JJNY : ค่าไฟมีโอกาสขึ้นอีก│หอฯชี้สงกรานต์ไม่กระตุ้นศก.│“ลูกนัท”เชียร์สุดตัว“อุ๊งอิ๊ง”│ต้านสงคราม ทำให้ชาวรัสเซียเสียงาน

เลขา กกพ.ยอมรับแนวโน้มค่าไฟฟ้ามีโอกาสปรับขึ้นอีกตามต้นทุนราคาพลังงานที่ยังพุ่งไม่หยุด
https://www.one31.net/news/detail/53951
 
 
เลขา กกพ.ยอมรับแนวโน้มค่าไฟฟ้ายังปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน เหตุต้นทุนพลังงานสูงขึ้นทุกปี ประกอบผลกระทบสงครามรัสเซีย - ยูเครน

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลต่อวิกฤติราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ราคาเชื้อเพลิงทั้งก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันปรับตัวสูงต่อเนื่อง
 
ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมุติฐานการประมาณการค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์การใช้ก๊าซ LNG เพิ่มเติม ทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลงในช่วงเปลี่ยนผ่านของผู้รับสัมปทานรายใหม่ในแหล่งก๊าซเอราวัณ

ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ 60% ส่วนอีก 40% เป็นเชื้อเพลิงอื่นๆ ซึ่งเชื้อเพลิงอื่นก็ขึ้นราคา แต่ LNG ปรับขึ้นมากกว่า ดังนั้นตอนนี้จึงต้องมองในระยะยาวว่า LNG จะปรับลดลงหรือไม่  หากราคาก๊าซ LNG ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางสำนักงาน กกพ. ก็มีความจำเป็นจะต้องปรับขึ้นค่าไฟฟ้าตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบ 
 
ในช่วง 2 ปีนี้ ยังต้องต้องดูว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะยุติหรือไม่ หากยุติแล้วราคาน้ำมันจะปรับตัวลงด้วยหรือไม่ ถ้าลงมาราว 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในขณะที่ราคาLNG ยังแพงอยู่ ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้นำมันได้ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันคงไม่ลงมาอยู่ในระดับต่ำเหมือนอดีต จะได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่หากทั้งราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแพงทั้งคู่ ก็ต้องมาพิจารณาและเลือกใช้ตัวที่ถูกที่สุด  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตลาดโลกและสถานการณ์

“ต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มทุกขึ้นทุกปี แม้ว่าไม่มีสงครามราคาก๊าซก็เพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้ว เนื่องจากปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลง ต้องนำเข้าก๊าซเข้ามามากขึ้น แต่เมื่อมีสงครามต้นทุนก็ยิ่งมากขึ้น ทางกกพ. ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามบริหารจัดการ โดยทำโครงสร้างให้สามารถเลือกเชื้อเพลิงให้ราคาถูกที่สุด และเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้า และผู้ใช้ก๊าซ” เลขากกพ.กล่าว
 
ส่วนความคืบหน้าการเปิดเสรีพลังงาน ที่ผ่านมาทางสำนักงาน กกพ. ได้เดินหน้าเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติระยะที่ 2  ไประดับหนึ่งแล้ว โดย กกพ. พยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งรายเก่าและรายใหม่ โดยเสนอวิธีการเกลี่ยเฉลี่ยกันทั้งหมด คาดว่าในอนาคตการเปิดเสรีก็จะใช้แนวทางนี้ไประยะหนึ่ง จากนั้นก็จะศึกษาปรับปรุงนโยบายเพื่อไปสู่การเปิดเสรีก๊าซ ในระยะที่ 3 หรือไม่

“การผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันเราอิงก๊าซธรรมชาติ เป็นส่วนใหญ่  จึงต้องดูว่าในอนาคต เรายังจะยังพึ่งพิงก๊าซธรรชาติต่อไปหรือไม่ แต่ขณะเดียวกันในอ่าวไทยมีก๊าซธรรมชาติปริมาณลดลง นั่นหมายถึงเราต้องพึ่งพิง LNG มากขึ้น ก็อาจจะต้องมีการวางแผนบริหารจัดการ ทั้งในระยะสั้นและระยาวควบคู่กันไป เช่น เรื่องถังเก็บ เพียงพอหรือไม่  เพราะจะได้ประโยชน์ในช่วงที่ LNG ราคาต่ำก็จะได้ซื้อเก็บไว้ก่อน อันนี้เป็นการมองภาพกว้างในระยะยาว เพราะการสร้างถังเก็บ 1ถังต้องใช้เวลาถึง 3 ปี  แต่ทั้งนี้คุณภาพ LNG กับก๊าซในอ่าว ไม่เหมือนกัน การผสมก็ได้คุณภาพแค่ระดับหนึ่ง ดังนั้นจะต้องมีการปรับคุณภาพ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับผู้ใช้ก๊าซ ก๊าซในอ่าวขาด จึงต้องนำเข้า LNG การเปิดเสรีก๊าซ ระยะที่2 ส่วนใหญ่ผู้เล่นจัดหา LNG ให้กับโรงไฟฟ้าตนเองหรือใช้ในภาคอุตสาหกรรม หรือ กิจการของตนเอง ถ้ารายที่ดิวไว้ก่อน ทำสัญญาระยะยาว ตั้งแต่ช่วงที่ราคายังไม่สูง ก็ถือว่าได้เปรียบมาก  เนื่องจากช่วงนี้น้ำมันแพงก๊าซก็แพง” เลขาฯกกพ.กล่าว


 
โควิดโคราชไม่ลด หอฯชี้สงกรานต์ไม่กระตุ้นศก.
https://www.innnews.co.th/news/local/news_309567/
 
โควิดโคราชยังไม่ลด ประธานหอฯ ชี้จัดสงกรานต์ห้ามสาดน้ำ ไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะรัฐเติมเงินคนละครึ่ง-เที่ยวด้วยกัน จะดีกว่า
  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด 19 ของจังหวัดนครราชสีมา ล่าสุดวันนี้(21 มีนาคม 2565) พบว่า รพ.หลัก อย่างเช่น รพ.มหาราชฯ รพ.เทพรัตน์ , รพ.ค่ายสุรนารี และ รพ.ปากช่องนานา จัดเตียงรองรับผู้ป่วยหนักเคสสีแดง เอาไว้ 282 เตียง ซึ่งมีผู้ป่วยครองเตียงอยู่ 257 เตียง ใกล้จะเต็มแล้ว เหลือเตียงว่างแค่ 25 เตียงเท่านั้น
  
ส่วนเตียงรองรับผู้ป่วยอาการปานกลาง เคสสีเหลือง ใน รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชน รพ.เอกชน และ รพ.นอกสังกัด รวม 41 แห่ง จำนวน 2,500 เตียง ปิดใช้งานจำนวน 2,277 เตียง พบว่า มีผู้ป่วยครองเตียงอยู่ 1,748 เตียง คงเหลือ 529 เตียง
 
ในขณะที่ รพ.สนาม จำนวน 4 แห่ง รองรับผู้ป่วยเคสสีเขียว ได้แก่
• รพ.สนามภายใน สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
• รพ.สนาม ค่ายสุรนารี
• รพ.สนาม พัน สธ.22
• รพ.สนาม บุษราคัม ปากช่อง
 
มีจำนวนเตียงรวม 547 เตียง เปิดใช้จำนวน 397 เตียง ซึ่งมีผู้ป่วยครองเตียงอยู่ 283 เตียง เหลือเตียงว่าง 114 เตียง
  
ส่วนเตียง CI สถานแยกกักในชุมชน มีอยู่ 255 แห่ง จำนวน 8,200 เตียง เปิดใช้ 192 แห่ง จำนวน 5,645 เตียง ตอนนี้มีผู้ป่วยเคสสีเขียว ครองเตียงอยู่ 1,858 เตียง คงเหลือเตียงว่าง 3,787 เตียง
  
โดยโรงพยาบาลสนาม ที่อาคารลิปตพัลลภ ฮอลล์ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวอยู่ 147 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยชาย 69 ราย ผู้ป่วยหญิงอีก 78 ราย
  
ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจ ATK แล้ว และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ลงความเห็นว่า เป็นผู้ป่วยสีเหลือง กลุ่มผู้ป่วย 608 ที่ได้รับการส่งตัวตามมาตรการ “เจอ แจก จบ” และการแพร่ระบาดที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า จะยังคงมีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามแห่งนี้เพิ่มขึ้นอีก
  
สำหรับศูนย์โควิด 19 โคราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 วันนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 1,611 ราย เป็นการตรวจ PCRยืนยันผล 453 ราย และตรวจ ATK เป็นบวก 1,158 ราย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ทำให้ยอดป่วยติดเชื้อสะสม
  
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นมา อยู่ที่ 44,097 ราย รักษาหายแล้ว 25,454 ราย มีอีก 18,575 รายที่ยังรักษาตัวอยู่ และวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตสะสมจึงอยู่ที่ 68 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายอยู่ที่ 0.15 % ซึ่งอัตราป่วยตายในปี 2564 จะอยู่ที่ 0.81 %
  
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ 18,575 รายนั้น กระจายรักษาอยู่ใน รพ. 2,007 ราย , อยู่ใน รพ.สนาม 283 ราย ,อยู่CI สถานแยกกักชุมชน 1,858 ราย , กักตัวที่บ้าน HI 8,212 ราย และเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก (Outpatient with Self Isolation หรือ OP-SI จำนวน 6,214 ราย ซึ่งทั้งหมดแยกเป็นผู้ป่วยหนัก เคสสีแดง จำนวน 90 ราย , เคสสีเหลืองอาการปานกลาง จำนวน 1,249 ราย และผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงหรือไม่แสดงอาการ เคสสีเขียว จำนวน 17,235 ราย
  
ด้านนายศักดิ์ชาย ผลพานิชย์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้ ประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา ยังไม่กล้าออกมาท่องเที่ยวหรือจับจ่ายกันมากนัก เพราะยังกังวลเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องจากผลพวงเศรษฐกิจโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาโควิด 19 ระบาด ทำให้เดินทางไปท่องเที่ยวลดลง เป็นผลมาจากน้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง แถมยอดป่วยโควิดยังสูงต่อเนื่อง
  
ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึง ประเมินว่า ไม่น่าจะคึกคักมากนัก เพราะเปิดให้จัดงานตามประเพณีได้ แต่งดเล่นน้ำสงกรานต์ คนก็ไม่ได้ออกมาเที่ยวหรือเล่นน้ำ จึงไม่ช่วยสร้างกระแสหรือกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องสักเท่าไร ซึ่งช่วงสงกรานต์ปีนี้ ทางจังหวัดจะจัดงานประเพณี สรงน้ำพระ และประสานผู้ประกอบการนำสินค้ามาจำหน่ายกว่า 100 บูธ ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฯ
  
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะจัดในรูปแบบไหน และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเท่าใด เพราะยอดติดเชื้อโควิด 19 ยังสูงต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนรู้สึกกังวล ทางรัฐบาลควรจะเติมเม็ดเงินเข้าโครงการคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน หรือผลักดันโครงการอื่นๆ ออกมาเพิ่มเติมจะดีกว่า เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและทำให้ประชาชนมีกำลังจับจ่ายซื้อหา เม็ดเงินจะได้หมุนเวียนในระบบได้มากขึ้น
 


“ลูกนัท” เชียร์สุดตัว “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” เหมาะผู้นำเพื่อไทย คนรุ่นใหม่ ชิงเก้าอี้นายกฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3244228

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม  นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท  อดีตผู้สมัครส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทาง เฟซบุ๊ก Nat Thanakitamnuay แสดงความเห็นกรณีการเปิดตัว ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ‘ ขึ้นแท่นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมประกาศเป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ โดย ระบุว่า
 
สาบานว่า โพสนี้ไม่ได้ตั้งใจหาเรื่องมาเชียร์ เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ผมเริ่มเห็นเหตุผลที่ทำไมพรรคเพื่อไทยเลือกคุณอุ๊งอิ๊ง ขึ้นมาเป็นตัวแทนหัวหน้าครอบครัว และลุ้นไปเป็น candidate นายก
 
ในโลกปัจจุบัน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะทีใคร เก่งฉลาดรอบรู้เป็น expert ในทุกเรื่องและไปลงมือทำได้ด้วยตัวเอง และเราก็ไม่ได้คาดหวังด้วยว่า มันจะมี
 
ทีนี้เราหันกลับมาดู trend ผู้นำของโลก ว่าประเทศที่เราชื่นชม เลือกผู้นำแบบใหน – เราจะพบว่า ผู้นำมักจะมีอายุน้อย และมีความสามารถ ”ทันโลก” ด้วยตัวเอง คนที่สามารถเข้าถึงความคิดความอ่านของคนทั่วๆไป จาก social media คนที่พร้อมเป็นแก้วน้ำเปล่า เพื่อให้ประชาชน ที่ปรึกษามืออาชีพ ช่วยเติมเต็ม จะเรียก hlass half full หรือ half empty
 
และที่สำคัญต้องเป็นผู้นำที่พร้อม unite ความเห็นต่างให้เดินทัพต่อสู้เพื่อชัยชนะ และแน่นอน พรรคการเมืองในอุดมการณ์ ประชาธิปไตย จะมีความเห็นต่างอยู่บ่อยๆ จะเห็นใคพรรคเก่าแก่ ที่สุดท้ายเลือดไหลออกไม่หยุด เพราะวิสัยทัศน์ล้าหลังของผู้นำที่มีความคิดว่า อยู่ไม่ได้ก็ออกไปซะ  แน่นอน พรรคเพื่อไทย ในตอนนี้มีขนาดสมาชิกที่ใหญ่มากๆ ขนาดผมเองถ้าอยากลง ส.ส. เขตในนามพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่มีที่ให้ลงด้วยซ้ำ แต่ยังสามารถสร้างความสามัคคีให้คนใหญ่คนโต คนรุ่นใหม่ของพรรคได้ จึงไม่แปลกใจที่จะต้องเอา brand identity ที่แข็งแกร่งที่สุดของการเมืองไทยมาเป็นผู้นำ
 
ด้วยบุคลากรทางการเมืองระดับหัวกะทิ แบบ crème de la crème ที่พร้อมเป็นทั้งทีมบริหาร ทีมที่ปรึกษา และคนรุ่นใหม่ที่พร้อมลุยทุกสนาม
 
ส่วนตัวผมให้คะแนนความเป็นมืออาชีพที่สุด และพร้อมเชื่อมั่นว่า คุณอุ๊งอิ๊ง จะเป็น นายกรัฐมนตรี ที่ดีพร้อมสำหรับสถานการณ์โลกได้อย่างแน่นอน
 
https://www.facebook.com/nat.tanat.democrat/posts/10165849227865648
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่