นับถอยหลังบ่าย 2 ข้อเรียกร้องไม่เข้า ครม. ม็อบชาวนาโกนหัว-อดข้าว เยาวชนแจม โดนตามถ่ายรูป
https://www.matichon.co.th/politics/news_3245974
นับถอยหลังบ่าย 2 ข้อเรียกร้องไม่เข้า ครม. ม็อบชาวนาโกนหัว-อดข้าว เยาวชนแจม โดนตามถ่ายรูป
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม สืบเนื่องจากกรณีม็อบชาวนาประกาศโกนศีรษะ อดอาหาร หากรัฐบาลไม่นำเรื่องการช่วยเหลือหนี้สินเกษตรกรเข้า ครม.ภายในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 บริเวณเลียบคลอง เมื่อเวลาเวลา 08.50 น. ผู้ชุมนุมจับกลุ่มพูดคุยในประเด็นต่างๆ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด
ผู้ชุมนุมรายหนึ่งจาก จ.นครสวรรค์ ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้มีรายชื่อการโกนหัว-อดอาหารไม่ต่ำกว่า 30 คน
ต่อมาเวลา 09.00 น. ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งออกเดินทางไปทำสัญญาใหม่ ที่กองทุนฟื้นฟูฯ สำนักงานใหญ่ ข้างวัดเสมียนนารี เป็นวันที่ 3 โดยเป็นแค่ส่วนหนึ่งของผู้ชุมนุมที่ได้รับการจัดการหนี้ จากการซื้อหนี้ โดยส่งแค่เงินต้นและไม่เสียดอกเบี้ย ซึ่งเป็นส่วนของธนาคารเอกชนที่ส่วนใหญ่เป็นหนี้ของสหกรณ์การเกษตรฯ และอื่นๆ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น ทำให้ประชุมบอร์ดได้ง่าย และขายหนี้กับกองทุนได้
นาย
เกรียงศักดิ์ อริยะฉัตรชัย ผู้ประสานงานเครือข่าย กล่าวว่า ตอนนี้มีการทำสัญญาใหม่แล้ว โดยจะมีการเดินทางไปยื่นเอกสารเพื่อทำสัญญาใหม่ แบ่งไปทีละจังหวัด วันนี้จะเดินทางไปประมาณ 9 จังหวัด ซึ่งเรื่องที่จะเข้า ครม.วันนี้เป็นส่วนของธนาคารของรัฐ 4 แห่ง
“ตอนนี้เจ้าหนี้อ้างว่าเป็นธนาคารของรัฐ เขาต้องอาศัยมติ ครม.ถึงจะขายหนี้ให้กองทุนได้ ที่ติดปัญหาอยู่ ตอนแรกคิดว่าเป็นธนาคารของรัฐจะง่าย แต่เขาจะอ้างว่าต้องมีกฎ มีระเบียบอะไรของเขา” นาย
เกรียงศักดิ์กล่าว
ด้านนาง
ปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ ผู้ประสานงานเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ลำบากขนาดนี้แล้วถ้ายังไม่เห็นด้วย กระทรวงการคลังต้องการทบทวนกับเราว่าเพราะอะไร ต้องมาชี้แจงให้ชัดเจน แต่เราก็ยังหวังว่ามันน่าจะผ่าน แต่ถ้ายังไม่ผ่าน ชาวบ้านต้องมาคิดหนัก ทุกคนมาแบบมีความหวัง ที่ผ่านมาเราให้เกียรติทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
“เรารออย่างสงบ เราให้เวลารัฐบาลที่จะเสนอเรื่องเข้า ครม. เราให้เวลาทำงานนานที่สุดแล้ว 2 เดือนเต็มๆ เราไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย แต่ถ้าวันนี้ทุกคนผิดหวัง ก็เป็นเรื่องของพี่น้องว่าเขาจะลุกขึ้นมาทำอย่างไร ทุกคนมาด้วยความเดือดร้อน ไม่ได้มีใครชักจูงมา เราทำงานประสานงาน เราต้องรองรับความคิดเห็นว่าเขาจะเอาอย่างไร คาดว่าน่าจะเป็นประมาณ 14.00 น.” นาง
ปิ่นแก้วกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. มีตำรวจนอกเครื่องแบบถ่ายภาพนักศึกษากลุ่ม ‘เยาวชนอาสา’ ขณะทำกิจกรรมโพลโหวตเรื่อง “ถ้าคุณเป็นนายจ้าง คุณจะจ้างรัฐบาลต่อหรือไม่” โดยทั้งหมดกาในช่อง ไม่จ้างต่อ ด้วยปากกาเมจิกสีแดง
S&P หั่นเครดิต 4 แบงก์ไทย เหตุจากความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้น
https://www.thansettakij.com/money_market/518297
