สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ความเห็น 1 ตอบไว้ดีแล้ว ในแง่ของความรอมชอม
เพราะฉะนั้น เพื่อความหลากหลาย เราขอตอบอีกมุมหนึ่ง
คุณอายุ 42 คบกันมา 10 ปี อีกสองปี ก็จะแต่งงานกันแล้ว
และ แม้จะแต่งงานกันไป ปัญหานี้ก็ยังแก้ไม่ได้ค่ะ (เธอจะยังอยู่ในโอวาทพ่อแม่ทุกกระเบียดนิ้ว)
คุณต้องแต่งเข้าไปอยู่กับครอบครัวเขา
ถ้าจะเข้ากันได้ คือ คุณก็ต้องยอมพ่อแม่เขาแบบที่เธอยอม แบบนี้จะไม่มีปัญหาใดๆเลย
ทุกการตัดสินใจ ทุกเรื่อง พ่อแม่ เป็นใหญ่ ความเห็นของคุณและเธอเป็นรอง คุณรับได้ไหม ?
ความเป็นพ่อแม่น่ะ จะเห็นว่าลูกตน ยังเด็กเสมอแหละค่ะ ตราบใดที่ตัดสินใจแทนได้ (แบบที่ทำมาตลอด)
ก็คงจะอดเจ้ากี้เจ้าการเหมือนเดิมไม่ได้หรอก
ผู้ชาย หัวอ่อน อาจจะทำใจได้สบายๆ ยอมๆกันไป
คุณเอง ต้องมาดูตัวเอง ว่าคุณเป็นคนแบบไหน คุณนั่นแหละ จะตอบคำถามนี้ ได้ดีที่สุด
เพราะหากคุณอึดอัด ก็จะไม่มีใครรู้ ว่าระดับความอึดอัดในใจคุณ “มันถึงขีดใดแล้ว”
สำหรับเรานะ
เรารักความอิสระ หากเราจะแต่งงาน แล้วการแต่งงานของเราต้องพ่วงอิทธิพลความเห็นจากครอบครัวอีกฝ่ายเข้ามาเต็มที่แบบนี้
เราไม่แต่งหรอกค่ะ
ยิ่งอายุมากขึ้น
เรายิ่งเห็นว่า เวลามีค่ามากขึ้น
เราอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ กับ “ความสุข” / “ความสบายใจ”
เรื่องความรัก อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องเดียวอีกต่อไปแล้ว
ต่อให้รักมาสิบปี เราก็ไม่เสียดาย
เพราะใช่ว่าจะกลายเป็นศัตรูกันเสียเมื่อไหร่ เพียงแค่ความต้องการในอนาคตไม่ตรงกัน
ก็ลดสถานะลงกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไป
เธอเหมาะกับผู้ชายหัวอ่อน คุณเหมาะกับผู้หญิงที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในตัวเองมากกว่านี้
ขอย้ำว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งควรต้องฉลาดเลือกเอาตัวเองไปสู่สถานการณ์ที่ไม่ทำให้ตัวเองต้องทุกข์เกินจำเป็นนะคะ
เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ มีค่ามากจริงๆ
ใช้ให้คุ้มค่ะ
เพราะฉะนั้น เพื่อความหลากหลาย เราขอตอบอีกมุมหนึ่ง
คุณอายุ 42 คบกันมา 10 ปี อีกสองปี ก็จะแต่งงานกันแล้ว
และ แม้จะแต่งงานกันไป ปัญหานี้ก็ยังแก้ไม่ได้ค่ะ (เธอจะยังอยู่ในโอวาทพ่อแม่ทุกกระเบียดนิ้ว)
คุณต้องแต่งเข้าไปอยู่กับครอบครัวเขา
ถ้าจะเข้ากันได้ คือ คุณก็ต้องยอมพ่อแม่เขาแบบที่เธอยอม แบบนี้จะไม่มีปัญหาใดๆเลย
ทุกการตัดสินใจ ทุกเรื่อง พ่อแม่ เป็นใหญ่ ความเห็นของคุณและเธอเป็นรอง คุณรับได้ไหม ?
ความเป็นพ่อแม่น่ะ จะเห็นว่าลูกตน ยังเด็กเสมอแหละค่ะ ตราบใดที่ตัดสินใจแทนได้ (แบบที่ทำมาตลอด)
ก็คงจะอดเจ้ากี้เจ้าการเหมือนเดิมไม่ได้หรอก
ผู้ชาย หัวอ่อน อาจจะทำใจได้สบายๆ ยอมๆกันไป
คุณเอง ต้องมาดูตัวเอง ว่าคุณเป็นคนแบบไหน คุณนั่นแหละ จะตอบคำถามนี้ ได้ดีที่สุด
เพราะหากคุณอึดอัด ก็จะไม่มีใครรู้ ว่าระดับความอึดอัดในใจคุณ “มันถึงขีดใดแล้ว”
สำหรับเรานะ
เรารักความอิสระ หากเราจะแต่งงาน แล้วการแต่งงานของเราต้องพ่วงอิทธิพลความเห็นจากครอบครัวอีกฝ่ายเข้ามาเต็มที่แบบนี้
เราไม่แต่งหรอกค่ะ
ยิ่งอายุมากขึ้น
เรายิ่งเห็นว่า เวลามีค่ามากขึ้น
เราอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ กับ “ความสุข” / “ความสบายใจ”
เรื่องความรัก อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องเดียวอีกต่อไปแล้ว
ต่อให้รักมาสิบปี เราก็ไม่เสียดาย
เพราะใช่ว่าจะกลายเป็นศัตรูกันเสียเมื่อไหร่ เพียงแค่ความต้องการในอนาคตไม่ตรงกัน
ก็ลดสถานะลงกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไป
เธอเหมาะกับผู้ชายหัวอ่อน คุณเหมาะกับผู้หญิงที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในตัวเองมากกว่านี้
ขอย้ำว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งควรต้องฉลาดเลือกเอาตัวเองไปสู่สถานการณ์ที่ไม่ทำให้ตัวเองต้องทุกข์เกินจำเป็นนะคะ
เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ มีค่ามากจริงๆ
ใช้ให้คุ้มค่ะ
แสดงความคิดเห็น
แฟนกลัวที่บ้านมาก กลัวพ่อแม่มาก และต้องถามความคิดเห็นพ่อแม่ทุกอย่าง
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนี้ผมอายุ 42ปีแล้ว มีแฟนอายุ 40 ปีรู้จักกันมานานแล้วประมาณ 10ปี
ที่บ้านแฟนผมเขาไม่ยอมให้ไปมาไหนด้วยกันเลย ตอนแรกๆแฟนก็ต้องโกหกที่บ้านจะไปไหนมาไหนด้วยกัน(ไปเช้าเย็นกลับ ไม่ได้ค้างคืน)
หลังจากคบมากันสักพัก 7-8ปี ผมตัดสินใจไปบ้านเขา ไปหาพ่อแม่เขาเพื่อคุยกันและไปสู่ขอให้เป็นทางการ และอีกปีสองปีจะแต่งงานกัน เพื่อคิดว่าเขาจะได้รับรู้และเขาจะได้ปล่อยเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ้างแบบที่ไม่ต้องโกหก แต่ถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ได้ไปแบบค้างคืนไม่ได้
ผมไม่สบายแฟนผมมาอยู่เฝ้าได้แต่ตอนกลางวัน อยุ่ค้างด้วยไม่ได้เพราะที่บ้านเขาไม่ให้อยู่ และแฟนผมก็ไม่อยากมีปัญหากับที่บ้านเขา ถ้าแม่เขาบอกอยุ่ไม่ได้ ก็คือต้องอยุ่ไม่ได้
ทั่งที่ใจเขาก็อยากอยู่ดูแลผม
มีอยู่วันนึงผมถามแฟนเล่นว่า เนี่ยถ้าเราแต่งงานกันแล้ว จะมานอนค้างที่บ้านผมได้หรือไม่(ผมซื้อบ้านอยู่เป็นของตัวเองอยู่คนเดียว) แฟนผมบอกว่าคงต้องถามแม่ก่อน
มาถึงตอนนี้ในหัวผมคือ ????????
แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขานะ ก็ได้แต่เงียบ
จึงอยากถามทุกคนว่าความคิดผมเหมือนเด็กน้อยไหม ผมเห็นแก่ตัวเองมากไปหรือเปล่า
หรือที่แฟนผมทำถูกแล้ว ผมมันบ้าไปเอง
ผมต้องยอมรับแบบนี้ไปมันถูกแล้ว
ปล.ผมควรจบทุกอย่างหรือไปต่อ
ปล.1 ถ้าแต่งงานกันแล้วผมต้องไปอยู่บ้านเขากับครอบครัวเขา