[SR] รีวิว realme 9 Pro , 9 Pro+ กล้องสวยคุณภาพดี ฝาหลังเด่น ชาร์จไว 60W !


 
ทางค่าย realme เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่มาแล้วคือตัว 9 Pro และ 9 Pro+ โดยทั้งสองรุ่นนั้นเป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับชิปประมวลผลระดับกลาง ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่มาให้ใช้งานแบบจุใจ และรองรับชาร์จเร็วด้วย รวมทั้งที่น่าสนใจสุดๆคือค่ายให้เซนเซอร์กล้อง 50MP ระดับเรือธงที่มอบประสิทธิภาพการใช้งานแบบจุกๆ มาพร้อมกับการดีไซน์ที่ล้ำสมัย ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาบาง หน้าจอใหญ่จุใจพร้อมขอบจอที่บางเฉียบ ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มตา ด้วยเทคโนโลยีฝาหลังเปลี่ยนสีได้จากแสงอาทิตย์และสามารถเปลี่ยนเป็นสีปกติได้ภายในไม่กี่วินาที  การใช้งานนั้นลื่นไหลสุดๆ โดยรวมแล้วสเปกก็ต้องบอกว่ายังคงทำได้ดีทั้ง 2 รุ่น มีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในแต่ละรุ่น วันนี้เราจะมารีวิวสมาร์ตโฟนในรุ่น realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ในทุกการใช้งานของค่าย realme
 

 
PRICE
 
realme 9 Pro เปิดตัวมาในราคา 8,999 บาท (6GB+128GB) / ราคา9,999 บาท (8GB+28GB) และ realme 9 Pro+ เปิดตัวมาในราคา 12,999 บาท (8GB+256GB)
 

 
realme 9 Pro +
 
ในส่วนของรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และความถี่การตอบสนอง 360Hz ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Dimensity 920 ที่รองรับเครือข่าย 5G ส่วนซอฟต์แวร์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0 ที่ทางบริษัทสัญญาว่าจะอัปเดตซอฟต์แวร์ Android เป็นเวลา 2 ปี มาพร้อม RAM 8GB ที่มี RAM เสมือนอีก 5GB นอกจากนั้นระบบระบายความร้อนมาพร้อม Vapor Chamber จำนวน 5 ชั้น ที่มี heat sink ขนาดใหญ่ถึง 13,029 ตร.มม. สามารถลดอุณหภูมิได้สูงสุด 10 องศาเซลเซียส ส่วนระบบเสียงตัวเครื่องมีลำโพง stereo และช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. มาให้เราได้ใช้งานด้วยนะ
 

 
และในส่วนของกล้องหลังของ 9 Pro+ ประกอบด้วยกล้องตัวหลัก 50MP ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ที่รองรับ OIS แบบเดียวกับในสมาร์ตโฟนเรือธงอย่าง Oppo Find X3 Pro + กล้องมุมกว้าง 119 องศา 8MP + กล้องมาโคร 2MP ทางบริษัทเพิ่มฟีเจอร์ ProLight Imaging และฟีเจอร์ AI Noise Reduction Engine 3.0 ที่เพิ่มคุณภาพของรูปถ่ายในสภาพแสงน้อย นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ถ่ายภาพ low exposure, Peak & Zoom และฟิลเตอร์ 90’s Pop ตัวเครื่องในสีฟ้า (Sunrise Blue) สามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อม โดยเมื่อสัมผัสแสงแดดหรือแสง ultraviolet ตัวเครื่องจะเปลี่ยนเป็นสีแดงภายในเวลา 3 วินาที ส่วนเมื่อนำออกจากแสงแล้วสีแดงจะจางกลับไปเป็นสีฟ้าในเวลา 2-5 นาที แบตเตอรี่มีความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว SuperDart Charge 60W สามารถชาร์จแบตได้ 50% ในเวลา 15 นาที
 

 
UNBOX
 
- ตัวเครื่อง realme 9 Pro+
- เคสใส
- สายชาร์จ USB Type-C + Adapter SuperDart Charge 60W
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
 