S&P ปรับลดเครดิตเรตติ้ง 4 ธนาคาร “ไทยพาณิชย์-กสิกรไทย- กรุงไทย-ทีเอ็มบีธนชาต” เหตุจากความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้น พร้อมคาดการณ์ ยอดหนี้เสีย (NPL)ในภาคธนาคารของไทยจะขยับขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า จนแตะระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 4 ไทย วันนี้ (22 มี.ค.) ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต เนื่องจากคาดว่าความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคารเหล่านี้
โดย S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทยลงสู่ระดับ BBB จากระดับ BBB+ พร้อมกับปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงไทย และธนาคารทีเอ็มบีธนชาต จากระดับ BBB ลงสู่ระดับ BBB-
ขณะเดียวกัน S&P ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงเทพ ที่ระดับ BBB+ โดยระบุว่า ธนาคารดังกล่าวมีความสำคัญในเชิงระบบในประเทศไทยซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงเทพและธนาคารกรุงศรีอยุธยา
นอกจากนี้ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ระดับ BBB+ โดยระบุว่า ธนาคารได้ประโยชน์จากการเป็นธนาคารในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป
S&P ระบุว่า แม้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง แต่คาดว่ามาตรการเหล่านี้อาจจะทำให้ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาด้านการปล่อยกู้ในภาคธนาคารยืดเยื้อออกไปอีก
S&P ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นไปอย่างเปราะบางและไม่เสมอภาคกันในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากการเดินทางระหว่างประเทศที่ต้องถูกเลื่อนออกไป อันเนื่องมาจากสงครามยูเครน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในภาคธนาคารของไทยจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นในอีก 24 เดือนข้างหน้า จนแตะที่ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
แม้ว่าการปรับโครงสร้างจะช่วยให้การทำธุรกิจดำเนินต่อไปได้ชั่วคราว แต่คาดว่ากลุ่มลูกหนี้ยังต้องพึ่งพาสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ ในช่วงเวลาที่รัฐยังขาดมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลดภาระหนี้สินที่ระดับสูงของภาคครัวเรือน
อย่างไรก็ดี S&P ระบุว่า แนวโน้มของธนาคารไทยยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากธนาคารยังสามารถรักษาฐานเงินทุน และอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยรองรับผลกระทบได้บางส่วน
จับยายวัย 70 ปลูกกัญชา 1 ต้น ยันไว้ต้มกินรักษาโรค โดนขังข้ามคืน
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2347710
ที่บ้านเลขที่ 202 บ้านโคกสูง หมู่ที่ 2 ต.โคกสูง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นาง
มหาเสนา อายุ 70 ปี นาง
บุญเส็ง สิงห์เหิน อายุ 48 ปี และชาวบ้านกว่า 10 คน ได้ร้องเรียนพร้อมแสดงบันทึกการจับกุมโดยไม่มีหมายจับ ของ สภ.อุบลรัตน์ ลงวันที่ 19 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 10.50 น. โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.
ดิเรกฤทธิ์ ปารเรือนแสน ผกก.สภ.อุบลรัตน์ และ พ.ต.ท.
ดรัลพร พรมตู้ รอง ผกก.สส.สภ.อุบลรัตน์ โดยมี พ.ต.ท.
ภานุพงศ์ บุตรสามาลี สว.สส. ร.ต.อ.
ปราศาสตร์ เทาดี รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.ต.
สมหวัง มังกร, ด.ต.
กฤษฎา แก้วพินิจ ร่วมกันจับกุม นาง
มหาเสนา และนาง
บุญเส็ง ของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาสด) ลักษณะเป็นต้น จำนวนคนละ 1 ต้น สูงประมาณ 140 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ปลูกอยู่บริเวณหน้าบ้าน
แจ้งข้อหา
“ผลิต(ปลูก) และมียาเสพติดให้โทษประเภท (กัญชาสด) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการอนุญาตให้ปลูก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการบำบัดรักษา” โดยจับได้ในเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มี.ค. 65 พร้อมส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี
นาง
มหาเสนา เผยว่า ตอนแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจะทำการจับกุมกัญชา มีหลานไปแจ้งที่บ้านเพื่อนอีกหลัง ตนนึกว่ามีคนมาหาเรื่องที่มีการรื้อท่อประปาออกจากที่นา แต่ปรากฏว่าเป็นตำรวจบอกว่า พวกผมเอง และถามว่ากัญชานี่เป็นของยายไหม จึงบอกว่าอยู่ที่หน้าบ้านยายก็ต้องเป็นของยาย ทางตำรวจถามว่า ไม่รู้เหรอว่าผิดกฎหมาย จึงบอกว่า ทราบดี แต่ที่ปลูกก็เพื่อที่จะต้มกินรักษาโรค ซึ่งตัวของยายเองเป็นศูนย์รวมของโรค หลานที่โดนจับข้างบ้านก็เป็นโรค ปลูกไว้นำใบมาต้มกินตอนเช้าเพราะเป็นยาดี
ต่อมาตำรวจได้เชิญตัวขึ้นรถ บอกว่า เดี๋ยวก็กลับมา จึงบอกกับหลานให้รออยู่ที่บ้าน เมื่อถึงโรงพักทางตำรวจไม่ให้ประกันตัว ด้วยความงง ตนจึงเอ่ยปากกับตำรวจว่า หลอกพวกยายมาเข้าคุกเหรอ ทำไมตำรวจหลอกเก่งจัง โดยตำรวจแจ้งสาเหตุว่า ปลูกกัญชาเป็นยาเสพติดเลยไม่ให้ประกันตัว ซึ่งตนก็แย้งว่ามีแค่คนละต้น เมื่อตำรวจไม่ให้ประกันตัว ลูกชายที่เป็นทนายความอยากพูดกับร้อยเวร ตำรวจอ้างว่าไม่คุยด้วย ตนคะยั้นคะยอว่าคุยสักคำสองคำก็ยังดี หลังจากคุยกับลูกชาย ทางร้อยเวรก็ไม่ให้ประกัน ลูกชายเลยถามว่า ต้องการทุนประกันเท่าใด พนักงานสอบสวนบอกว่าไม่ขอคุยด้วย
วันที่ 2 หลังจากข้ามคืนยังนอนอยู่ในห้องควบคุม พนักงานสอบสวนมาบอกว่า ยายจะประกันตัวในวงเงินใช่ไหม ยายตอบว่าใช่ แล้วทำไมไม่พูดว่าจะให้ประกันตั้งแต่เมื่อวาน จนเลยมาอีกวันทำให้พวกตนต้องนอนในคุก จึงออกมาบันทึกข้อความ พร้อมกับประกันตัวคนละ 10,000 บาท เท่ากับว่าตนเองเสียอิสรภาพเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนหนังสือบันทึกการจับกุมตนก็งงว่าลงวันที่ 19 เดือนมกราคม 2565 ซึ่งผ่านมาแล้ว
"ก็แค่ปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการบำบัดรักษาโรคเท่านี้ก็ต้องจับกุมกันขึ้นโรงพัก แถมจะประกันตัวก็ไม่ให้ประกัน ต้องขอความเป็นธรรมจากผู้เกี่ยวข้องด้วย"
ทางด้าน พันโท
ประสาร แสงสว่าง ประธานผู้สมัครอิสานตอนบน พรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย ร.ต.อ.
ประภาส น้อยเลาหะกุล สมาชิกพรรค เผยว่า หลังจากหัวหน้าพรรค คือ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน จึงสั่งการให้มาให้กำลังใจ พร้อมให้การช่วยเหลือในเรื่องคดี เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ต้องหาไม่ส่อไปในทางทำเพื่อการค้า เป็นเพียงเพื่อการบำบัดรักษาโรค.
JJNY : ม๊อบชาวนา เยาวชนโดนถ่ายรูป│S&Pหั่นเครดิต4แบงก์ไทย│จับยายปลูกกัญชา1ต้นไว้รักษาโรค│รัสเซียลั่นสัมพันธ์USใกล้แตกหัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3245974
นับถอยหลังบ่าย 2 ข้อเรียกร้องไม่เข้า ครม. ม็อบชาวนาโกนหัว-อดข้าว เยาวชนแจม โดนตามถ่ายรูป
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม สืบเนื่องจากกรณีม็อบชาวนาประกาศโกนศีรษะ อดอาหาร หากรัฐบาลไม่นำเรื่องการช่วยเหลือหนี้สินเกษตรกรเข้า ครม.ภายในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 บริเวณเลียบคลอง เมื่อเวลาเวลา 08.50 น. ผู้ชุมนุมจับกลุ่มพูดคุยในประเด็นต่างๆ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด
ผู้ชุมนุมรายหนึ่งจาก จ.นครสวรรค์ ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้มีรายชื่อการโกนหัว-อดอาหารไม่ต่ำกว่า 30 คน
ต่อมาเวลา 09.00 น. ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งออกเดินทางไปทำสัญญาใหม่ ที่กองทุนฟื้นฟูฯ สำนักงานใหญ่ ข้างวัดเสมียนนารี เป็นวันที่ 3 โดยเป็นแค่ส่วนหนึ่งของผู้ชุมนุมที่ได้รับการจัดการหนี้ จากการซื้อหนี้ โดยส่งแค่เงินต้นและไม่เสียดอกเบี้ย ซึ่งเป็นส่วนของธนาคารเอกชนที่ส่วนใหญ่เป็นหนี้ของสหกรณ์การเกษตรฯ และอื่นๆ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น ทำให้ประชุมบอร์ดได้ง่าย และขายหนี้กับกองทุนได้
นายเกรียงศักดิ์ อริยะฉัตรชัย ผู้ประสานงานเครือข่าย กล่าวว่า ตอนนี้มีการทำสัญญาใหม่แล้ว โดยจะมีการเดินทางไปยื่นเอกสารเพื่อทำสัญญาใหม่ แบ่งไปทีละจังหวัด วันนี้จะเดินทางไปประมาณ 9 จังหวัด ซึ่งเรื่องที่จะเข้า ครม.วันนี้เป็นส่วนของธนาคารของรัฐ 4 แห่ง
“ตอนนี้เจ้าหนี้อ้างว่าเป็นธนาคารของรัฐ เขาต้องอาศัยมติ ครม.ถึงจะขายหนี้ให้กองทุนได้ ที่ติดปัญหาอยู่ ตอนแรกคิดว่าเป็นธนาคารของรัฐจะง่าย แต่เขาจะอ้างว่าต้องมีกฎ มีระเบียบอะไรของเขา” นายเกรียงศักดิ์กล่าว
ด้านนางปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ ผู้ประสานงานเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ลำบากขนาดนี้แล้วถ้ายังไม่เห็นด้วย กระทรวงการคลังต้องการทบทวนกับเราว่าเพราะอะไร ต้องมาชี้แจงให้ชัดเจน แต่เราก็ยังหวังว่ามันน่าจะผ่าน แต่ถ้ายังไม่ผ่าน ชาวบ้านต้องมาคิดหนัก ทุกคนมาแบบมีความหวัง ที่ผ่านมาเราให้เกียรติทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
“เรารออย่างสงบ เราให้เวลารัฐบาลที่จะเสนอเรื่องเข้า ครม. เราให้เวลาทำงานนานที่สุดแล้ว 2 เดือนเต็มๆ เราไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย แต่ถ้าวันนี้ทุกคนผิดหวัง ก็เป็นเรื่องของพี่น้องว่าเขาจะลุกขึ้นมาทำอย่างไร ทุกคนมาด้วยความเดือดร้อน ไม่ได้มีใครชักจูงมา เราทำงานประสานงาน เราต้องรองรับความคิดเห็นว่าเขาจะเอาอย่างไร คาดว่าน่าจะเป็นประมาณ 14.00 น.” นางปิ่นแก้วกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. มีตำรวจนอกเครื่องแบบถ่ายภาพนักศึกษากลุ่ม ‘เยาวชนอาสา’ ขณะทำกิจกรรมโพลโหวตเรื่อง “ถ้าคุณเป็นนายจ้าง คุณจะจ้างรัฐบาลต่อหรือไม่” โดยทั้งหมดกาในช่อง ไม่จ้างต่อ ด้วยปากกาเมจิกสีแดง
S&P หั่นเครดิต 4 แบงก์ไทย เหตุจากความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้น
https://www.thansettakij.com/money_market/518297
