ในตอนที่ก่อนจะรวมอำนาจแต่ล่ะจังหวัดมีเจ้าเมือง ขุนแขวงหมื่นแขวงดูแลบรรดาตำบลและในเวลาต่อมาส่วนกลางก็ได้เข้ามาลดอำนาจพวกเขาและเพิ่มอำนาจให้ตัวเองนั่นคือรวมจังหวัดเป็นมณฑลส่งข้าหลวงไปปกครองและต่อมาก็ไปควบคุมในระดับจังหวัดนั่นคือส่งข้าหลวงจังหวัดไปปกครองและตั้งศาลากลางจังหวัดเป็นศูนย์กลางของจังหวัดและก็กระจายไปยังอำเภอต่างๆมีที่ว่าการอำเภอเป็นศูนย์กลางและมีคนจากส่วนกลางไปดูแล แต่ระบบราชการส่วนภูมิภาคก็หยุดที่ชั้นนี้ โดยในระดับตำบลหมู่บ้านจะมีคนจากท้องถิ่นมาอาสาดูแลเองและเป็นผู้ช่วยของทางอำเภอในการปกครอง เราเรียกตำแหน่งพวกนี้ว่ากำนันผู้ใหญ่บ้าน ผมไม่บอกว่ามันไม่ดีนะครับมันก็มากเลยนะครับทำให้เรามีเอกภาพและตามกระแสของยุคนั้นด้วยครับ ขนาดญี่ปุ่นที่แต่ก่อนมีเจ้าเมืองแต่พอปฎิรูปประเทศบรรดาเจ้าเมืองก็ถวายดินแดนให้รัฐบาลขององค์จักรพรรดิ แต่ในตอนนี้กระแสของการกระจายอำนาจเริ่มมา อย่างในฝรั่งเศสก็มีการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นทั้งหลายแล้ว ในญี่ปุ่นถึงแม้ว่าจะโดนอเมริกาบังคับหลังแพ้ในสงครามโลกแต่ต่อมาก็เริ่มชอบมัน ส่วนในเกาหลีใต้ทำโดยใจสมัครไปเลยครับ มันไม่ใช่เพราะว่ากระจายอำนาจและดีแต่การที่มีรัฐบาลที่ต้องเกรงใจประชาชนและมีอำนาจมากจัดการเองได้อย่างรวดเร็วมันถึงจะดี ถามว่างั้นให้มหาดไทยมอบอำนาจให้ผู้ว่านายอำเภอไปให้เยอะก็ได้สิ แต่ที่เขามีการควบคุมอำนาจก็เพราะว่าถ้ามีอำนาจมากไปอาจเกิดการใช้อำนาจไปในทางมิชอบได้ และการให้ประชาชนไปบอกกับส.ส.ให้เอาเรื่องที่ถนนสายหนึ่งเป็นรอยไปพูดในสภามันก็ไม่คุ้มที่จะเอาเรื่องของถนนของหมู่บ้านเดียวไปพูดในสภาของทั้งประเทศ เราจึงการกระจายอำนาจ มอบให้อบต.และเทศบาล ที่มีขนาดเล็กกว่าอำเภอไม่ทับที่รัฐบาล เป็นคนดูแลไปเสีย มันไม่ใช่ถ้ามีรัฐบาลท้องถิ่นที่มีอำนาจและมาจากการเลือกตั้งแล้วดี แต่มันคือมีรัฐบาลท้องถิ่นที่ถูกควบคุมโดยประชาชนและมีอำนาจตามสมควรมันจะดี ถ้าประชาชนเลือกตั้งแต่ไม่ใส่ใจมันก็เปล่าประโยชน์ จากที่พูดมา คือมีการรวมอำนาจของตำบลมาที่อำเภอ โดยให้คนจากทางท้องถิ่นเป็นผู้ช่วยของข้าราชการส่วนภูมิภาค ตอนนี้ถ้าเราจะสลับกันเป็นเพิ่มอำนาจให้หน่วยงานท้องถิ่นระดับล่างที่มีขนาดเล็กกว่าอำเภอ คอยทำงานทั้งหลายเพื่อลดภาระของทางอำเภอ อย่างสมัยก่อนถ้าจะทำเอกสารอะไรต้องไปทำอำเภอใช่ไหมครับแต่เดี๋ยวนี้เทศบาลก็ทำมันได้แล้วครับ ขนาดผมไม่ได้อยู่ในเขตเทศบาลบัตรหายยังไปทำที่เทศบาลมันได้เลยครับ งานของอำเภอมันก็ลดลงไป และถ้าเราเพิ่มอำนาจในตรงส่วนนี้ต่อไปล่ะครับ อย่างเช่น ส่วนภูมิภาคของกรมส่งเสริมการเกษตรอยู่ที่อำเภอและมีข้าราชการเกษตรของส่วนกลางเป็นเกษตรอำเภอที่มีผู้ช่วยเป็นเกษตรตำบลคอยทำงานในสำนักงานเกษตรอำเภอเป็นผู้ช่วยเราก็ย้ายเกษตรตำบลให้เป็นของตำบลกับเทศบาลไปซะให้เขาจัดการกันเองแต่ยังมีเกษตรอำเภอไปอยู่ ถามว่ามีมันไว้ทำไม คำตอบก็คือในกรณีที่รัฐบาลอยากจะสนับสนุนเพิ่มเติมในงานด้านเกษตรก็ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งคำสั่งไปยังกรมส่งเสริมการเกษตร และทางกรมส่งไปยังเกษตรจังหวัด เกษตรจังหวัดส่งไปยังเกษตรอำเภอ เกษตรอำเภอ ก็จะส่งหนังสือไปยังตำบลกับเทศบาลว่ามีงบมาจากส่วนกลางมีใครอยากร่วมบ้าง ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไรแต่ก็หาข้อแก้ตัวถ้าสภาท้องถิ่นถามว่าทำไมไม่รับเอาเองละกัน ประชาชนก็จะได้รับการบริการจากทั้งท้องถิ่นที่รวดเร็วและจากรัฐบาลที่หนักแน่น โดยที่รับจากท้องถิ่นจะเป็นสิ่งที่ใช้ทุกวันและบางครั้งรัฐบาลอาจเพิ่มมา ถามว่างั้นรัฐบาลก็ต้องเพิ่มงบให้ท้องถิ่นอย่างนี้ไม่สิ้นเปลืองเอาแย่หรอกเหรอ คำตอบคือไม่ครับ เพราะถ้าท้องถิ่นสามารถทำได้เองรัฐบาลก็ไม่ต้องเอางบประมาณส่วนกลางไปใช้เยอะ อย่างเช่นถ้าเราขยายให้ท้องถิ่นทั้งหลายจัดทำเอกสารให้ประชาชนแทนอำเภอเองได้มากแค่ไหนประชาชนก็สะดวกแค่นั้นเพราะมันไม่ต้องเดินทางมาไกล ทางอำเภอก็ลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเหลือแค่งบและคนนิดหน่อยในฐานะของคนประสานงานและถ้าส่วนกลางอยากสนับสนุนเรื่องไหนไปเพิ่มก็ส่งงบไปให้ภูมิภาคไปซะก็แค่นั้นและก็ให้ภูมิภาคไปถามท้องถิ่นว่าจะเอาไหมไม่เอาก็หาข้อแก้ตัวไปบอกสภาของตัวเองด้วย
ท้องถิ่นที่ผมพูดว่าจะส่งเสริมนี่คือท้องถิ่นระดับล่างนะครับ พวกบรรดาตำบลกับเทศบาลทั้งหลายที่เล็กกว่าในระดับอำเภอ ส่วนที่ใหญ่กว่าอำเภอคือจังหวัดผมเรียกมันว่าท้องถิ่นในระดับบนครับ
ส่วนบางงานที่มันใหญ่ไปกว่าท้องถิ่นระดับล่างเช่น ตำรวจ การศึกษา อุตสาหกรรม การดูแลโบราณสถานและโรงพยาบาล ก็คงต้องคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงกันมันเอาครับ
ให้ตำบลกับเทศบาลลดภาระราชการของอำเภอ
ท้องถิ่นที่ผมพูดว่าจะส่งเสริมนี่คือท้องถิ่นระดับล่างนะครับ พวกบรรดาตำบลกับเทศบาลทั้งหลายที่เล็กกว่าในระดับอำเภอ ส่วนที่ใหญ่กว่าอำเภอคือจังหวัดผมเรียกมันว่าท้องถิ่นในระดับบนครับ
ส่วนบางงานที่มันใหญ่ไปกว่าท้องถิ่นระดับล่างเช่น ตำรวจ การศึกษา อุตสาหกรรม การดูแลโบราณสถานและโรงพยาบาล ก็คงต้องคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงกันมันเอาครับ