ข้าพเจ้าคือคนโง่ที่ชอบอ่าน และนำมาแปะกระทู้เท่านั้นเอง
หนังสือนี้ ถือว่าเขียนพอเสร็จให้อ่านไปพลางก่อน เพราะเรื่องที่ปรารภเกิดขึ้นนานแล้วจึงทราบ ควรเร่งให้ความรู้กันไปขั้นหนึ่งก่อน ไม่ให้เป็นความประมาท เมื่อใดทราบเรื่องราวที่เป็นไปละเอียดขึ้น ถ้าเวลาอำนวยและร่างกายยังไหว อาจจะได้ต่อได้เติม เรื่องราวจำพวกปัญหาที่เกิดทยอยมาระยะนี้ แสดงชัดถึงสภาพของพุทธบริษัท ที่คนไทยเหินห่างจากเนื้อตัวของพระพุทธศาสนา ขาดความรู้หลักธรรมวินัย ไม่รู้จักคำพระคำวัดที่พูดจาคุ้นกันมาจนกลายเป็นคำพูดสามัญในสังคมไทย มีแต่ความเข้าใจผิดพลาดเพี้ยนกันไป เมื่อมีเรื่องจำพวกปัญหาเกิดขึ้น ถ้าไม่ถึงกับหลงไปตามเขา ก็มองไม่ออก ตัดสินไม่ได้ จำเป็นต้องรีบตื่นกันขึ้นมา ข้อสำคัญที่สุดอยู่ที่ต้องหาต้องให้ ความรู้เข้าใจที่ถูกต้อง คือต้องศึกษา เมื่อรู้เข้าใจเพียงพอแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นมา ก็สามารถพิจารณา มองออกและบอกได้ทันที หนังสือ รู้จักพระไตรปิฎก ให้ชัด ให้ตรง นี้ มิใช่จะตอบโต้ใคร แต่มุ่งรักษาประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ อย่างน้อยให้ปลอดพ้นความรู้ผิดเข้าใจพลาดที่เป็นภัยสำคัญ หลายอย่างคงจะยากสักหน่อย แต่ว่าด้วยเรื่องที่จำ เป็นต้องรู้ เพื่อมีคุณสมบัติสมกับที่ได้นับถือพระพุทธศาสนา จึงพึงอดทนศึกษา เหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นพุทธศาสนิกชน
ผู้เขียน
12 มีนาคม 2558
“.........สำหรับกรณีนี้ เรื่องก็ไม่ยากนัก
ต้องชัดแก่ตน ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นว่า จะถือเป็นมาตรฐานตัดสินได้จริง ต้องใช้พระไตรปิฎกบาลี ผู้ที่ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา สั่งสอนพระธรรมวินัย ควรรู้จักแหล่งอันเป็นที่มาของพระธรรมวินัย ตลอดจนของพระพุทธศาสนาทั้งหมด คือ พระไตรปิฎก ยิ่งทำงานในขั้นที่ถึงพุทธพจน์โดยตรง จะเอาพุทธวจนะ ต้องรู้จักพระไตรปิฎกจริงๆ ไม่ใช่รู้แค่ว่านี่พระไตรปิฎก แต่รู้จักอย่างชัดเจนว่า พระไตรปิฎกฉบับไหนคือแค่ไหน เป็นอย่างไร อย่างน้อย เรารู้เห็นกันอยู่ว่า ในประเทศไทย มีพระไตรปิฎกที่พิมพ์ที่ใช้กันอยู่ 2 อย่าง คือ พระไตรปิฎกภาษาบาลี (มักเรียกสั้นๆ ให้ง่ายว่า พระไตรปิฎกบาลี) และ พระไตรปิฎกภาษาไทย
แน่นอนว่า พระไตรปิฎกที่แท้ต้องคืออันใดอันหนึ่ง อย่างเดียวแรกสุด ก่อนจะเดินหน้าไปไหน จึงตอบคำถามนี้ก่อนว่า พระไตรปิฎกภาษาบาลีแปลจากพระไตรปิฎกภาษาไทย หรือว่าพระไตรปิฎกภาษาไทยแปลจากพระไตรปิฎกภาษาบาลี แทบทุกคนตอบได้ทันทีว่า พระไตรปิฎกภาษาไทยแปลจากพระไตรปิฎกภาษาบาลี เพราะฉะนั้น พระไตรปิฎกภาษาบาลีจึงเป็นของเดิม เป็นตัวแท้ เป็นพระไตรปิฎกตัวจริง แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ภาษาบาลีพอที่จะอ่านจะใช้ประโยชน์ได้ จึงมีการพยายามทำให้มีคำแปลพระไตรปิฎกในภาษาไทย
อย่างไรก็ดี พระไตรปิฎกนี้ใหญ่โตนัก เป็นหน้าหนังสือนับได้กว่า 20,000 หน้า พระเถรานุเถระและนักปราชญ์ราชบัณฑิตแปลกันมาๆ ทั้งที่พระไตรปิฎกบาลีมีในเมืองไทยคู่ประเทศมาแสนนาน แต่เพิ่งแปลเป็นภาษาไทยนับว่าจบพิมพ์เป็นเล่มหนังสือได้ครบชุดเมื่อผ่าน พ.ศ.2500 นี้เอง และนี่คือเสร็จงานในขั้นแปลจบ ให้เราได้มีพระไตรปิฎก (ฉบับแปล) ภาษาไทย
ทั้งนี้ โดยต้องยอมรับความจริงว่า งานตรวจชำระสอบทานแก้ไขคำแปล เป็นกระบวนการที่ยังจะต้องดำเนินต่อไป.........”
http://www.alittlebuddha.com/html/Special%20Event/Buddhavajana.html
ธรรมทานเพื่อการศึกษาธรรม มีนาคม 2558
หนังสือนี้ ถือว่าเขียนพอเสร็จให้อ่านไปพลางก่อน เพราะเรื่องที่ปรารภเกิดขึ้นนานแล้วจึงทราบ ควรเร่งให้ความรู้กันไปขั้นหนึ่งก่อน ไม่ให้เป็นความประมาท เมื่อใดทราบเรื่องราวที่เป็นไปละเอียดขึ้น ถ้าเวลาอำนวยและร่างกายยังไหว อาจจะได้ต่อได้เติม เรื่องราวจำพวกปัญหาที่เกิดทยอยมาระยะนี้ แสดงชัดถึงสภาพของพุทธบริษัท ที่คนไทยเหินห่างจากเนื้อตัวของพระพุทธศาสนา ขาดความรู้หลักธรรมวินัย ไม่รู้จักคำพระคำวัดที่พูดจาคุ้นกันมาจนกลายเป็นคำพูดสามัญในสังคมไทย มีแต่ความเข้าใจผิดพลาดเพี้ยนกันไป เมื่อมีเรื่องจำพวกปัญหาเกิดขึ้น ถ้าไม่ถึงกับหลงไปตามเขา ก็มองไม่ออก ตัดสินไม่ได้ จำเป็นต้องรีบตื่นกันขึ้นมา ข้อสำคัญที่สุดอยู่ที่ต้องหาต้องให้ ความรู้เข้าใจที่ถูกต้อง คือต้องศึกษา เมื่อรู้เข้าใจเพียงพอแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นมา ก็สามารถพิจารณา มองออกและบอกได้ทันที หนังสือ รู้จักพระไตรปิฎก ให้ชัด ให้ตรง นี้ มิใช่จะตอบโต้ใคร แต่มุ่งรักษาประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ อย่างน้อยให้ปลอดพ้นความรู้ผิดเข้าใจพลาดที่เป็นภัยสำคัญ หลายอย่างคงจะยากสักหน่อย แต่ว่าด้วยเรื่องที่จำ เป็นต้องรู้ เพื่อมีคุณสมบัติสมกับที่ได้นับถือพระพุทธศาสนา จึงพึงอดทนศึกษา เหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นพุทธศาสนิกชน
ผู้เขียน
12 มีนาคม 2558
“.........สำหรับกรณีนี้ เรื่องก็ไม่ยากนัก
ต้องชัดแก่ตน ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นว่า จะถือเป็นมาตรฐานตัดสินได้จริง ต้องใช้พระไตรปิฎกบาลี ผู้ที่ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา สั่งสอนพระธรรมวินัย ควรรู้จักแหล่งอันเป็นที่มาของพระธรรมวินัย ตลอดจนของพระพุทธศาสนาทั้งหมด คือ พระไตรปิฎก ยิ่งทำงานในขั้นที่ถึงพุทธพจน์โดยตรง จะเอาพุทธวจนะ ต้องรู้จักพระไตรปิฎกจริงๆ ไม่ใช่รู้แค่ว่านี่พระไตรปิฎก แต่รู้จักอย่างชัดเจนว่า พระไตรปิฎกฉบับไหนคือแค่ไหน เป็นอย่างไร อย่างน้อย เรารู้เห็นกันอยู่ว่า ในประเทศไทย มีพระไตรปิฎกที่พิมพ์ที่ใช้กันอยู่ 2 อย่าง คือ พระไตรปิฎกภาษาบาลี (มักเรียกสั้นๆ ให้ง่ายว่า พระไตรปิฎกบาลี) และ พระไตรปิฎกภาษาไทย
แน่นอนว่า พระไตรปิฎกที่แท้ต้องคืออันใดอันหนึ่ง อย่างเดียวแรกสุด ก่อนจะเดินหน้าไปไหน จึงตอบคำถามนี้ก่อนว่า พระไตรปิฎกภาษาบาลีแปลจากพระไตรปิฎกภาษาไทย หรือว่าพระไตรปิฎกภาษาไทยแปลจากพระไตรปิฎกภาษาบาลี แทบทุกคนตอบได้ทันทีว่า พระไตรปิฎกภาษาไทยแปลจากพระไตรปิฎกภาษาบาลี เพราะฉะนั้น พระไตรปิฎกภาษาบาลีจึงเป็นของเดิม เป็นตัวแท้ เป็นพระไตรปิฎกตัวจริง แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ภาษาบาลีพอที่จะอ่านจะใช้ประโยชน์ได้ จึงมีการพยายามทำให้มีคำแปลพระไตรปิฎกในภาษาไทย
อย่างไรก็ดี พระไตรปิฎกนี้ใหญ่โตนัก เป็นหน้าหนังสือนับได้กว่า 20,000 หน้า พระเถรานุเถระและนักปราชญ์ราชบัณฑิตแปลกันมาๆ ทั้งที่พระไตรปิฎกบาลีมีในเมืองไทยคู่ประเทศมาแสนนาน แต่เพิ่งแปลเป็นภาษาไทยนับว่าจบพิมพ์เป็นเล่มหนังสือได้ครบชุดเมื่อผ่าน พ.ศ.2500 นี้เอง และนี่คือเสร็จงานในขั้นแปลจบ ให้เราได้มีพระไตรปิฎก (ฉบับแปล) ภาษาไทย
ทั้งนี้ โดยต้องยอมรับความจริงว่า งานตรวจชำระสอบทานแก้ไขคำแปล เป็นกระบวนการที่ยังจะต้องดำเนินต่อไป.........”
http://www.alittlebuddha.com/html/Special%20Event/Buddhavajana.html