 
DESIGN
 
งานออกแบบในรุ่นนี้ก็ยังคงออกแบบดีไซน์มาในลักษณะคล้ายๆรุ่นก่อนๆอยู่ แต่ดูทันสมัยมากขึ้น ดูเรียบๆแต่ฟาดเรียบกับทุกสายตาที่มองเลย ตัวฝาหลังมีความวิ้งวับ ประกายๆ เล่นกับแสงไฟหรือแสงอาทิตย์ได้ดีเลยแหละ มีการเล่นสีสันเป็นลูกเล่นเพิ่มขึ้นมาให้ดูมีอะไรมากยิ่งขึ้น ขึ้นมือสุดๆขณะที่ถือ ที่สำคัญฝาหลังในรุ่นนี้สามารถเปลี่ยนสีเมื่อโดนแสงด้วยนะเป็นฟีเจอร์  Light shift Design ที่ใช้กับสี Sunrise Blue การดีไซน์นั้นจะมาพร้อมกับกระบวนการเคลือบ 3 ชั้น ช่วยให้สีสันประกายเจิดจ้า ทำให้มีความโดดเด่น อีกทั้งในรุ่นนี้ยังมีความบางที่สุดใน Number Series การวางตำแหน่งกล้องด้านหลังก็จะยังคงอยู่ในมุมซ้ายบนของด้านหลัง วางเรียงกันทั้ง 3 เลนส์อย่างเป็นระเบียบพร้อมไฟแฟลช ตำแหน่งของกล้องก็ยังคงคล้ายรุ่นเดิมๆเช่นเคย รวมๆแล้วดูดีขึ้นมากๆ ไฮโซขึ้นเยอะเลย และที่สำคัญน้ำหนักและขนาดตัวเครื่องมีความบางเบามากๆ น้ำหนักรวมๆอยู่ที่ 182 กรัมเท่านั้น สีมีมาให้เลือกถึง 3 สีเลย ได้แก่ Aorora Green, Sunrise Blue, Midnight Black ซึ่งแต่ละสีก็มีความสวยโดดเด่นที่ไม่แพ้กันเลย เห็นแล้วตกหลุมรักทันที
 

 
หน้าจอรุ่นนี้จะเป็น AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+ มีรีเฟรชเรทอยู่ที่ 90Hz ความสว่างสูงสุด 1,000 nits ใช้กระจก Gorilla Glass 5 สังเกตจะเห็นว่าขอบหน้าจอนั้นจะบางมากๆ จะมีเพียงขอบด้านล่างเท่านั้นที่จะหนากว่าด้านอื่นๆ แต่ก็มากกว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น และบริเวณด้านบนทางซ้ายจะเป็นบริเวณของรูกล้องที่มีมาให้
 

 

 
ต้องยอมรับเลยว่าขอบหน้าจอมีความบางมากจริงๆ ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มตา ทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่เลย ในส่วนของขอบด้านหลังที่หนากว่าด้านอื่นๆก็ไม่ส่งผลอะไรต่อการใช้งาน ส่วนขอบด้านบนนั้นถึงจะมีความบางเฉียบแต่ยังคงเจาะรูกล้องมาให้ใช้งานเช่นเดิม
 

 
ขอบเครื่องด้านบนจะเป็นในส่วนของไมค์ตัดเสียงที่มีมาให้ และจะเห็นได้ว่าเมื่อมองจากด้านบน มุมของขอบเครื่องจะมีความโค้งมนแต่ยังคงความเหลี่ยมไว้อยู่ ดูดีมากๆ
 

 
ขอบเครื่องด้านล่างจะเป็นในส่วนของลำโพงตัวหลัก ถัดไปก็คือพอร์ตชาร์จที่เป็นแบบ USB Type-C ส่วนต่อไปก็คือไมค์ที่มีมาให้ รวมไปถึงรูสุดท้ายจะเป็นหูฟังที่เป็นรู 3.5 มม. มาให้ใช้งาน
 

 
ขอบจอด้านซ้ายจะเห็นได้ว่าตัวเครื่องมีความบางมากจริงๆ น้ำหนักเบาสุดๆ ด้านบนจะเป็นถาดใส่ซิม และถัดลงมาจะเป็นปุ่มสั่งงานเพิ่ม-ลดเสียง ที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
 

 
ขอบจอด้านขวาจะไม่ค่อยมีปุ่มสั่งงานใดๆมาให้เลย จะมีเพียงปุ่ม Power ที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือมาให้เท่านั้น โดยรอบๆบริเวณขอบเครื่อง ค่อนข้างเกลี้ยงดูสะอาดตามากๆ
 

 
และในส่วนของฝาหลังของตัวเครื่องนี้ทำให้เรามูฟออนไปไหนไม่ได้จริงๆ มีความสวยงาม ประกายวิบวับเล่นกับไฟให้ชวนหลงไหลมากๆ ด้วยความสามารถพิเศษที่เป็นฟีเจอร์ Light shift Design ที่ใช้กับสี Sunrise Blue ทำให้ฝาหลังมีปฎิกิริยาเปลี่ยนสีเมื่อเจอกับแสงอาทิตย์หรือแสงธรรมชาติ ฝาหลังจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเจอไฟภายใน 3 วินาที และจะกลับมาเป็นปกติในเวลา 2-5 วินาที วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็แข็งแรงทนทาน การดีไซน์ต่างๆลงตัว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของกล้องหรือจะเป็นในส่วนของชื่อค่ายที่สลักมาไว้สวยๆด้านซ้ายล่างของฝาหลัง
 