S&P ปรับลดเครดิตเรตติ้ง 4 ธนาคาร “ไทยพาณิชย์-กสิกรไทย- กรุงไทย-ทีเอ็มบีธนชาต” เหตุจากความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้น พร้อมคาดการณ์ ยอดหนี้เสีย (NPL)ในภาคธนาคารของไทยจะขยับขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า จนแตะระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 4 ไทย วันนี้ (22 มี.ค.) ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต เนื่องจากคาดว่าความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคารเหล่านี้
โดย S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทยลงสู่ระดับ BBB จากระดับ BBB+ พร้อมกับปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงไทย และธนาคารทีเอ็มบีธนชาต จากระดับ BBB ลงสู่ระดับ BBB-
ขณะเดียวกัน S&P ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงเทพ ที่ระดับ BBB+ โดยระบุว่า ธนาคารดังกล่าวมีความสำคัญในเชิงระบบในประเทศไทยซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงเทพและธนาคารกรุงศรีอยุธยา
นอกจากนี้ ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ระดับ BBB+ โดยระบุว่า ธนาคารได้ประโยชน์จากการเป็นธนาคารในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป
S&P ระบุว่า แม้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง แต่คาดว่ามาตรการเหล่านี้อาจจะทำให้ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาด้านการปล่อยกู้ในภาคธนาคารยืดเยื้อออกไปอีก
S&P ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นไปอย่างเปราะบางและไม่เสมอภาคกันในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากการเดินทางระหว่างประเทศที่ต้องถูกเลื่อนออกไป อันเนื่องมาจากสงครามยูเครน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า เงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในภาคธนาคารของไทยจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นในอีก 24 เดือนข้างหน้า จนแตะที่ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
แม้ว่าการปรับโครงสร้างจะช่วยให้การทำธุรกิจดำเนินต่อไปได้ชั่วคราว แต่คาดว่ากลุ่มลูกหนี้ยังต้องพึ่งพาสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ ในช่วงเวลาที่รัฐยังขาดมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลดภาระหนี้สินที่ระดับสูงของภาคครัวเรือน
อย่างไรก็ดี S&P ระบุว่า แนวโน้มของธนาคารไทยยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากธนาคารยังสามารถรักษาฐานเงินทุน และอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยรองรับผลกระทบได้บางส่วน
จับยายวัย 70 ปลูกกัญชา 1 ต้น ยันไว้ต้มกินรักษาโรค โดนขังข้ามคืน
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2347710
