รีวิว home isolation เมื่อติดโควิดทั้งครอบครัวที่มีลูกเล็กและการอยู่ร่วมกับ สว ที่ไม่ติดโควิด

ในที่สุดก็อินเทรนไม่รอดจากโควิด season โอมิครอน เมื่อครอบครัวเราเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั้งเครื่องบิน และเรือ จึงอาจมีโอกาสเกิดได้ทุกช่วงเวลา แต่ไม่เป็นไร ติดแล้วก็รักษา กระทู้นี้เราเลยอยากแบ่งปันวิธีการดูแลและจัดการบ้านในรูปแบบของเรา เพราะตอนนี้มีทั้งคนติดเชื้อและไม่ติดเชื้ออยู่รวมกัน

เล่าภาพรวมของบ้านก่อน ….. บ้านเราเป็นสองชั้น ชั้นบน 4 ห้องนอน ชั้นล่าง 1 ห้องของเล่นของลูกที่กั้นชัดเจน ห้องน้ำรวมมี 2 ห้องชั้นบนและล่างอย่างละห้อง ปกติใช้หลักๆ จะเป็นห้องนอนเรา และห้องนอนตายาย และชั้นล่างทุกบริเวณ

กลับจากต่างจังหวัด… ลูกคนเล็ก 4 ขวบครึ่งยังไม่ได้วัคซีน เริ่มไม่ดี ซึมๆ เงียบๆ (อันนี้สามารถเป็นสัญญาณของเด็กเล็กได้) ไข้ 38 องศา จับตรวจ ATK ตอนหกโมงเย็น ขึ้นสองขีด โอวววววว….. งานงอกกกกก ตรวจทุกคนในบ้านผลเป็นลบ แต่เราเริ่มไม่ค่อยดีเหมือนกลืนน้ำลายจะเจ็บคอ จากนั้นโทรไป โรงพยาบาลบัตรทองของลูก พี่พยาบาลบอกว่า แม่มาพรุ่งนี้เริ่มตรวจ ATK 9.00 น ตอนเช้าแม่ตรวจ ATK จากบ้านมาเลยนะ ถ้าผลเป็นบวกจะได้ตรวจซ้ำพร้อมกัน แล้วตอนบ่ายมารับยา (เจอ จ่าย(ยา) จบ) จากนั้นลองโทรไป รพ เอกชนที่ลูกรักษาประจำ เค้าว่ามาตรวจได้ค่ะ แต่ไม่มีเตียง จ่ายยากลับบ้านเหมือนกัน โอเค…งั้นไปตามบัตรทอง ทีนี้ เรื่องถัดไปคือจัดการกับบ้านว่าจะต้องทำอย่างไร มาดูกัน

ตอนนี้ เรารู้ผลติด 1 คน ตอนรู้ผลให้ทุกคนใส่หน้ากากและอยู่ห่างจากลูกคนเล็ก ให้เค้านอนที่โซฟาไปก่อน เราออกไปซื้อของ (เด๋วจะมาบอกว่าควรมีอะไรบ้าง) แต่เราผู้ซึ่งต้องดูแลลูกและเหมือนจะมีอาการ ก็ย้ายมาอยู่ห้องแขก 1 ห้องน้ำแยกใช้ ตายาย ใช้ข้างล่างไปเลย ตาอยู่ในห้องตลอด ปกติแกแยกทานข้าวอยู่แล้วเพราะเราและลูกไปทำงานและเรียน ยายนอนห้องของเล่นหลาน เราสี่คนใช้ห้องน้ำด้วยกัน โดยลูกคนเล็กจะใช้หลังสุดเมื่อทุกคนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เป็นนางห้องกันสองคน เราใส่แมสกับลูก ให้เค้านอนเตียง เรานอนพื้น เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลม วัดไข้กันไปทั้งคืน (เด๋วตามเล่าเรื่องอาการเพื่อให้แม่แม่ได้สังเกตลูกค่ะ)

