รัก..ฤา

กระทู้สนทนา
“ดีใจและรอคอยวันนัดกินเลี้ยงรุ่น  เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่รุ่นภาษาไทย  จะได้มาพบกัน  รอคอยมาตลอด  เพราะอยากเจอเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน” 
 
             ฉันนั่งคิดเล่น  ปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามสายลมหนาวที่พัดผ่านมาปะทะใบหน้าที่เริ่มดูมีอายุ  ผมเริ่มมีสีขาวแซมประปราย  แต่รอยยิ้มยังสดใสอยู่  เพราะครอบครัวมีความสุขดี  มีชีวิตความเป็นอยู่ตามอัตภาพของคนที่รักสันโดษและเรียบง่าย

             คนแรกที่ฉันคิดถึงมากที่สุดคือทิพย์เกสร  ซึ่งเป็นเพื่อนรักสนิทกันที่สุด  เธอเป็นดาวดวงเด่นในรุ่นภาษาไทย  หนุ่มๆรุมตอมเธอมาตลอด 4 ปีที่เรียนด้วยกันมา  เธอมีผู้ชายมาให้เลือกได้ตลอดเวลา  ส่วนฉันเป็นเพียงตัวประกอบของรุ่น  ไม่มีอะไรเด่น  ไม่มีหนุ่มๆมารุมรักเหมือนทิพย์เกสร  นอกจากความไม่ทันสมัยและความเงียบขรึม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว  หลังจากจบก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลยเพราะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหางานทำ  เพื่อนๆกระจายไปทำงานทั่วประเทศ  บางคนก็ได้เจอกันบ้าง  บางคนไม่ได้เจอกันเลย

             “สิริ..สิริ..ใช่เธอหรือเปล่าจ้า”  

             ฉันได้ยินเสียงเรียกชื่อฉัน  จำได้เลยว่าเป็นเสียงของใคร  ฉันรีบหันตามไปมองต้นเสียงนั้น

             “ทิพย์เกสร  ใช่เราเอง  สิริ..ของเธอไงจ้า”  ฉันรีบเดินเข้าไปสวมกอดทิพย์เกสร  เพื่อนรัก  ฉันและทิพย์เกสร  กอดกันแน่น  เพราะเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน

            “ ทิพย์เธอยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ  ดีใจจังได้เจอเธออีก  หลังจบก็ไม่ได้เจอกันนานเลย” 

             ฉันรีบพูดคุยกับทิพย์เกสร  เพราะเวลาที่เราจะได้คุยกัน  จากนี้ถึงเที่ยงวัน  เพราะกลุ่มเพื่อนจองร้านอาหารได้ช่วงเวลานี้  และหลังจากนั้นฉันต้องไปดูแลธุรกิจต่อ เวลามีน้อย

            “สิริเธอก็เหมือนเดิมเลย  ไม่ยอมแต่งตัวเหมือนเดิม  ดูซิผมเริ่มหงอกแล้ว  จะมาเจอเพื่อนทั้งทีทำไมไม่โกรกผม  ให้ดูปิ๊งบ้างหละ” 

             ทิพย์เกสรเริ่มแซวเหมือนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว  เพราะฉันทำตัวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง  รักษาเอกลักษณ์ไว้ได้เสมอต้นเสมอปลาย

             พอทุกคนในรุ่นมากันครบแล้ว  ทิพย์เกสรซึ่งเป็นพิธีกรในงาน  กล่าวต้อนรับเพื่อนๆทุกคน  เพื่อนๆสนุกสนาน  กินข้าวไปคุยกันไป  มีร้องเพลงคาราโอเกะ  เพลิดเพลินดีต่อใจมาก  การพบกันครั้งนี้  เป็นความประทับใจเป็นอย่างมาก สมกับที่รอคอยมาตลอด 

            “เป็นอย่างไรจ้าทิพย์  ครอบครัวสบายดีไหม? ”

             คำถามของฉันที่ไม่ได้ตั้งใจไปจี้จุดตรงใจของทิพย์เกสร  ทำให้เธอนั่งนิ่งไปสักพักหนึ่ง  เธอนั่งก้มหน้าและสักพักเธอก็เงยหน้าขึ้นมา  พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ  แต่ดูเหมือนกดดันทางใจเป็นอย่างที่สุด

            “ ทิพย์ถ้าไม่สบายใจก็ไม่ต้องพูดก็ได้จ้า  เพราะวันนี้เรามาคุยเรื่องสนุกกันเนอะ”

             ฉันรีบตัดบทเพราะไม่อยากให้เพื่อนรักทุกข์ใจที่ต้องพูดในสิ่งที่เก็บมานานของเธอ

             “ไม่เป็นไรจ้าสิริ  เธอเป็นเพื่อนสนิทของเรา  แต่ถ้าเราเล่าไปแล้วเธออย่าคิดมากตามเรื่องที่เราเล่านะ  สัญญาก่อนนะ  ตกลงไหม” ทิพย์เกสรกำชับไม่ให้ฉันรู้สึกไม่ดีเมื่อฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะเล่าให้ฟัง

