JJNY : ติดเชื้อ21,382 เสียชีวิต83│จับตาน้ำมันไทยอาจปรับขึ้นอีก│‘ปริญญา’ชี้หมายจับโรมออกโดยมิชอบ│ชำแหละไฟฟ้าแพง 2กลุ่มรวย

ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 21,382 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวใน รพ. 1,484 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 83 คน
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3245589
 
 
ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 21,382 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวใน รพ. 1,484 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 83 คน

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 22 มี.ค.65 รวม 21,382 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 21,324 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 58 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,175,357 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) สำหรับผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) เพิ่ม 13,220 ราย สะสม 1,266,480 ราย

หายป่วยกลับบ้าน 24,824 ราย หายป่วยสะสม 969,067 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 236,814 ราย เสียชีวิต 83 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,484 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 19 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 25.7 ผู้ป่วยใช้ท่อช่วยหายใจ 532 ราย

ขณะที่ 11 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุด อันดับ 1 ยังเป็นกรุงเทพฯ 2.ชลบุรี 3.นครศรีธรรมราช 4.สมุทรปราการ 5.นครราชสีมา 6.สมุทรสาคร 7.ร้อยเอ็ด 8.ระยอง 9.นครปฐม 10.บุรีรัมย์ และ 11.ฉะเชิงเทรา



ขึ้นอีก! ราคาน้ำมันโลก ดีดสูงกว่า 7% จับตาน้ำมันไทยอาจปรับขึ้นอีก
https://ch3plus.com/news/economy/morning/283763

วานนี้ (8 มี.ค. 65) มีการประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน 60 สตางค์/ลิตร โดยราคาน้ำมันเช้านี้ ตั้งแต่ตีห้าที่ผ่านมา มีดังนี้ 

ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน 60 สตางค์/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมัน มีดังนี้
• เบนซิน : 46.76 บาท/ลิตร
• แก๊สโซฮอล์ 95 : 39.35 บาท/ลิตร
• แก๊สโซฮอล์ 91 : 39.08 บาท/ลิตร
• E 20 : 38.42 บาท/ลิตร
• E 85 : 31.54 บาท/ลิตร

ราคาน้ำมันกลุ่มดีเซล ไม่เพิ่มราคา เพราะมีการตรึงราคาไว้ ไม่ให้เกิน 30.00 บาท/ลิตร
• ดีเซลพรีเมียม : 35.69 บาท/ลิตรดีเซล B 7 : 29.94 บาท/ลิตร
• ดีเซล : 29.94 บาท/ลิตร
• ดีเซล B 20 : 29.94 บาท/ลิตร

ด้าน ราคาน้ำมันโลกก็ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มมากกว่า 7% เหตุจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการประชุมของ EU เรื่องคว่ำบาตรการซื้อพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งมีหลายประเทศที่เห็นด้วยในการคว่ำบาตร ส่วนบางประเทศอย่างเยอรมนี เป็นประเทศที่ออกมาคัดค้านอย่างเต็มตัว เนื่องจากมองว่าขนาดยังไม่คว่ำบาตรเต็ม 100% ยังทำให้ราคาพลังงานแพงขนาดนี้ ถ้าคว่ำบาตรเต็มตัว จะส่งผลให้ราคาพลังงานแพงกว่านี้ และมีผลกระทบต่อประชาชนมากกว่าเดิม ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
 
• ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 7.42 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 112.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
• ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 7.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 115.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
• น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.21 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 136.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

ด้าน ราคาทองคำ โกลด์ฟิวเจอร์ ปรับขึ้น 0.75% ปิดที่ 1,935.20 ดอลลาร์/ออนซ์
 


‘ปริญญา’ ชี้หมายจับโรม คดีป่ารอยต่อ ออกโดยมิชอบ นอกจากตร. ‘บิ๊กตู่’ ต้องรับผิดชอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3245504

‘ปริญญา’ ชี้หมายจับ ‘โรม’ คดีป่ารอยต่อ ออกโดยมิชอบ นอกจากตร. ‘บิ๊กตู่’ คุมสตช.ต้องรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง ปัญหาหมายจับ ที่ออกโดยไม่มีเหตุจำเป็น กรณีรังสิมันต์ โรม ผ่านเฟซ บุ๊ก ส่วนตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้

“การที่รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้าน ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลตามระบบรัฐสภา โดนออกหมายจับในข้อหา หมิ่นประมาทมูลนิธิป่ารอยต่อฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ซึ่งเป็นประธานกรรมการมูลนิธินั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่แล้วว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการโดยตัวเองหรือถูกสั่งการมาอย่างไรหรือไม่
 
พอมีการออกหมายจับ ส.ส.รังสิมันต์ในข้อหานี้ ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ได้หนีไปไหน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ในที่สาธารณะมีคนพบคนเห็นสม่ำเสมอ จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งน่าสงสัยในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจหนักเข้าไปอีก คำถามคือ ทำไมต้องออกหมายจับ?

การออกหมายจับแบบนี้ถูกต้องหรือไม่อย่างไร เราต้องไปดู ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งบัญญัติเรื่อง การออกหมายจับ ไว้ในมาตรา 66 ดังนี้ครับ
 
“มาตรา 66 เหตุที่จะออกหมายจับได้มีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้ทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี หรือ
(2) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้ทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น
 
ถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี”
 
เราจะเห็นได้ว่า เหตุในการออกหมายจับมี 2 เหตุ โดยกฎหมายใช้คำว่า “หรือ” แปลว่าเข้าเพียงแค่เหตุหนึ่งเหตุใดก็ได้ ดังนั้น แม้ความผิดฐานหมิ่นประมาทที่กระทำโดยมีการกระจายเสียง (เพราะในขณะอภิปรายมีการถ่ายทอด) จะมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี จึงไม่เข้าเหตุตามวงเล็บ (1) ที่ต้องมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี แต่ก็ยังอาจจะออกหมายจับได้ถ้าเข้าวงเล็บ (2) คือ “มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น” ทั้งนี้หาก “ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร” มาตรา 66 ววรคสองก็ให้ “สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี”
 
ตามข้อเท็จจริงที่ผมอ่านจากข่าว ส.ส.รังสิมันต์ ไม่ได้ไปตามหมายเรียกในครั้งแรก แต่ในขณะนั้นอยู่ระหว่างสมัยประชุม ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ไม่ให้ออกหมายเรียกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระหว่างสมัยประชุม รังสิมันต์จึงมีข้อแก้ตัวอันควร ซึ่งจริงๆ แล้วหมายเรียกครั้งแรกไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงเท่ากับไม่มีหมายเรียกเลยด้วยซ้ำ
  
สำหรับหมายเรียกครั้งที่สอง ซึ่งออกหลังปิดสมัยประชุมสภา ตามข่าวที่ทราบแม้ว่า ส.ส.รังสิมันต์ จะไม่ได้ไป แต่ก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า ติดภารกิจในฐานะ ส.ส. จึงถือ “มีข้อแก้ตัวอันควร” แล้ว โดยหลักแล้วก็ต้องนัดกันใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถือว่า “จะหลบหนี” จนเป็นเหตุในการออกหมายจับทันทีไม่ได้ และที่สำคัญคือมาตรา 66 วรรคสองใช้คำว่า “ให้สันนิษฐาน” ว่า “จะหลบหนี” นั่นคือหักล้างได้ด้วยข้อเท็จจริงหรือการแสดงตนว่าไม่ได้หลบหนี และก็มีข้อแก้ตัวอันควรแล้ว
 
การออกหมายจับโดยอ้างว่าไม่มาตามหมายเรียกจึงถือว่าหลบหนี ทั้งๆ ที่เขาแจ้งเหตุผลอันรับฟังได้แล้ว จึงไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง จนถือว่า ใช้อำนาจโดยมิชอบ ได้เลยครับ
 
ปกติตำรวจเขาก็ไม่ทำกันแบบนี้ ที่ทำกันนี่คือไม่ปกติ ถามว่าแล้วใครจะต้องรับผิดชอบ? นอกจาก สน.บางขุนนนท์ และผู้บังคับบัญชาที่สั่งการมาแล้ว ผมเห็นว่า ผู้บังคับบัญชาใหญ่สุดคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น ผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตาม พรบ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 6 ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นและไม่รับผิดชอบได้
 
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะ ส.ส.ที่เห็นต่างจากรัฐบาลยังโดนกระทำแบบนี้ได้ แล้วคนทั่วไปที่เห็นต่างกับรัฐบาลจะเป็นอย่างไร? ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด หาไม่แล้วคนก็จะนึกไปว่า ท่านนายกฯ หรือท่านรองนายกฯ เป็นคนสั่งตำรวจให้ทำแบบนี้ และคนก็จะยิ่งเชื่อว่ารัฐบาลใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการตั้งข้อหาและจับกุมผู้เห็นต่างจริงๆ ครับ
 
และที่จะละเลยไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ ทำไมศาลท่านจึงอนุญาตให้ออกหมายจับ? ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 ประกาศใช้เป็นต้นมา การออกหมายจับต้องไปขอศาล เพื่อให้ศาลปกป้องสิทธิประชาชนไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับโดยไม่จำเป็น หรือ ใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการฝ่ายตรงข้าม กรณีนี้ศาลท่านตรวจสอบแล้วหรือไม่ว่า มีเหตุจำเป็นถึงขนาดออกหมายจับจริงๆ หรือ? ผมเห็นว่า ก็ควรต้องไปติดตามดูด้วยว่าหมายจับแบบนี้ศาลท่านให้ออกมาได้อย่างไร หรือมีเหตุผลอย่างไรครับ
 
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ออกหมายจับโดยไม่จำเป็นแบบนี้อีก ไม่ว่ากับประชาชน หรือ ส.ส. ไม่ว่าฝ่ายไหน หรือว่ากับใครครับ”

https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/5166887860021777
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่