วันรุ่งขึ้น…. เราตรวจ ATK ที่บ้าน ก็ไม่พลาดนะจ๊ะ สองขีดจ้าาา ถือหลักฐานใส่ถุงซิปล๊อคไปด้วย และเอาสูจิบัตรกับบัตรประชาชนไปด้วยนะ เราก็ไปตรวจกันที่ รพ ตามสิทธิ์บัตรทอง และประกันสังคม (โชคดีเป็น รพ เดียวกัน) ไปถึงรับบัตรคิว รอเรียกซักประวัติ เค้าก็จะถามว่าอายุเท่าไหร่ น้ำหนักส่วนสูง โรคประจำตัว ไปเสี่ยงที่ไหนมา ที่บ้านทำ home isolation ได้มั๊ย ทำแบบไหน เราก็เล่าให้เค้าฟัง แล้วเค้าจะประเมินทั้งหมด เราและลูกเป็นกลุ่มสีเขียว ตรวจ ATK ที่ รพ ซ้ำ อีก 1 ที เพื่อเป็นหลักในการจ่ายยา และถ้าอายุเกิน 60 ปีหรือมีโรคประจำตัวจะได้สิทธิ์ตรวจ RT-PCR และประเมินการรักษาการแพทย์อายุรกรรมอีกครั้ง ตรวจ ATK เสร็จ ให้สแกนดูผลทาง QR code ซึ่งไม่ต้องลุ้นอะไร หวยออกไปแล้ว บ่ายโมงไปรอรับยาได้ ยาที่เราเป็นยาสามัญทั่วไป ยาพารา แก้แพ้ ละลายเสมหะและยาอมแก้เจ็บคอ ส่วนลูกก็เป็นพารา ยาแก้แพ้และยาแก้ไอแบบน้ำสำหรับเด็ก …..ป่ะ กลับบ้านได้

มาดูของที่ต้องเตรียมเพราะสุดท้ายบ้านเราก็ติดครบ 4 คน เหลือ คุณตาและคุณยายเป็นผู้รอดจากโควิด season นี้
1. ยาเพิ่มเติม ของเรามี ฟ้าทลายโจร ยาอมแบบมี zinc วิตามินซี 1000 มก. ยาเม็ดฟู่แก้ไอละลายเสมหะ สเปรย์พ่นคอ ของลูก มีแผ่นปิดหัวเพิ่มมา (ลูกคนเล็กเราเป็น G6PD)
2. เครื่องวัดออกซิเจน อย่างดี และปรอทวัดไข้
3. อุปกรณ์ล้างจมูก ไซริ้ง 30 ml สำหรับผู้ใหญ่ 10 ml สำหรับเด็ก น้ำเกลือขวดซัก 3 ลิตร
4. ถุงดำ ไซด์เล็กสำหรับใส่ขยะในห้อง ไซด์ใหญ่สำหรับรวมขยะเรานอกบ้าน
5. ถุงมือแพทย์ 2 กล่อง ไว้ข้างล่างให้คุณยายสำหรับหยิบ จับล้าง 1 กล่อง และเราใช้เวลาจะลงไปทำอะไรข้างล่าง (บางครั้ง)
6. สเปรย์แอลกอฮอล์และป๊อกกี้ฉีดน้ำกระปุกใหญ่ ไว้เช็ดบริเวณที่ผ่านและจับ เพราะเรายังต้องมีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันบ้างอยู่
7. อุปกรณ์ ช้อน ส้อม จาน ถ้วย กระดาษ
8. ผงซักฟอกที่เขียนว่า ฆ่าไวรัส 99.99%
9. ขวดน้ำยักษ์ 3 ลิตร คือดีมาก ถ้าเป็นแนะนำให้กินน้ำเยอะๆ

มาดูที่อาการของแต่ละคนบ้าง
Day 1 : ลูกคนเล็กไข้ 38 องศาเซลเซียส ตรวจ ATK เจอ 2 ขีด ให้กินยาแก้ไข้ ใช้แผ่นแปะหัว ถามว่าเจ็บคอมั้ยบอกว่าไม่ กลางคืนเราวัดไข้และออกซิเจน ทุกๆ 4 ชั่วโมงและทานยาแก้ไขทุกๆ 4 ชั่วโมง โชคดีเค้าไม่งอแงอะไรเลย
            เราเริ่มเจ็บคอชัดเจน คิดว่าไม่พลาด ติดแน่นอน แต่อาการอื่นๆ ไม่มี
Day 2 : เราติดโควิด ตรวจ ATK 2 ขีด แต่ลูกอาการดีขึ้นมาก แทบจะปกติ ตัวไม่ร้อน เราเริ่มให้กินยาห่างเป็นทุกหกชั่วโมง วัดไข้และออกซิเจนทุกหกชั่วโมง จดบันทึกทุกครั้ง
            เราเริ่มเจ็บคอ ตัวร้อน สเลด น้ำมูกเริ่มมา ไม่ถึงกับแย่ แต่ไม่สบายตัวนัก หายใจด้วยจมูกได้อยู่ และพยายามหายใจลึกๆ ตลอด
Day 3 : แฟนเราก็ตรวจเจอสองขีด …. คราวนี้แย่เลย คนโต (6ขวบ) ตรวจไม่เจอ และไม่เคยนอนคนเดียว คืนนี้ต้องนอนคนเดียว เราเดินมาดูเป็นระยะ อาการไม่ค่อยดี ร้องไห้ เครียด เพราะไม่ได้เล่นกับน้องมาสามวันแล้ว ร้องไห้ตลอด แม่ก็เข้าใกล้ไม่ได้ รู้เลยว่าสภาพจิตใจลูกแย่มากกก วันนี้ เราไม่ได้แยกเค้าไปอยู่กับตายาย เพราะเราต้องการเซฟผู้สูงอายุ โอกาสที่ลูกคนโตติดมีเยอะเพราะเราไปต่างจังหวัดมาด้วยกัน วันนี้คุณหมอที่ รพ โทรมาถามอาการ วันวัน แกคงโทรเป็นหลายร้อยสายและพูดเหมือนๆ เดิม ต้องให้กำลังใจและชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านเลย ไม่บ่นและพูดจาดีมากกกกก อดทนสุดๆ
Day 4 : คนโตเริ่มไม่ดี ปวดท้องเยอะ ปวดวนๆ อยู่ตรงสะดือ พะอืดพะอม กินอะไรก็อาเจียนออกหมด ซึ่งเราจำได้ว่า ในไลน์ห้องเรียนของลูกชายคนเล็กบ้านที่เค้าติดก็เล่าว่ามีอาการแบบนี้ เราให้ยายพาไป รพ เอกชนที่รักษาประจำ และตรวจ RT PCR ซึ่งช่วงนี้ ตากับยายสัมผัสเค้ามากสุด คือนั่งในรถคันเดียวกัน แต่ใส่หน้ากากตลอดเวลา อาการของเราเริ่มไม่ค่อยดี ส่วนหนึ่งคือแพนิค เป็นอยู่แล้ว ดูเหมือนไม่เครียด  แต่เครียดในการบริหารจัดการบ้าน ทั้งคน ทั้งของ ให้เซฟที่สุดที่จะทำได้ ตัวเราเองน้ำมูกเยอะ หายใจเหมือนจะลำบาก (คิดไปเอง) เพราะอยู่แต่ในห้อง วน วน คิดแต่เรื่องเดิมๆ แต่เรารับรู้ตัวเองว่าเป็นเพราะแพนิค พยายามขยับทำโน่นนี่ อย่างอื่นให้ลืมๆ ไป อาการจะดีขึ้น
Day 5: ผลตรวจลูกคนโตออกว่าติดโควิด เราเลยย้ายคนเล็กมาอยู่กับคนโต อาการดีขึ้นหลังจากกินยาแก้ปวดท้อง และดีขึ้นมากๆเมื่อเค้าได้เล่นด้วยกัน พอสภาพจิตใจดี ร่างกายก็ดีตามลำดับ สองคนตรวจ ATK ผลเป็นลบ แต่กักตัวต่อไป
เรามีน้ำมูกมากกกกก กอไก่ล้านตัว มันทำให้นอนไม่ค่อยได้ พี่ญาติกันแนะนำให้ล้างจมูก เคยแต่ทำให้ลูก ไม่เคยทำให้ตัวเอง พยายามหลายทีจนสำเร็จ หูยยยยย คือดีย์อ่ะ จมูกโล่งมากกกก วิธีการง่ายมาก
    1. ไซริ้ง 30 ml และน้ำเกลือล้างจมูกเทใส่แก้วครึ่งแก้ว
    2. ดึงน้ำเกลือประมาณ 15 ml
    3. เราเลือกล้างข้างที่ตันมากก่อน ก้มหน้านิดนึงเอาไซริ้งใส่รูด้านตันน้อย จากนั้น
    4. อ้าปากเก็บลมหายใจ กลั้นหายใจแล้วฉีดเข้าไปเร้ยยยย
    5. หากไม่รู้ว่ามันออกมั้ย อัดคลิปไว้ แล้วมาเปิดดู จะเห็นว่ามันออกเยอะมาก
    6. ตอนแรกๆ ล้างเสร็จจะอื้อๆ ก่อน แล้วมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ ให้ล้าง เข้า เย็น นะคะ ช่วงที่เป็น