             “ได้จ้า  รับรองเรื่องที่เธอจะเล่าเราจะไม่ทุกข์  ไม่คิดมากและจะเก็บเป็นความลับตลอดไป” ฉันรีบบอกทิพย์เกสรไป  เพื่อไม่ให้เธอทุกข์ใจอยู่คนเดียว  เพราะอย่างน้อยถ้าเธอได้เล่าให้ฉันฟัง  อาจทำให้เธอรู้สึกสบายใจและโล่งอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ

              ทิพย์เกสร  นั่งร้องไห้น้ำตาไหลพราก  และเขามากอดฉันแน่น  และพูดออกมาจากใจของเธอ  เป็นความรู้สึกที่น่าสงสารมากที่เห็นเธอเป็นเช่นนั้น  ในใจฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่เธอคงทุกข์มาก  ฉันกอดตอบเธอ  และพูดปลอบใจเธออย่างจริงใจ  ค่อยๆใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ไหลพรากให้เธอ  อย่างทะนุถนอม  เพราะเธอเป็นเพื่อนรักที่ฉันรักมาก

              “เราผิดมากที่ไปรักผู้ชายคนหนึ่ง  เขาหน้าตาดี  เขาดูดี  สุภาพอ่อนโยน  ใจดี  เขาชอบช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการให้ช่วย 

               ความน่ารักของเขา  ทำให้ฉันหลงรักเขามากจนไม่สามารถจะหยุดรักเขาได้  เขาก็เข้าใจฉันมาตลอดเพราะฉันไม่มีใคร  

              นอกจากเขาคนเดียวที่ได้อาศัยพึ่งพา  ความใกล้ชิดทำให้ฉันกับเขา  ทำในสิ่งที่ผิด  เรามีอะไรกันไปแล้ว  และมารู้ทีหลังว่า

              เขามีครอบครัวแล้ว  และเขารักครอบครัวเขามาก  ภรรยาเขาเป็นคนดี  เป็นแม่ที่ดี  แต่ฉันก็ยังรักเขาอยู่  ความรักของเรา 

              ทำให้เรากลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว  ไม่ยอมปล่อยเขาไป  แต่เขาก็รักเรานะ  ดีกับเรามาตลอด  ไม่เคยทำให้เราเสียใจเลยสักครั้ง 

              ความดีของเขา  ทำให้เรายังรักเขาตลอดมา  แต่เรารู้สึกผิดมากที่เรากลายเป็นมือที่สามของครอบครัวเขา  เราจะทำอย่างไรดีหละสิริ  

              ช่วยเราคิดหน่อยได้ไหม  ฮือ..ฮือ..”  ทิพย์เกสรเล่าไป  ร้องไห้ไป

              ....ฉันเข้าไปกอดทิพย์เกสรด้วยความเห็นใจ  ความรักที่เธอมีให้กับผู้ชายคนนั้น  ช่างเป็นสิ่งที่ยากสุดเกินกว่าจะบรรยายได้ 

               ผู้ชายคนนั้นก็รักเธอด้วยใจที่ปรารถนาดีต่อเธอมาตลอด  ไม่ผิดเลยที่เธอและเขาจะรักกัน  เพราะความรักไม่มีใครห้ามไม่ให้รักไม่ได้ 

              .....แต่ผิดตรงที่ผู้ชายคนนั้นเขามีเจ้าของแล้ว  มีครอบครัวที่อบอุ่นรักกันมาตลอด  ไม่เคยมีปัญหากัน  อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...

              “ไม่เป็นไรจ้าทิพย์  แค่เธอรู้สึกผิดต่อครอบครัวผู้ชายคนนั้น  เราก็ว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ...

             .... เพียงแต่เธอยอมที่จะอยู่แบบนี้ตลอดไปเหรอ  เธอไม่กลัวที่ภรรยาผู้ชายคนนั้นจะรู้เหรอว่าเธอเป็นมือที่สามของครอบครัวเขา” 

            ... ฉันพูดปลอบใจทิพย์เกสร  ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้เสียใจขนาดนั้น....

