ทำไมดูเหมือนรถ EV มันไม่ค่อยมี barrier to entry เหมือนกับรถสันดาป

เห็นข่าวว่ามีหลายบริษัทโดดลงมาทำ EV กันเยอะมาก ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ลงมาเล่นกันหมดแม้แต่ไทยเองก็ร่วมวงกะเค้าด้วย จนดูเหมือนว่าใครๆมันก็ทำกันได้หมดเลย เพราะอะไรครับ หรือพอเป็นไฟฟ้าแล้วความซับซ้อนของระบบมันก็ไม่มีอีกต่อไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มองว่า ตัดเรื่องความซับซ้อนเครื่องยนต์ ก็ยังมีพวก การทรงตัว ความแข็งแรง ช่วงล่าง การเกาะถนน การเลี้ยงโค้ง ขึ้น/ลง เขา การทำสี ความทนทาน การดูแลรักษาซ่อมบำรุง  และ อีกหลายจุดที่ ยี้ห้อที่เกิดมานานไม่ใช่เก่งแค่เครื่องยนต์ แต่ประสบการณ์ด้านอื่นๆ จะมีสูงมาก
ยี้ห้อเกิดใหม่ สิ่งที่กลัว คือ วิ่งไปล้อหลุด น็อตหาย พวกมาลัยไม่ตรง มุมเลี้ยวแปลก จอดในบ้านไฟลัดวงจรไหม้ทั้งบ้าน บริการหลังการขาย
หลุด QC  รอซ่อมนาน เป็นต้น ยี้ห้อใหม่ ราคาถูก กลัวจะเหมือนรถกอล์ฟ มาแต่งให้สวยขึ้นแล้วขาย
ความคิดเห็นที่ 5
Barrier of entry ของรถไฟฟ้าน้อยกว่ารถเครื่องสันดาปแน่นอนอยู่แล้ว จากความซับซ้อนที่น้อยกว่า มันก็เลยเกิด start-up เยอะแยะขึ้นในตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ยิ่งมีบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ เช่น Foxconn (ที่ ปตท. ไปร่วมทุน) หรือแม้แต่ Sony ที่ประกาศจะทำแพลตฟอร์มรถไฟฟ้ามาขาย ก็ยิ่งทำให้ barrier of entry น้อยลงไปอีก

ถ้ารูปแบบนี้สำเร็จ มันก็แทบจะเหมือนโทรศัพท์มือถือ Android ที่ใครอยากจะทำรถไฟฟ้าขายก็ไปซื้อแพลตฟอร์มกับบริษัทเทคพวกนี้ ซึ่งมันจะพร้อมโครงรถ กับ software ที่เหลือก็แค่ออกแบบตัวรถภายนอกภายในไปครอบแล้วก็เลือกขนาดมอเตอร์ขนาดแบต ก็แทบจะขายได้แล้ว
ความคิดเห็นที่ 1
เอาความประหยัดเป็นตัวตัดสินใจซื้อ ทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาขายได้
วันไหน ยี่ห้อไหนที่ทำรถออกมามีประสิทธิภาพ ความทนทาน ซ่อมง่าย ตอนนั้นจะเหลือแค่ไม่กี่บริษัทที่คนนิยม
แล้วรถยี่ห้อแปลกๆก็จะหายไปจากตลาดเอง  เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อจีนมีเป็นร้อย  ตอนนี้เหลือไม่กี่เจ้าที่คนยอมรับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่