ที่บ้านเลขที่ 202 บ้านโคกสูง หมู่ที่ 2 ต.โคกสูง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นางมหาเสนา อายุ 70 ปี นางบุญเส็ง สิงห์เหิน อายุ 48 ปี และชาวบ้านกว่า 10 คน ได้ร้องเรียนพร้อมแสดงบันทึกการจับกุมโดยไม่มีหมายจับ ของ สภ.อุบลรัตน์ ลงวันที่ 19 เดือนมกราคม พ.ศ.2565 เวลา 10.50 น. โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ดิเรกฤทธิ์ ปารเรือนแสน ผกก.สภ.อุบลรัตน์ และ พ.ต.ท.ดรัลพร พรมตู้ รอง ผกก.สส.สภ.อุบลรัตน์ โดยมี พ.ต.ท.ภานุพงศ์ บุตรสามาลี สว.สส. ร.ต.อ.ปราศาสตร์ เทาดี รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.ต.สมหวัง มังกร, ด.ต.กฤษฎา แก้วพินิจ ร่วมกันจับกุม นางมหาเสนา และนางบุญเส็ง ของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาสด) ลักษณะเป็นต้น จำนวนคนละ 1 ต้น สูงประมาณ 140 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ปลูกอยู่บริเวณหน้าบ้าน
แจ้งข้อหา “ผลิต(ปลูก) และมียาเสพติดให้โทษประเภท (กัญชาสด) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการอนุญาตให้ปลูก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการบำบัดรักษา” โดยจับได้ในเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มี.ค. 65 พร้อมส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี
นางมหาเสนา เผยว่า ตอนแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจะทำการจับกุมกัญชา มีหลานไปแจ้งที่บ้านเพื่อนอีกหลัง ตนนึกว่ามีคนมาหาเรื่องที่มีการรื้อท่อประปาออกจากที่นา แต่ปรากฏว่าเป็นตำรวจบอกว่า พวกผมเอง และถามว่ากัญชานี่เป็นของยายไหม จึงบอกว่าอยู่ที่หน้าบ้านยายก็ต้องเป็นของยาย ทางตำรวจถามว่า ไม่รู้เหรอว่าผิดกฎหมาย จึงบอกว่า ทราบดี แต่ที่ปลูกก็เพื่อที่จะต้มกินรักษาโรค ซึ่งตัวของยายเองเป็นศูนย์รวมของโรค หลานที่โดนจับข้างบ้านก็เป็นโรค ปลูกไว้นำใบมาต้มกินตอนเช้าเพราะเป็นยาดี
ต่อมาตำรวจได้เชิญตัวขึ้นรถ บอกว่า เดี๋ยวก็กลับมา จึงบอกกับหลานให้รออยู่ที่บ้าน เมื่อถึงโรงพักทางตำรวจไม่ให้ประกันตัว ด้วยความงง ตนจึงเอ่ยปากกับตำรวจว่า หลอกพวกยายมาเข้าคุกเหรอ ทำไมตำรวจหลอกเก่งจัง โดยตำรวจแจ้งสาเหตุว่า ปลูกกัญชาเป็นยาเสพติดเลยไม่ให้ประกันตัว ซึ่งตนก็แย้งว่ามีแค่คนละต้น เมื่อตำรวจไม่ให้ประกันตัว ลูกชายที่เป็นทนายความอยากพูดกับร้อยเวร ตำรวจอ้างว่าไม่คุยด้วย ตนคะยั้นคะยอว่าคุยสักคำสองคำก็ยังดี หลังจากคุยกับลูกชาย ทางร้อยเวรก็ไม่ให้ประกัน ลูกชายเลยถามว่า ต้องการทุนประกันเท่าใด พนักงานสอบสวนบอกว่าไม่ขอคุยด้วย
วันที่ 2 หลังจากข้ามคืนยังนอนอยู่ในห้องควบคุม พนักงานสอบสวนมาบอกว่า ยายจะประกันตัวในวงเงินใช่ไหม ยายตอบว่าใช่ แล้วทำไมไม่พูดว่าจะให้ประกันตั้งแต่เมื่อวาน จนเลยมาอีกวันทำให้พวกตนต้องนอนในคุก จึงออกมาบันทึกข้อความ พร้อมกับประกันตัวคนละ 10,000 บาท เท่ากับว่าตนเองเสียอิสรภาพเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนหนังสือบันทึกการจับกุมตนก็งงว่าลงวันที่ 19 เดือนมกราคม 2565 ซึ่งผ่านมาแล้ว
"ก็แค่ปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการบำบัดรักษาโรคเท่านี้ก็ต้องจับกุมกันขึ้นโรงพัก แถมจะประกันตัวก็ไม่ให้ประกัน ต้องขอความเป็นธรรมจากผู้เกี่ยวข้องด้วย"
ทางด้าน พันโท ประสาร แสงสว่าง ประธานผู้สมัครอิสานตอนบน พรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย ร.ต.อ.ประภาส น้อยเลาหะกุล สมาชิกพรรค เผยว่า หลังจากหัวหน้าพรรค คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน จึงสั่งการให้มาให้กำลังใจ พร้อมให้การช่วยเหลือในเรื่องคดี เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ต้องหาไม่ส่อไปในทางทำเพื่อการค้า เป็นเพียงเพื่อการบำบัดรักษาโรค.