              “สิริ..ถ้าสมมุติว่าเธอเป็นภรรยาผู้ชายคนนั้น  ถ้าเธอรู้ว่าเขามีผู้หญิงอีกคน  เธอจะทำอย่างไรหละ  ตอบมาตามที่ใจเธอคิดได้เลยนะ” 

            .... ทิพย์เกสรตั้งคำถามให้ฉันได้คิด

            “เราก็คงต้องคุยกับสามีเราว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับปัญหานี้  จะมีทางแก้ปัญหาหรือหาทางออกอย่างไร”  

             ฉันตอบทิพย์เกสรไปอย่างจริงใจ  และมองตาของทิพย์เกสรอย่างเข้าใจ

            “เราเข้าใจในคำว่ารักพอสมควร  ความรักบางทีก็ต้องการเป็นเจ้าของ  บางครั้งก็ไม่ต้องการเป็นเจ้าของ  ความรักมีให้ได้กับทุกคนทุกสิ่งในโลกนี้  คนส่วนใหญ่พื้นฐานแล้วจะรักตัวเองมาก่อนอื่น  จากนั้นก็รักคนในครอบครัว  และรักคนนอกครอบครัว  ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม  ใครที่รู้จักความรักได้ดี  คนผู้นั้นจะอยู่ได้อย่างมีความสุขจ้า” 

            ฉันพูดถึงความรักอย่างเลื่อนลอย  และมองออกไปข้างนอกห้องอย่างไม่มีจุดหมาย

           “แล้วสิริเธอจะทำอย่างไรต่อเมื่อเธอรู้ว่าสามีเธอ  มีผู้หญิงอีกคน  เธอจะตัดสินปัญหานั้นอย่างไร  เพื่อให้ครอบครัวที่เธอรักมาตลอด 10 ปีจะไม่พังลง”   

            ทิพย์เกสรถามคำถามที่เธออยากรู้  ว่าถ้าเกิดกับครอบครัวฉันจะทำอย่างไร

           “เราก็จะให้เขาเลือกว่าจะอยู่กับเราหรือจะอยู่กับผู้หญิงคนนั้น” ฉันตอบทิพย์เกสรอย่างชัดเจนและจริงจัง

           “ถ้าสามีเลือกผู้หญิงคนนั้นหละ  เธอก็จะยอมปล่อยเขาไปใช่ไหมจ๊ะ”  ทิพย์เกสรถามต่อ

          “ใช่จ้า  เพราะต้องเลือกคนใคคนหนึ่งนะ  จริงไหม  จะอยู่แบบคาราคาซังแบบนี้คงไม่ได้ใช่ไหมจ๊ะ” 

            ฉันตอบทิพย์เกสรตามที่ฉันคิดไว้ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง  

            “ถ้าสามีเลือกเธอ  ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเสียใจและจำต้องจากไป  เธอไม่สงสารผู้หญิงคนนั้นเหรอ  ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเสียใจขนาดไหน  ที่ต้องอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว  ซึ่งก่อนหน้านั้นผู้หญิงคนนั้นเธอมีความสุขกับผู้ชายคนนั้นมาก”  

            “ทิพย์เธอต้องการอยากรู้คำตอบจากสามีเราใช่ไหมจ้า”.............

            ....... ฉันหันไปถามทิพย์เกสรและจ้องมองเธออย่างจริงจัง  แววตาฉันเห็นใจเธอมาก แต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว......

             “แต่ครอบครัวต้องมาอันดับแรก  เพราะชีวิตที่ผ่านมา  ฉันต้องแบ่งผู้ชายคนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้.....มานาน 10 ปี  และวันนี้แหละ 

              ...... ฉันจะมาบอกคำตอบที่ผู้หญิงคนนั้นอยากรู้ ว่าผู้ชายคนนั้น  จะเลือกเราหรือผู้หญิงคนนี้” 

              ฉันพูดต่อไปเรื่อยๆ ไม่สบตาเธอ เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอสลดลง  และแววตาที่เศร้าหมอง 

              “คำตอบผู้ชายคนนั้นว่าอย่างไรจ้าสิริ..เพื่อนรัก”  ทิพย์เกสรรอลุ้นฟังคำตอบจากฉัน  ถึงแม้ใจเธอคงคิดคำตอบเอาไว้แล้ว

             ......“ผู้ชายคนนั้นเขาตอบว่า...เขาขอเลือกภรรยาของเขาจ้าทิพย์เกสร...เพื่อนรัก” .....

             ......ฉันพูดแบบไร้ความรู้สึกผิด ..... เพราะเวลาที่ผ่านมา 10 ปีฉันให้โอกาสเธอมาตลอด..... 

             ....แบ่งปัน......สามีให้เธอมาตลอดและจะขอพบเธอ....

              ......เป็นวันแรกและวันสุดท้าย....

              ..... ลาก่อนทิพย์เกสร..เพื่อนรัก.....

                “ฮือ...ฮือ  ขอบใจนะเพื่อน  ที่ไม่เกลียดเรา  เราขอโทษเธอจากใจ  ตลอด 10 ปีเราต้องขอบคุณเธอมากที่ให้อภัยเรามาตลอด  

               สิริเธอเป็นคนดีจริงๆ  ถูกต้องแล้วที่ผู้ชายคนนั้นเลือกเธอ”  

              .....ทิพย์เกสรร้องไห้  และก้มหน้าเดินจากไป.....  

             .......ฉันได้แต่มองตามเธอไป.......

             .........  ลาก่อนเพื่อนรัก .......

             ......ฉันรักเธอนะจึงให้โอกาสเธอมาตลอด 10 ปี......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่