อุโปสะถะกะระณะโต ๑
ปุพเพ นะวะวิธัง ปุพพะกิจจัง กาตัพพัง โหติ. ตัณฐานะสัมมัชชะนัญจะ ตัตถะ ปะทีปุชชะ ละนัญจะ อาสะนะปัญญะปะนัญจะ ปานียะปะริโภชนียูปัฏฐะ ปะนัญจะ ฉันทาระหานัง ภิกขูนัง ฉันทาหะระณัญจะ เตสัญเญวะ อะกะตุโปสะถานัง ปาริสุทธิยาปิ ๒
อาหะระณัญจะ อุตุกขานัญจะ ภิกขุคะณะนา จะ ภิกขุนีนะโมวาโท จาติ. ตัตถะ ปุริมานิ จัตตาริ ๓
ภิกขูนัง วัตตัง ชานันเตหิ อารามิเกหิปิ ภิกขูหิปิ ๔
กะตานิ ปะรินิฏฐิตานิ โหนติ. ฉันทาหะระณะปาริสุทธิ ๕
อาหะระณานิ ปะนะ อิมิสสัง สีมายัง หัตถะปาสัง วิชะหิต๎วา นิสินนานัง ภิกขูนัง อะภาวะโต นัตถิ. อุตุกขานัง นามะ เอตตะกัง อะติกกันตัง , เอตตะกัง อะวะสิฏฐันติ เอวัง อุตุอาจิกขะนัง , อุตูนีธะ ปะนะ สาสะเน เหมันตะคิมหะวัสสานานัง วะเสนะ ตีณิ โหนติ. อะยัง เหมันโตตุ ๖
อัส๎มิญจะ อุตุมหิ อัฏฐะ อุโปสะถา , อิมินา ปักเขมะ เอโก อุโปสะโถ สัมปัตโต ทะเว อุโปสะถา อะติกกันตา ปัญจะ อุโป สะถา อะวะสิฏฐา ๗
อิติ เอวัง สัพเพหิ อายัส๎มันเตหิ อุตุกขานัง ธาเรตัพพัง. (รับว่าเอวัง ภันเต พร้อมกัน ผู้แก่ว่า เอวัง อาวุโส หรือ เอวัง ) ภิกขุคะณะนา นามะ อิมัส๎มิง อุโปสะถัคเค ๘ อุโปสะถัตถายะ ๘
สันนิปะติตา ภิกขู เอตตะกาติ ภิกขูนัง คะณะนา. อิมัส๎มิมปะนะ อุโปสะถัคเค ๙
จัตตาโร ๑๐
ภิกขู สันนิปะติตา โหนติ. อิติ เอวัง สัพเพหิ อายัส๎มันเตหิ ภิกขุคะณะนาปิ ธาเรตัพพา. ( รับว่า เอวัง ภันเต พร้อมกัน แก่ว่า เอวัง อาวุโส หรือ เอวัง )
ภิกขุนีนะโมวาโท ปะนะ อิทานิ ตาสัง นัตถิตายะ นัตถิ. อิติ สะกะระโณกาสานัง ปุพพะกิจจานัง กะตัตตา นิกกะระโณ กาสานัง ปุพพะกิจจานัง ปะกะติยา ปะรินิฏฐิตัตตา เอวันตัง นะวะวิธัง ปุพพะกิจจัง ปะรินิฏฐิตัง โหติ. นิฏฐิเต จะ ปุพพะกิจเจ สะเจ โส ทิวะโส จาตุททะสี ปัณณะระสี สามัคคีนะมัญญะตะโร ยะถาชชะอุโปสะโถ ๑๑
ปัณณะระโส ๑๒
ยาวะติกา จะ ภิกขู กัมมัปปัตตา สังฆุโปสะถาระหา จัตตาโร ๑๓
วา ตะโต วา อะติเรกา ปะกะตัตตา ปาราชิกัง อะนาปันนา สังเฆนะ วา อะนุกขิตตา , เต จะ โข หัตถะปาสัง อะวิชะหิตตะวา เอกะสีมายัง ฐิตา , เตสัญจะ วิกาละโภชะนาทิ วะเสนะ วัตถุสะภาคาปัตติโย เจ นะ วิชชันติ , เตสัญจะ หัตถะ ปาเส หัตถะปาสะโต พะหิกะระณะวะเสนะ วัชเชตัพโพ โกจิ วัชชะนียะปุคคะโล เจ นัตถิ. เอวังตัง อุโปสะถะกัมมัง ๑๔
อิเมหิ จะตูหิ ลักขะเณหิ สังคะหิตัง ปัตตะกัลลัง นามะ โหติ กาตุง ยุตตะรูปัง อุโปสะถะกัมมัสสะ ๑๕
ปัตตะกัลลัตตัง วิทิตตะวา อิทานิ กะริยะมาโน อุโปสะโถ สังเฆนะ อะนุมาเนตัพโพ ๑๖
( รับว่า สาธุ พร้อมกัน)
( ต่อจากนี้ท่านผู้แก่กว่าในสงฆ์ ถ้าไม่ได้สวดเอง พึงกล่าวคำ อัชเฌสนา ว่าดังนี้)
ปุพพะกะระณะปุพพะกิจจานิ สะมาเปตตะวา อิมัสสะ นิสินนัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ อะนุมะติยา ปาฏิโมกขัง อุททิสิตุง อัชเฌสะนัง กะโรมิ.
