[CR] รีวิว "มานี มี หม้อ" บุฟเฟ่ต์กินได้ทุกเมนูยกทั้งร้านเพิ่มเนื้อวากิว-ซุปชาบูน้ำดำ เริ่มต้นแค่ 399 ฿++

ตอนนี้ร้าน "มานีมีหม้อ" กลับมาให้บริการบุฟเฟ่ต์อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งนึงแล้วจ้า ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้จะทราบกันดีว่าปกติเค้าเน้นขายแบบชุดสุดคุ้มและ A La Carte มาตลอด แต่แค่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าทางร้านได้จัดโปรโมชั่นลับให้สั่งอาหารได้ทั้งร้านแบบไม่อั้นจ่ายแค่คนละ 699 บาทเท่านั้นมาตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยปกติผมจะมาทานกับที่บ้านค่อนข้างบ่อยอย่างน้อยเดือนละครั้งเป็นประจำเพราะคุณแม่ของแฟนผมเป็นแฟนตัวยงของร้านนี้ ซึ่งรอบนี้เหมือนเป็นการประกาศให้ชัดเจนไปเลยว่ามีบุฟเฟ่ต์ให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วหลังจากที่ปกปิดมาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งปรับราคาย่อยเป็นหลายระดับเพื่อให้คนที่มีงบจำกัดสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะเริ่มต้นเพียงคนละ 399 บาท++ ก็สั่งอาหารได้รวมกว่า 80 รายการและให้เวลาในการนั่งทานยาวนานถึง 2 ชั่วโมงเต็ม ร่วมทั้งหมด 11 สาขาทั่วกรุงเทพฯและจังหวัดนครราชสีมา (เราได้รวบรวมรายชื่อสาขาทั้งหมดเอาไว้ท้ายสุดของบทความรีวิวนี้) ส่วนวันนี้ผมเลือกมาร้านใกล้บ้าน-เดินทางสะดวกสุดอย่างโฮมโปรพระราม 3 ชั้น 1 ที่เคยแวะทานเป็นประจำเหมือนเดิม และเนื่องจากทางร้านเพิ่งเริ่มจัดบุฟเฟ่ต์จึงแทบไม่มีลูกค้าท่านอื่นๆอยู่ภายในร้าน ก่อนจะเข้าไปข้างในขอเดินมาดูป้ายเมนูอาหารตรงด้านหน้ากันก่อนว่ารอบนี้แต่ละระดับราคามีอะไรมาเพิ่มเติมหรือน่าสนใจยิ่งขึ้นให้เราได้สั่งกันบ้างครับผม

โดยบุฟเฟ่ต์รอบนี้ถูกแบ่งเป็น 4 ระดับราคาได้แก่ 399 บาท++ สั่งอาหารได้ทั้งหมด 22 รายการ/499 บาท++ สั่งอาหารได้ทั้งหมด 41 รายการ/599 บาท++ สั่งอาหารได้ทั้งหมด 58 รายการ และ 699 บาท++ สั่งอาหารได้ทั้งร้านรวม 80 รายการ พิเศษเฉพาะบุฟเฟ่ต์ราคา 699 บาท++ เท่านั้น เพิ่มเงินอีกเพียงแค่ 100 บาท เพื่ออัปเกรดสั่งเนื้อวัววากิวสไลด์กับขนมไดฟูกุไส้โกโก้และถั่วแดงไม่อั้น (ปกติราคาลูกละ 39 บาท) ส่วนใครที่ถือบัตรสมาชิกอยู่ในมือแล้วไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็ตามสามารถอัปเกรดราคาบุฟเฟ่ต์ได้เพิ่มอีก 1 ขั้น พร้อมรับเครื่องดื่มเป็นน้ำสมุนไพรรีฟีลมูลค่า 40 บาทฟรีต่อใบรวมส่วนลดสูงสุดถึงคนละ 140 บาท (สมัครบัตรใหม่แค่ใบละ 98 บาทก็รับสิทธิพิเศษทันที) ส่วนบรรยากาศการตกแต่งของร้านสาขานี้เน้นความสนุกสนานคล้ายกำลังนั่งทานข้าวอยู่ในป่าเทพนิยายฉบับการ์ตูนสมัยเรายังเด็กๆ โดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีเหลืองสดใสตัดกับลายไม้พร้อมเก้าอี้และโซฟาไม้ที่ให้อารมณ์เหมือนห้องเรียนสมัยก่อน ผสานกับโคมระย้าทำจากหม้อสังกะสีกับปิ่นโตสีครีมโบราณซึ่งเป็น Signature ของทางร้านตรงจุดกึ่งกลาง และรูปถ่ายศิลปิน/ดาราชื่อดังที่แวะเวียนมาถ่ายรูปวางมือเท้าคางเพื่อการันตีความอร่อยเต็มฝาผนังแบบนี้แสดงถึงความอร่อยและได้รับความนิยมเสมอมาเป็นอย่างดี อยากนั่งจุดไหนก็เลือกได้ตามใจเลยครับผม

มาถึงน้องพนักงานก็หยิบเล่มเมนูฉบับเต็มออกมาให้เราเลือกหลากหลายเริ่มต้นจาก A La Carte ซึ่งเมื่อเราสั่งบุฟเฟ่ต์ราคาสูงสุดที่ 699 บาท++ ก็สามารถสั่งอะไรในเล่มนี้ทานก็ได้ยกเว้นเพียง 3 เมนูต้องจ่ายเพิ่มอีกหัวละ 100 บาทก็คือ 1. เนื้อวากิวคัดพิเศษ 2. ขนมไดฟุกุไส้ถั่วแดง 3. ขนมไดฟุกุไส้โกโก้ และไม่รวมเครื่องดื่มสมุนไพรรีฟีลอีกคนละ 40 บาท (ยกเว้นว่ามีบัตรสมาชิกได้อัปเกรดพร้อมรับน้ำดื่มรีฟีลฟรี) ใบต่อไปเป็นรายการชุดชาบูสำหรับคนที่กินน้อยแต่เน้นคุ้มตอนนี้จัดเป็นเซตชาบูน้ำดำสูตรใหม่และตามอำเภอใจ ราคาเริ่มต้นที่ 299 บาท/ 399 บาท/ 499 บาท/ สูงสุดที่ 699 บาทได้เนื้อวากิวสไลด์บางชุดใหญ่พิเศษน้ำหนักรวมกว่า 500 กรัมปริมาณเยอะจุใจสั่งกินได้ทั้งที่ร้านและมีบริการส่งเดลิเวอรี่ส่งถึงบ้านด้วย (ระหว่างนั่งทานก็สังเกตไปด้วยว่าลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามามักจะสั่งแต่ชุดนี้) อยากกินอะไรก็เขียนจำนวนด้วยดินสอลงในกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะได้เลย แต่ถ้าเราสั่งเป็นบุฟเฟ่ต์น้องพนักงานจะมีใบให้ออเดอร์อีกชุดซึ่งพิมพ์พื้นสีเทาแยกตามระดับราคาอย่างชัดเจนมาเปลี่ยนให้ก็เขียนลงบนใบนี้แทน สั่งเสร็จก็ยื่นให้กับพนักงานแล้วรอมาเสิร์ฟบนโต๊ะ โดยการนับเวลาถอยหลัง 2 ชม.จะเริ่มตั้งแต่ถาดแรกมาวางที่โต๊ะครับผม

น้ำซุปของที่ร้านสามารถเลือกได้เพียงแค่ 2 จากทั้งหมด 6 สูตรได้แก่ 1. น้ำแดงบรั่นดี 2. ซุปน้ำดำญี่ปุ่น 3. ซุปแจ่วฮ้อน 4. ซุปมะหล่า 5. ซุปใสสีทอง และ 6. ซุปเจ เลยสั่งมาเฉพาะตัวใหม่ล่าสุดมาลองชิมก็คือ "ซุปน้ำดำญี่ปุ่น" ทำจากดาชิหรือปลาโอตากแห้งเข้มข้นต้มกับสาหร่ายคอมบุผสมโชยุและเคล็ดลับสุดพิเศษไม่เหมือนใครด้วยน้ำตาลสีดำของขึ้นชื่อจากเกาะโอกินาว่าประเทศญี่ปุ่น ทำจากน้ำอ้อยสดเคี่ยว 100% จึงได้ความหวานอูมามิธรรมชาตินิยมราดลงบนขนมหวานโบราณต่างๆแต่ร้าน "มานีมีหม้อ" เอามาผสมลงในน้ำซุปทำให้ได้ความหวานหอมกลมกล่อมสุดละมุนไม่เหมือนใคร อีกหม้อเป็นชุดโปรโมชั่นพิเศษของรอบที่แล้วอย่าง "ซุปแจ่วฮ้อน" จุดเด่นก็คือเข้มข้นด้วยเครื่องสมุนไพรจนไม่สามารถปล่อยต้มทิ้งไว้ให้เดือดนานๆได้เพราะตกตะกอนไหม้ก้นหม้อและต้องคอยคนตลอดเวลา แลกมากับความหอมอร่อยนัวและถึงเครื่องเทศตามแบบฉบับอีสานแท้ๆที่หาทานไม่ได้ตามร้านอาหารอีสานทั่วไปในกทม. พร้อมน้ำจิ้มซึ่งปัจจุบันถูกเพิ่มขึ้นมามากถึง 5 สูตรก็คือ 1. น้ำจิ้มดำมานี 2. พริกตำของแม่ 3. น้ำจิ้มงาบด 4. น้ำจิ้มสุกี้ และ 5. น้ำจิ้มพรสุ เอาไว้ทานคู่กับเนื้อชาบูพร้อมวัตถุดิบต่างๆเปลี่ยนรสชาติไปได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อแน่นอนครับผม

ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟน้องพนักงานก็นำแก้วกระดาษรีฟีลมาวางไว้ให้ที่โต๊ะคนละใบ ไว้เดินไปกดน้ำสมุนไพรต่างๆที่ตู้ทั้ง 1. ชามะลิเตยหอมแบบไม่หวาน 2. เก๊กฮวยน้ำตาลอ้อยกับดอกคำฝอยหวานหอม 3. กรีนแอปเปิ้ลฮันนี่หรือแอปเปิ้ลเขียวน้ำผึ้งสำหรับคนชอบเปรี้ยว 4. มะพร้าวบ้านแพ้วกลีบดอกอัญชันหวานหอมสดชื่นมะพร้าวอ่อนใส่สีม่วงอัญชัน 5. น้ำเปล่าวางเป็นเหยือกพร้อมตู้น้ำแข็งกับฝาปิดให้บริการตัวเองสำหรับนำแก้วออกไปดื่มนอกร้านได้ฟรี เดินกลับมาที่โต๊ะอาหารทานเล่นต่างๆมาวางก่อนเริ่มจาก "ปังหน้าหมูไข่กุ้ง" ปกติราคา 85 บาท เป็นขนมปังตัดขอบแผ่นหนานุ่มท็อปปิ้งด้วยหมูสับเด้งผสมไข่กุ้งหรือไข่ปลาบินปรุงรสทอดทั้งแผ่นแล้วหั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมพอคำ จิ้มกับอาจาดใส่แตงกวา/พริกชี้ฟ้าและหอมแขกรสหวานอมเปรี้ยวช่วยลดความเลี่ยนทานได้อร่อยเพลิน ถือเป็นเมนู Signature ที่อยู่มาดั้งเดิมและเป็นขวัญใจของหลายๆคนมาอย่างยาวนาน จานต่อไปเป็นของทอดที่ถูกเพิ่มมาทีหลังแต่ความอร่อยเด็ดไม่แพ้กันคือ "เกี๊ยวหมูกรอบศรีประจันต์" ปกติราคา 55 บาท เป็นเกี๊ยวสีเหลืองสอดไส้หมูเด้งบะช่อผสมสาหร่ายทอดกรอบหอมกลิ่นน้ำมันงาผสมสามเกลอจิ้มบ๊วยเจี่ยรสหวานอมเปรี้ยวอร่อยเคี้ยวเพลินดีครับผม