 

 
SPEC 
 
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 90Hz, ความสว่างสูงสุด 1,000 nits, ใช้กระจก Gorilla Glass 5
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 6nm ที่ใช้การ์ดจอ Mali-G68 MC4
- RAM LPDDR4x 6GB + storage (UFS 2.2) 128GB, RAM LPDDR4x 6GB + storage (UFS 2.2) 128GB / 256GB
- ซิมคู่ (nano + nano)
- Android 12 ที่ครอบด้วย realme UI 3.0
- กล้องหลัง
* กล้องตัวหลัก 50MP (f/1.8) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766, OIS
* กล้อง ultra-wide 8MP (f/2.2) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX355
* กล้องมาโครขนาด 4 ซม. 2MP (f/2.4) ที่ใช้เซนเซอร์ Galaxycore GC02M1
- กล้องหน้า 16MP (f/2.4) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX471
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่วัดอัตราการเต้นหัวใจได้
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, ลำโพง Stereo, Dolby Atmos
- ขนาดตัวเครื่อง: 160.2×73.3×7.99มม.; น้ำหนัก: 182 กรัม
- 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.2, GPS/ GLONASS/ Beidou
- USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 60W
 

 
CAMERA
 
ในเรื่องของกล้องในรุ่นนี้จัดให้มาแบบจุกๆเลย มาพร้อมกล้องหลังที่มีมาให้ 3 เลนส์ โดยเลนส์หลักให้ความละเอียดมาถึง 50MP (f/1.8) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 รองรับฟังก์ชัน OIS เลนส์ ultra-wide 8MP (f/2.2) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX355 และเลนส์มาโครขนาด 4 ซม. 2MP (f/2.4) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Galaxycore GC02M1 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดมาสูงถึง 16MP (f/2.4) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471 ต้องบอกว่าในครั้งนี้เรียกได้เลยว่ากล้องระดับเรือธงจริงๆ มีความละเอียดคมชัดในทุกๆเลนส์ ใช้ลูกเล่นของเซนเซอร์อยากหลากหลายใส่มาให้แบบเหมาะสม สวยจบหลังกล้องเหมือนมือโปรถ่ายเลย ตอบโจทย์สายเซลฟี่สายถ่ายรูปเลย แม้จะถ่ายตอนอยู่ที่มืดแล้วนั้นก็ไม่เป็นปัญหาเลยนะ มีโหมดต่างๆให้ได้ลองเล่นใช้เยอะมากๆไม่ว่าจะเป็น โหมด Smart long exposure, 90s Pop Filter และโหมดต่างๆอีกมากมาย ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ ยิ่งเทียบกับราคาแล้วยิ่งถูกใจเลยคุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ จากที่ได้ลองใช้งานจริงแอดก็เก็บภาพที่ใช้เจ้ารุ่นนี้ถ่ายทั้งเซลฟี่หรือถ่ายภาพปกติในทุกๆช่วงเวลามาให้ชมกันว่าจะสวยสะใจขนาดไหน
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
LIGHT SHIFT ฝาหลังเปลี่ยนสีได้ !
 
การพัฒนาดีไซน์ใหม่ๆแบบไม่หยุดยั้งต้องยกให้ค่ายนี้เลยจริงๆ เพราะรอบนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ Light shift Design ที่ใช้กับสี Sunrise Blue สามารถเปลี่ยนสีฝาหลังได้ จากการโดนแสงอาทิตย์ ฝาหลังจะเปลี่ยนสีเป็นสีออกแดงๆ ภาพในเวลาเพียง 3 วินาที และเมื่อไม่โดนแสงอาทิตย์แล้วฝาหลังจะสามารถกลับมาเป็นสีปกติภายใน 2-5 วินาที ใช้หลักการ Photo chromic โดยเติมวัสดุ OCA เข้าไปในขั้นตอนของการเคลือบผิวทำให้ฝาหลังจะมีปฎิกิริยาเมื่อโดนแสงนั้นเอง เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่ชอบมากๆ เสมือนมีโทรศัพท์ 2 เครื่องในเวลาเดียวกันเลย มอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน หยิบใช้ยังไงใครๆก็มองแน่นอน อย่างนี้ใครจะอดใจไหว
ชื่อสินค้า:   realme 9 Pro, 9 Pro+
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่