที่ทอดยาวทั้งหมดกว่า 450 กม.เลยทีเดียว
ถามว่าทำไมที่นี่ถึงมีคลองเยอะขนาดนี้
ตั้งแต่สมัยยาโยอิ(ประมาณ 300 BC) ผู้คนที่นี่ใช้มือขุดคลองกันขึ้นมาเองเพื่อรองน้ำฝน นำการใช้ในชีวิตประจำวันและการเกษตร รวมถึงเป็นการป้องกันไฟได้อีกด้วย
ในสมัยเอโดะยุคซามูไร เมืองยานากาว่าปกคลองโดยตระกูลทาจิบานะ ก็ยังมีการขุดคลองรอบปราสาทเพิ่มเพื่อใช้ในการป้องกันศัตรูอีกด้วย
นอกจากเราจะได้เพลิดเพลินไปกับ ”เมืองแห่งน้ำ” แล้ว เมืองยานากาว่ายังมีชื่อเสียงเรื่อง Sagemon ซึ่งหมายถึง ลูกบอลที่ทำจากด้ายและตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆจากผ้าเก่า แต่ก่อนในบริเวณพื้นที่นี้ เมื่อมีเด็กผู้หญิงเกิด ก็จะมีการเฉลิมฉลองด้วยการแขวน Sagemon ไว้ที่บ้าน โดยการพันด้ายไป พูดคำอวยพรไปให้เด็กเกิดมาแข็งแรง และอายุยืน
ปัจจุบัน เมืองยานากาว่าจึงนิยมแขวนSagemonในช่วงเทศกาลเด็กผู้หญิงของญี่ปุ่น ประมาณกลางเดือนก.พ. ถึงต้นเดือนเม.ย. ค่ะ
โดยมีการแขวนไว้ตามหน้าร้านค้าบ้าง หรือจัดเต็มชุดในสวนสาธารณะก็มี
ยังไม่เจอซากุระจังๆ และอากาศครึ้มมากค่ะ แค่มีให้เห็นนิดๆ
2. ไร่ชายาเมะ (Yame Central Tea Garden)
โดยส่วนตัวเมื่อเราไม่ถึงที่นี่แล้วตื่นเต้นมาก เนินเขาที่เป็นจุดชมวิวไร่ชายาเมะที่นี่มีต้นซากุระบานสะพรั่ง เรายังไม่เคยวิวซากุระกับไร่ชามาก่อน จึงกดถ่ายภาพมาเยอะเลย
ไร่ชายาเมะ ที่นี่เริ่มสร้างขึ้นในปี 1969~1973 โดยทางจังหวัดฟุกุโอกะต้องพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกชายาเมะและสร้างจุดชมวิวบนเขาไว้อีกด้วย
ชายาเมะ มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะเรื่องการผลิตชาเคียวคุโระ ซึ่งเป็นชาคุณภาพสูง สารอาหารคุณประโยชน์มาก ได้รับรางวัลเรื่องการผลิตชาเคียวคุโระ ในการแข่งขันชาในประเทศ(全国茶品評会) ติดต่อกัน 21 สมัยแล้ว เนื่องด้วยเป็นชาคุณภาพดีสารอาหารเยอะ วิธีการดื่มชาเคียวคุโระจึงนิยมแบบดื่มชาแล้ว ก็กินในชาไปด้วยเลย
3. ศาลเจ้า Ukiha Inari
ศาลเจ้าUkiha Inari ตั้งอยู่บนเนินเขา มีเสาโทริอิสีแดงทอดยาวขึ้นไปตามบันได สามารถเดินมาจากสถานีUkiha มาได้แต่ก็ต้องค่อยๆปีนบันไดขึ้นมา แต่ถ้าใครขับรถสามารถมาจอดบนเนินเขาได้เลย
จากเนินเขาเราสามารถเห็นวิวเมืองได้เลย
ศาลเจ้าUkiha Inari มีความพิเศษคือ มีการบูชา 3 เทพใหญ่จาก…
เทพ Ugamitama no Kami หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเทพอินาริจาก Fushimi Inari Shrine
เทพ Oyamagui no Kami จาก Kyoto Matsuo Taisha Shrine
เทพ Sugawara no Michizane จาก Dazaifu Tenmangu Shrine
ดังนั้น เราสามารถมาขอพรที่นี่ที่เดียว ได้พรหลายอย่างเลย
4. ย่านปราสาทเก่า Akizuki
ถ้าจะมาชมซากุระที่ฟุกุโอกะล่ะก็ไม่ควรพลาดที่นี่เลยค่ะ ขนาดช่วงที่เรามาเป็นวันธรรมดาซากุระ full bloom สุดๆ นักท่องเที่ยวคนญี่ปุ่นก็มากันเยอะ มีร้านค้าออกร้านด้วย เป็นบรรยากาศที่เราไม่ได้มา 2ปีแล้วค่ะ
ที่ย่านปราสาทเก่า Akizuki มีถนนคนเดิน Sugi no Baba ที่มีความยาว 500 เมตร มีต้นซากุระเรียงราย 2 ข้างทางกว่า 200 ต้น
เหตุผลที่เรียกว่าถนน Sugi no Baba คือจริงๆแล้ว Sugi แปลว่าต้นสนซีดาร์ ที่นี่มีต้นสนเรียงรายและใช้เป็นเส้นทางพักม้าในสมัยก่อนด้วย แต่เอ๊ะ…ไม่มีต้นสนสักต้นเลย
นั่นก็เป็นเพราะว่าสมัยก่อนเมื่อญี่ปุ่นชนะสงคราม Japanese-Russo War จึงต้องการเฉลิมฉลองชัยชนะจึงตัดต้นสนปลูกดอกซากุระที่เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นแทนซะเลยค่ะ
ปล. ซากุระที่นี่บานเต็มที่เป็นอุโมงค์ซากุระเลย นักท่องเที่ยวคนญี่ปุ่นก็มาเยี่ยมชมเยอะมากกว่าจะจอดรถได้ใช้เวลาต่อคิวอยู่30นาทีเลย
5.วัดกบ
วัดกบ(Kaeru-dera) นั้นเป็นชื่อเล่นค่ะ จริงๆแล้ววัดนี้ชื่อ วัดเนียวอิรินจิ (Nyoirinji Temple)
สาเหตุที่ได้ชื่อเล่นมาวัดกบก็เพราะภายในบริเวณวัดมีรูปปั้นกบตัวเล็กตัวใหญ่ ประดับประดารอบวัดกว่า 10,000 ตัว เยอะมาก น่ารักด้วย
เจอน้องกบ และซากุระตั้งแต่ทางเข้าอีกแล้ว
เจ้าอาวาสบอกว่าเคยไปเรียนที่ประเทศจีนแล้วได้ซื้อหยกกบกลับมา 1 ตัว เพื่อให้เดินทางปลอดภัยเพราะคำว่า ” กบ” และคำว่า ” กลับ” พ้องเสียงเดียวกันในภาษาญี่ปุ่น
บวกกับ เจ้าอาวาสต้องการให้วัยรุ่นเข้าวัดกันมากขึ้นเลยคิดใช้กบเป็นธีม ทำให้วัดโดดเด่นน่าสนใจค่ะ รอบนี้มีมาแล้วตื้นเต้นมากคือ มีกบเป่าฟองน้ำออกมาค่ะ ทำให้บรรยากาศในวัดดูสดใสมากเลย
6. ศาลเจ้า Kamado
ศาลเจ้า Kamado หรือชื่อเต็มๆ คือ “ศาลเจ้า Homangu Kamado” ศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนานมาก ตั้งอยู่ที่เขา Homangu เป็นเส้นทางปีนเขาที่คนญี่ปุ่นนิยมกันมาเดิน อยู่ห่างจากศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu เพียง 15 นาทีโดยรถบัสเท่านั้น แล้วยังมีแหล่งออนเซ็นใกล้ๆ
เมื่อมาถึงศาลเจ้าซากุระก็บานรอรับที่ทางเข้า
ปัจจุบันศาลเจ้า Kamado ที่ชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องเครื่องรางขอความรัก บริเวณร้านขายเครื่องรางของศาลเจ้าทำน่ารัก เก๋ๆมากค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือ เหล่าสาวกผู้ชื่นชอบอนิเมะเรื่อง “Kimetsu no Yaiba (ดาบพิฆาตอสูร)” ก็มาเยี่ยมชมที่นี่เพราะเชื่อว่าที่นี่มีส่วนเป็นแรงบันดาลให้อาจารย์ Koyoharu Gotoge ที่มีบ้านเกิดจากฟุกุโอกะ สร้างเรื่องดาบพิฆาตอสูร จุดเชื่อมต่อของอนิเมะกับศาลเจ้า Kamado ก็คือ ชื่อตัวเอก “Kamado Tanjiro”ไปตรงกับชื่อของศาลเจ้า อีกทั้งเสื้อของตัวเอกที่เป็นลายหมากรุกสีเขียวก็สีเหมือนเสื้อของนักบวชที่ใส่ตอนทำพิธีอีกด้วย
ดูรูปใน ไอจีของศาลเจ้าKamado ได้
7. สวน Nokonoshima Island Park
การเดินทางไปที่สวนแห่งนี้ต้องนั่งเรือไปค่ะ Nokonoshima เกาะเป็นอยู่ในอ่าวฮากะตะ นั่งจากท่าเรือ Mainohama ไปเพียงประมาณ 15 นาที จากนั้นจากท่าเรือเราก็ต้องนั่งรถบัส หรือเดินขึ้นไปที่ สวน Nokonoshima Island Park ค่ะ ที่นี่มีค่าเข้าด้วยนะคะ ผู้ใหญ่คนละ 1200 เยน
มีอะไรบ้าง? คุ้มหรือไม่มาที่นี่?
ในฤดูใบไม้ผลิแบบที่เรามาให้ครั้งนี้ จุดขายเลยคือ วิวดอกนะโนะฮานะ (canola flowers) กับต้นซากุระ และเบื้องหลังเป็นวิวทะเลสวยงามตระการตามากค่ะ
แต่ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความที่สวนใหญ่มาก ยังมีจุดอื่นๆให้ชมกันอีกค่ะ
ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้ปลูกดอกนะโนะฮานะสีม่วงที่นี่ด้วย สวยงามไม่แพ้กันค่ะ
นอกจากนี้ยังมีดอกทิวลิป ป็อปปี้ Livingstone daisy ให้ชมในอีกด้วย แต่ไม่ได้มีเพียงดอกไม้ให้ชมอย่างเดียวค่ะ ยังมีชิงช้ารอบๆสวน พื้นที่เล่นสำหรับเด็ก ร้านอาหาร จุดทานบาร์บีคิว และสวนสัตว์เล็กให้ใกล้ชิดกับสัตว์ต่างๆด้วยค่ะ
8. Maizuru Park
สวนไมซุรุ เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทฟุกุโอกะมาก่อนค่ะ ปัจจุบันเหลือแต่กำแพงหิน และจุดสูงสุดของปราสาทสามารถชมวิวต้นซากุระที่บานอยู่รอบๆปราสาทและวิวเมืองฟุกุโอกะได้เลย
นอกจากซากุระพันธ์โซเมโยชิโนะ (ソメイヨシノ) ที่พบได้มากที่สุดในญี่ปุ่น แล้วจุดเด่นของที่นี่ยังมี Shidarezakura (Weeping Sakura) ที่เป็นซากุระแบบห้อยระย้าลงมามีสีชมพูเข้มกว่าโซเมโยชิโนะค่ะ
ในช่วงกลางคืนจะมี Light-up ด้วย ถือเป็นคนที่คนเมืองฟุกุโอกะมาเที่ยวชมเยอะมาก เพราะตั้งอยู่กลางใจเมืองเดินทางมาง่ายทั้งรถไฟใต้ดินและรถบัสเลยค่ะ
9. Nishi Park
สวนนิชิพาร์ค อยู่ไม่ไกลจาก Maizuru Park เดินไปประมาณ 20 นาทีได้ แต่ตั้งอยู่บนเนินเขานิดนึงเวลาเดินมาก็จะเหนื่อยหายใจแรงเล็กน้อยค่ะ
ที่นี่มีต้นซากุระกว่า 1,300 ต้นและได้รับเลือกให้เป็น "1 ใน 100 สถานที่ชมดอกซากุระที่สวยงามของญี่ปุ่น" อีกด้วย บนเนินเขายังมีศาลเจ้า Terumo ที่อุทิศให้กับตระกูลซามูไรKurodaที่เคยปกครองเมืองFukuokaอีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับภาพซากุระที่เอามาฝาก เราไปดูมา3วันเต็มอิ่มมากๆค่ะ