Day 6: ลูกสองคนเรียกได้ว่าปกติมากๆ วันนี้เราดีขึ้นมากเลย ไม่เจ็บคอ น้ำมูกน้อยลง ไอบ้างแต่น้อยมาก สเลดแทบไม่มี ยังล้างจมูกเช้าเย็น ซึ่งช่วยได้เยอะมาก ยังคงกินน้ำเป็นลิตรเหมือนเดิม เริ่มอยากกินโน่นนี่เพราะน้ำหนักลดลงไป เนื่องจากเราไม่สามารถออกไปเลือกสรรได้เอง
Day 7: วันนี้ครบหนึ่งวีคของการอยู่ในห้อง… น่าจะเป็นช่วงพีคของจิตใจพอสมควร เพราะเริ่มรู้สึกเบื่อในกิจกรรมเดิมๆ ในห้องตลอดวัน ลูกๆ ก็เริ่มเบื่อ จำยอมให้ดูไอแพด ดูทีวี เล่นรกๆ ในห้องวนไป เพื่อให้เวลาผ่านไป อาการโดยรวมของทั้งสี่คนเริ่มเหมือนปกติ เรายังมีน้ำมูกบ้างประปราย เสียงยังขึ้นจมูกอยู่ (เมื่อไหร่จะหายน๊าาา) แต่ตัวเราเองที่แอบมีกังวลว่า มันจะกลับมาหนักหรือไม่ วันนี้ตรวจ ATK ของทุกคนในบ้าน ตากับยายยังเป็นลบ เราเป็นลบแล้ว ลูกคนโตยังเป็นลบแบบไม่ยอมบวกใดใด (บวกด้วย RT PCR อย่างเดียว) วันนี้ลูกคนเล็กยังเจอขีดจางๆ ซึ่งผ่านไปสิบนาทีถึงขึ้นมา ทำให้มีความกังวลเล็กน้อย แต่ไม่มีอาการใดๆ ให้น่ากังวลตลอดวัน เลยคาดว่าอาจจะเป็นเชื้อตายหรือเชื้อที่ยังค้างอยู่ เพราะยังไงต้องกักตัวต่อจนถึงวันอาทิตย์อยู่แล้ว
Day 8 และ Day 9: เรียกได้ว่า ทุกคนอาการปกติ แต่ต้องกักตัวให้ครบ 10 วัน กว่าจะถึงลูกชายคนโตก็ยาวไปอีก ตอนนี้ก็เริ่มเตรียมตัวทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่กัน

