สองปีหลังจากโซนิคภาคแรกได้สร้างสถิติใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมที่ได้คะแนนมะเขือสดจาก Rotten Tomatoes รายได้เปิดตัวสูงสุดของอเมริกา และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนพาราเมาต์ไฟเขียวให้สร้างภาค 2 และตัวอย่างที่เล่นใหญ่ จัดเต็มไม่เผื่อใจไว้ให้ใคร ด้วยฝีมือการกำกับของเจฟฟ์ ฟาวเลอร์ที่ขอทิ้งทวนงานนี้ รวมถึงงานแสดงสุดท้ายของเฮียจิม แคร์รีย์ที่กำลังเตรียมจะเกษียณการแสดง และเมื่อภาพยนตร์ฉายก็ได้รับคำวิจารณ์ดีและสามารถกวาดรายได้จากทั่วโลกไปแล้ว 26.1 ล้านเหรียญ แม้ฉายเพียงแค่ 31 ประเทศเท่านั้น แต่มันจะยังรักษามาตรฐานและก้าวไปอีกระดับสมคำร่ำลือมั้ย มาอ่านกันครับ

ถ้าผิดหวังที่ภาคแรกเนื้อหาไม่ยิ่งใหญ่พอ ภาคนี้ได้ตอบโจทย์ทุกอย่างที่มันไม่เคยไปถึง ทั้งสเกลของเรื่องราวการผจญภัยในสถานที่ต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกับโซนิคฉบับเกม เล่าเรื่องชัดฉับไว ผสมกับมุกตลกที่ยังคงมีเป็นระยะไม่เปลี่ยนเหมือนภาคแรก แม้จะอิงแซวหนังมากไปหน่อย แต่บางมุกก็ค่อนข้างจะทำเอาขำกลิ้งเลยทีเดียว ทั้งยังมีฉากแอ็คชั่นระดับภาพยนตร์มาร์เวลที่มีเกือบทุกฉากแบบไม่มีหยุด และชวนให้คุณนึกถึงเกมภาคต้นฉบับในเครื่องเมก้าไดรฟ์ แต่ยังทิ้งช่องว่างให้เรื่องของความสัมพันธ์ของตัวละครที่ทำออกมาได้ดีเช่นเคย ทั้งตัวละครใหม่อย่าง เทลส์ และ นัคเคิลส์ ล้วนช่วยเสริมแต่งเรื่องราวภาคนี้ให้จักรวาลนั้นยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก และยังเปี่ยมไปด้วยพล็อตที่เข้มข้นขึ้นและเชื่อมโยงกันอย่างเกือบเนียนสนิท พล็อตหลักกับพล็อตรองที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกันได้ กลับกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังมีความสนุกตลอด สองชั่วโมง ยาวกว่าภาคแรก ครึ่งชั่วโมงเลย ช่วงแรกอาจจะเร็วไปหน่อย อาจมีเนือย ๆ บ้าง แต่องค์สุดท้ายคือสุดพีค

เจฟฟ์ ฟาวเลอร์ แสดงให้เห็นถึงความรักในโซนิคมากกว่าเดิม เขาใส่ใจรายละเอียดในฉากต่าง ๆ ที่อิงจากเกม ทั้งในแบบอีสเตอร์เอ้กให้มองหา หรือจะใส่เข้ามาในฉากเนียน ๆ มากกว่า รวมไปถึงเขายังดึงเสน่ห์ของตัวละครที่ไม่น่ามีอยู่จริง ให้มีอยู่จริง และประสบความสำเร็จในการทำให้ทั้งโรงร้องเฮ ในส่วนของนักแสดงนั้นก็ยังตามมาตรฐานเดิมจากภาคแรก แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คงเป็นทิก้า ซัมพ์เตอร์ในบทของแมดดี้ที่ในภาคต่อนี้เธอมีบทบาทสำคัญต่อเรื่องราวมากกว่าเดิม ทั้งยังโชว์ความเป็นแม่ก็คือแม่ได้อย่างน่าชื่นชม ในขณะที่เจมส์ มาร์สเดน อาจจะไม่ได้มีบทแอ็คชั่นเด่น แต่ก็ได้การเขียนบทความสัมพันธ์กับโซนิคที่มาน้อยแต่ก็อบอุ่นใจไม่แพ้ภาคแรก ในขณะที่จิม แคร์รีย์ ส่งท้ายการแสดงของโรบอทนิกส์ได้อย่างสุดตัว เล่นใหญ่ เล่นเวอร์ไม่เกรงใจใคร และไม่เคยร้ายขนาดนี้มาก่อน ถ้าใครชอบเฮียแก แกใหญ่ได้มากกว่านี้อีกในหนัง

ในส่วนของประเด็นครอบครัวและมิตรภาพ ภาคนี้ขับเน้นในเรื่องของการเป็นฮีโร่ต้องมีความรับผิดชอบ ความสูญเสียที่ทุกคนล้วนต้องเผชิญแต่เราก็ต้องมีชีวิตแล้วก้าวผ่านไป ความกล้าและความเชื่อมั่นในตัวเอง รวมไปถึงการร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคและสถานการณ์ร้าย ๆ ไป ซึ่งยากที่จะหาหนังที่มนุษย์ไม่น่ารำคาญและมีประโยชน์มาก ๆ กับตัวละคร CG พวกเขาเข้าใจในความหมายของครอบครัว และพร้อมจะแบ่งปัน และใช้ชีวิตเพื่อมีความสุขในทุก ๆ วัน ถ้าใครได้ดูคงรู้สึกอบอุ่นหัวใจแน่นอน

งานสร้าง งานภาพ แม่เจ้าโว้ย จัดเต็มแสงสี ซีจีที่สวยงามทั้งตัวของโซนิค เทลส์ นัคเคิลส์ ฉากต่าง ๆ ทั้งวิหารโบราณ ฮาวาย ภูเขาหิมะไซบีเรีย เมืองกรีนฮิลล์ เมืองซีแอตเทิล ระเบิดตูมตาม ยิ่งกว่าภาคแรก ฉากการถ่ายทำบางฉากเข้าขั้นสวยมาก จนไม่อยากเชื่อว่างบสร้างทั้งหมดนั้นเท่ากับภาคแรก 90 ล้านเหรียญ ในจะเพลงประกอบของ Junkie XL ที่ยกระดับดนตรีให้อีพิคมากกว่าเดิม รวมถึงเพลงแทรกที่บางเพลงอาจจะโดนใจชาวร็อคเมทัลกับป๊อบแน่นอน โดยเฉพาะเพลง Stars in the sky ที่ได้ศิลปิน Kid Cudi มาร้องประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ และเพลงประกอบอีกมากมาย

ในฐานะแฟนเกม มันยากมากนะที่หนังภาคต่อจากเกมสามารถรักษามาตรฐานภาคแรกให้ดี และก้าวไปอีกระดับจริงๆ ทั้งสนุก ทั้งฮา ทั้งซึ้ง ได้เห็นความอีพิคของฉากต่าง ๆ ที่อยู่ในหน้าจอตั้งแต่ต้นจนจบ เอนเครดิตสุดท้ายคือโคตรไฮป์ ภาค 3 ที่ไฟเขียวก็คงเพื่อการนั้น นี่คือตัวอย่างของคำว่าหนังจากเกมสามารถดีได้หากใส่ใจและเข้าใจในการเล่าเรื่องและความสำคัญของตัวละครมากพอ รวมถึงไม่ต้องซับซ้อนอะไรมาก แค่ทำให้คนที่ไม่เคยเล่นเกม เข้าไปในโลกได้ นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จ ต้องรอดูสปินออฟของนัคเคิลส์ก่อน ซึ่งมาแน่ปีหน้า หลบสปอยให้ดี นี่คือหนังแห่งปีของแฟนเกมและครอบครัวเลย