เมนูต่อไปถ้ามากินแบบ A La Cate ไม่ค่อยกล้าสั่งเพราะค่อนข้างสูงนั่นก็คือ "ข้าวหน้ามันกุ้งเสวย" ปกติราคาชามละ 135 บาท เป็นข้าวสวยหอมมะลิท็อปปิ้งด้วยมันกุ้งปรุงสุกแผ่นหนาพิเศษ-ไข่เป็ดต้มสุกยางมะตูมและกุ้งชุบแป้งทอดกรอบ ก่อนจะเริ่มทานให้ราดด้วยซอสมันกุ้งสูตรเข้มข้นพิเศษในเหยือกสีขาวกับซอสพริกน้ำส้มตำรสเปรี้ยวเผ็ดอมหวานช่วยแก้เลี่ยนใส่ในถ้วยลงไปแบบฉ่ำๆ คลุกให้เข้ากันแล้วตักเข้าปากเต็มคำๆได้รสของมันกุ้งสุดล้นทะลักหอมมันสะใจสุดๆ ของทานเล่นอย่างถัดไปเป็นอีกเมนูที่ทานง่ายๆก็คือ "กุ้งทอดกรอบ" ปกติราคาจานละ 89 บาท ที่ร้านใช้กุ้งกระจกตัวใหญ่พิเศษเนื้อเด้งกรอบเอามาชุบแป้งและเกล็ดขนมปังทอด จัดเสิร์ฟหน้าตาคล้ายเทมปุระญี่ปุ่นแต่กินคู่กับซอสน้ำจิ้มไก่ของไทยแบบง่ายๆอร่อยเพลินไปอีกแบบ เมนูต่อไปอยู่ในภัตตาคารจีนระดับเหลาแต่มาเสิร์ฟเป็นบุฟเฟ่ต์คือ "ยำกะพรุนแก้วน้ำมันพริก" ปกติราคาจานละ 85 บาท เป็นแมงกะพรุนหั่นชิ้นเล็กพอดีคำลวกพอสุกกรอบสะเด็ดน้ำส่วนเกินออกแล้วยำกับน้ำพริกเผาจีนรสเค็มเผ็ดอมหวานเคี้ยวกรุบๆหอมน้ำมันงากลมกล่อมกำลังดี เอาไว้ทานระหว่างรอวัตถุดิบต่างๆลงหม้อรอเดือดสุกพร้อมกินแค่สั่งไม่กี่จานก็เกือบเท่าบุฟเฟ่ต์ราคา 1 หัวแล้วครับ

จานต่อไปเป็นวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมที่ถูกเพิ่มขึ้นมาล่าสุดคือ "เนื้อวากิวคัดพิเศษ" เสิร์ฟจานละ 200 กรัมปกติราคา 289 บาท เป็นพ่อวัววากิวสายพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ๆผสมกับแม่วัวโพนยางคำของไทยและปรับปรุงเพิ่มเติมอีกหน่อยจนได้เนื้อวัวที่นุ่ม/กลิ่นหอมละมุนเป็นเอกลักษณ์/แทรกชั้นไขมันสวยงามและสัมผัสเด้งสู้ฟันเล็กน้อยทำให้เคี้ยวสนุกไม่เหมือนใคร ส่วนวิธีการทานที่ถูกต้องน้องพนักงานแนะนำให้เปิดไฟเบาๆแล้วคีบเนื้อสไลด์บางลงไปลวกแค่พอสุกสีอมชมพูนิดๆก็เข้าปากแล้วเคี้ยวได้เลยทันทีเพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของเนื้อวัวคุณภาพสูง โดยทางร้านได้คัดพิเศษมาจากหน้าฟาร์มที่ได้รับมาตรฐานในการเลี้ยงและผลิตจึงสามารถขายเป็นชุดราคาถูกจัดเต็มเนื้อวัวให้ถึง 500 กรัม เพียง 699 บาทได้อย่างที่เห็นในใบสั่งอาหารแบบเซตที่เราถ่ายรูปไว้ในเบื้องต้น ถ้าใครที่เป็นสายเนื้ออยู่แล้วบอกเลยว่าคุ้มมากเพราะขายราคาแทบไม่ต่างจากไปซื้อปลีกที่หน้าเขียงถือว่าทางร้านใจป้ำน่าดูเลยครับ จานต่อมาเป็นชุดผักรวมต่างๆประกอบไปด้วยกะหล่ำปลีซอยเป็นเส้น/ฟักทองญี่ปุ่น/แครอท/เห็ดหอมสด/เห็ดออเร็นจิ/เห็ดเข็มทอง/ผักกาดขาว/ข้าวโพดอ่อนและปวยเล้ง สำหรับใส่ลงหม้อชาบูเพื่อเพิ่มความหวานกลมกล่อมตามธรรมชาติอีกขั้นนึงครับ

******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:   มานี มี หม้อ (Manee Mee More)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่