<<<<การจัดการในบ้าน>>>
**อาหาร : เราจะไม่มีการล้างจานของพวกเรา ดังนั้น ทุกอย่างจะใส่ถุงพลาสติกมา หรือสั่ง food delivery ยายจะมาส่งที่บันได เราจะเก็บมาแล้วกินอาหารกันในห้อง เก็บกันเป็นวันวัน ตอนค่ำๆ ทุกคนเข้าห้อง เราจะเอาไปทิ้งนอกตัวบ้านวางในที่โล่ง ใส่ถุงขยะอีกชั้นมัดปากถุงและฉีดแอลกอฮอล์
**ถังขยะ : ถุงดำเล็กเป็นถังขยะภายในห้อง หลังจากเคลียต่อวัน มัดปากฉีดสเปรย์ไปใส่ถุงดำใหญ่อีกใบนอกตัวบ้านมัดปากถุงฉีดสเปรย์แล้วตากแดด หลังจากนั้นตาจะใส่หน้ากากสองชั้นและถุงมือ ถือไปทิ้งฉีดสเปรย์แล้วกลับมาทิ้งถุงมือกับแมสชั้นนอกในถังขยะเฉพาะ ล้างมือด้วยเจลอีกครั้งก่อนเข้าบ้าน
**เสื้อผ้า : ผ้าจะเอาไว้ในห้อง พอกองโต จะลงไปซัก โดยยายต้องไปใช้ครัวแล้ว ซักเสร็จตากแดด ซักสองแดด ครานี้ ยายเก็บผ้าเราได้ล่ะ แกก็จะพับแล้วมาวางไว้สำหรับใช้ต่อ
**ห้องน้ำ : เนื่องจากแยกใช้อย่างชัดเจน แต่ห้องน้ำดันอยู่หน้าห้องคุณตา ต้องปิดไว้ตลอดเวลาและฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ เชคพื้นเมื่อไปใช้งานตลอด คุณตาก่อนออกจากห้อง แกจะฉีดสเปรย์เข่นกัน ใส่หน้ากากตลอดเวลาที่ใช้พื้นที่ส่วนกลาง
**พื้นที่ส่วนกลาง: เราใช้น้อยมากก ผ้าเพิ่งซักเมื่อผ่านไปห้าวัน กรอกน้ำในครัว ใส่ถุงมือก่อนและล้างเจลทุกครั้ง ทิ้งขยะตอนค่ำ เมื่อทุกคนเข้าห้องแล้ว พื้นที่ที่จะใช้ร่วมกันมากหน่อยคือบันได แต่เราจะไม่สัมผัสราวบันใด จับโน่นนี่ให้น้อยที่สุด
**ลูกๆ : บอกกันให้เข้าใจเลยค่ะว่าติดโควิดนะ เราออกไปข้างนอกไม่ได้ ตากับยายจะได้รับเชื้อเราอยู่ในห้องด้วยกันสองวีคนะ แป๊บเดียว เล่นในห้อง ของเล่นบางส่วนเลือกมา (เด๋วค่อยทำความสะอาด) วาดรูป ดูไอแพด ดูทีวี วนไปค่ะ ตอนค่ำให้ทางยาแก้แพ้ พาเข้านอนเร็ว สองทุ่มครึ่ง ตื่นเช้าเลยเก้าโมง แม่อาจต้องมีความอดทนมากขึ้นถ้าเด็กน้อยงอแง เราโชคดีนิดๆ เด็กๆ ไม่งอแง แต่เล่นซนเสียงดังซะมากกว่า ร่าเริงก็ดีกว่าป่วย ดุดุนิดหน่อยเอาค่ะ

+++การทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่+++
ห้องนอนสองห้องที่ใช้เป็นฐานทัพในการกักตัว : ปลอกหมอน ผ้าห่มเครื่องนอน ผ้าม่าน ซักด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรฆ่าไวรัสและเอาผ้าไปอบร้านหยอดเหรียญ ที่นอนตากแดดไว้ในห้อง เปิดหน้าต่างทุกบาน พื้นและประตูทำความสะอาดด้วยเดลตอนผสมน้ำเช็ดถูสองรอบ และตามด้วยแอลกอฮอล์ ทิ้งไว้ไม่ใช้งานสองห้อง 2-3 วัน เปิดให้อากาศผ่านตลอดเวลา
ห้องน้ำ : ล้างห้องน้ำตามปกติและตามด้วยการเช็ดด้วยเดลตอล อุปกรณ์ในห้องน้ำ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ อะไรทิ้งได้ ทิ้งเลยอันไหนยังใช้อยู่ เช็ดด้วยแอลกอฮอล์แบ้วตากแดด แต่ส่วนใหญ่ทิ้ง
ของเล่นลูกที่เอามาเล่น: ลูกเอารถไฟ tomy มาเล่น ก็ล้างและตากแดด เช็ดเจลแอลกอฮอล์ก็เป็นอันเรียบร้อย
บ้านส่วนที่เหลือ: เราไม่ได้ใช้งานเลย ก็ถูกด้วยน้ำยาเดลตอนทั่วบ้าน บริเวณมือจับทุกที่ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดอีกครั้ง

เด๋วมาต่อในเม้นต์นะคะ§^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่