ที่มา.
http://www.watpamahachai.net/Doc22.htm
กด >
พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนา
บทสวด บุพพกรณ์และบุพพกิจ
อุโปสะถะกะระณะโต ๑
ปุพเพ นะวะวิธัง ปุพพะกิจจัง กาตัพพัง โหติ. ตัณฐานะสัมมัชชะนัญจะ ตัตถะ ปะทีปุชชะ ละนัญจะ อาสะนะปัญญะปะนัญจะ ปานียะปะริโภชนียูปัฏฐะ ปะนัญจะ ฉันทาระหานัง ภิกขูนัง ฉันทาหะระณัญจะ เตสัญเญวะ อะกะตุโปสะถานัง ปาริสุทธิยาปิ ๒
อาหะระณัญจะ อุตุกขานัญจะ ภิกขุคะณะนา จะ ภิกขุนีนะโมวาโท จาติ. ตัตถะ ปุริมานิ จัตตาริ ๓
ภิกขูนัง วัตตัง ชานันเตหิ อารามิเกหิปิ ภิกขูหิปิ ๔
กะตานิ ปะรินิฏฐิตานิ โหนติ. ฉันทาหะระณะปาริสุทธิ ๕
อาหะระณานิ ปะนะ อิมิสสัง สีมายัง หัตถะปาสัง วิชะหิต๎วา นิสินนานัง ภิกขูนัง อะภาวะโต นัตถิ. อุตุกขานัง นามะ เอตตะกัง อะติกกันตัง , เอตตะกัง อะวะสิฏฐันติ เอวัง อุตุอาจิกขะนัง , อุตูนีธะ ปะนะ สาสะเน เหมันตะคิมหะวัสสานานัง วะเสนะ ตีณิ โหนติ. อะยัง เหมันโตตุ ๖
อัส๎มิญจะ อุตุมหิ อัฏฐะ อุโปสะถา , อิมินา ปักเขมะ เอโก อุโปสะโถ สัมปัตโต ทะเว อุโปสะถา อะติกกันตา ปัญจะ อุโป สะถา อะวะสิฏฐา ๗
อิติ เอวัง สัพเพหิ อายัส๎มันเตหิ อุตุกขานัง ธาเรตัพพัง. (รับว่าเอวัง ภันเต พร้อมกัน ผู้แก่ว่า เอวัง อาวุโส หรือ เอวัง ) ภิกขุคะณะนา นามะ อิมัส๎มิง อุโปสะถัคเค ๘ อุโปสะถัตถายะ ๘
สันนิปะติตา ภิกขู เอตตะกาติ ภิกขูนัง คะณะนา. อิมัส๎มิมปะนะ อุโปสะถัคเค ๙
จัตตาโร ๑๐
ภิกขู สันนิปะติตา โหนติ. อิติ เอวัง สัพเพหิ อายัส๎มันเตหิ ภิกขุคะณะนาปิ ธาเรตัพพา. ( รับว่า เอวัง ภันเต พร้อมกัน แก่ว่า เอวัง อาวุโส หรือ เอวัง )
ภิกขุนีนะโมวาโท ปะนะ อิทานิ ตาสัง นัตถิตายะ นัตถิ. อิติ สะกะระโณกาสานัง ปุพพะกิจจานัง กะตัตตา นิกกะระโณ กาสานัง ปุพพะกิจจานัง ปะกะติยา ปะรินิฏฐิตัตตา เอวันตัง นะวะวิธัง ปุพพะกิจจัง ปะรินิฏฐิตัง โหติ. นิฏฐิเต จะ ปุพพะกิจเจ สะเจ โส ทิวะโส จาตุททะสี ปัณณะระสี สามัคคีนะมัญญะตะโร ยะถาชชะอุโปสะโถ ๑๑
ปัณณะระโส ๑๒
ยาวะติกา จะ ภิกขู กัมมัปปัตตา สังฆุโปสะถาระหา จัตตาโร ๑๓
วา ตะโต วา อะติเรกา ปะกะตัตตา ปาราชิกัง อะนาปันนา สังเฆนะ วา อะนุกขิตตา , เต จะ โข หัตถะปาสัง อะวิชะหิตตะวา เอกะสีมายัง ฐิตา , เตสัญจะ วิกาละโภชะนาทิ วะเสนะ วัตถุสะภาคาปัตติโย เจ นะ วิชชันติ , เตสัญจะ หัตถะ ปาเส หัตถะปาสะโต พะหิกะระณะวะเสนะ วัชเชตัพโพ โกจิ วัชชะนียะปุคคะโล เจ นัตถิ. เอวังตัง อุโปสะถะกัมมัง ๑๔
อิเมหิ จะตูหิ ลักขะเณหิ สังคะหิตัง ปัตตะกัลลัง นามะ โหติ กาตุง ยุตตะรูปัง อุโปสะถะกัมมัสสะ ๑๕
ปัตตะกัลลัตตัง วิทิตตะวา อิทานิ กะริยะมาโน อุโปสะโถ สังเฆนะ อะนุมาเนตัพโพ ๑๖
( รับว่า สาธุ พร้อมกัน)
( ต่อจากนี้ท่านผู้แก่กว่าในสงฆ์ ถ้าไม่ได้สวดเอง พึงกล่าวคำ อัชเฌสนา ว่าดังนี้)
ปุพพะกะระณะปุพพะกิจจานิ สะมาเปตตะวา อิมัสสะ นิสินนัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ อะนุมะติยา ปาฏิโมกขัง อุททิสิตุง อัชเฌสะนัง กะโรมิ.
ที่มา. http://www.watpamahachai.net/Doc22.htm
กด > พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนา