ภูมิบุตรมาเลเซียใช้การศึกษาสร้างสังคมมลายูอย่างไร

กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่พิเศษ เพราะเป็นกระทู้แรกที่ขอบอกตรงๆ ว่า ผมเป็นคนมาเลเซียเชื้อสายสยาม แต่ปัจจุบันย้ายมาอยู่ไทย ถือสัญชาติไทยแล้ว
ผมเป็นคนเชื้อสายสยาม พูดภาษาไทยสำเนียงใต้ นับถือศาสนาพุทธ ผมเกิดที่เมืองจิตรา รัฐเกดะห์ แต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่หาดใหญ่ ประเทศไทย
บรรพบุรุษของผมเป็นคนเมืองนครศรีธรรมราช ไปอยู่ที่เกดะห์ก่อนปี 2452 ซึ่งเป็นปีที่มีการทำสนธิสัญญายกดินแดนประเทศราชมลายูให้กับอังกฤษ
พ่อแม่ผมเป็นคนเชื้อสายสยาม เกิดที่เมืองจิตรา นับถือพุทธ แต่ญาติทั้ง 2 ฝ่ายหลายคนแต่งงานกับคนมลายูจนกลายเป็นมุสลิมภูมิบุตรไปหมดแล้ว
เวลาผมอยู่บ้าน ผมพูดภาษาไทยสำเนียงใต้ ถ้าไปติดต่อราชการ ต้องพูดภาษามลายู ถ้าไปติดต่อกับคนจีนหรืออินเดียที่พูดมลายูไม่ได้ ก็พูดอังกฤษ

ถามว่าทำไมต้องพูดถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะช่วงหลังที่ผ่านมานี้ ผมอ่านบทความในเว็บไซต์ต่างๆ ที่ออกไปทางสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนชายแดน
ผมรู้สึกว่า ตัวผมเองยังมองว่า คนมลายูในไทยที่อ้างว่าถูกกดขี่ข่มเหง ถูกทำลายล้างศาสนา ทำไมแท้จริงแล้วพวกเขากลับได้รับการสนับสนุนมาก
แม้ว่าสถานภาพของ 3 จังหวัดชายแดน จะไม่ใช่เขตปกครองตนเอง เขตปกครองพิเศษโดยนิตินัย แต่โดยพฤตินัย ถือว่าเอื้อต่อคนในพื้นที่แบบนั้น
ผมรู้สึกตกใจมาก ตอนที่คนมาเลเซียหลายคนเองยังคิดว่าคนมลายูในไทยถูกกดขี่ข่มเหง ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ตรงกันข้ามอย่างสุดขั้วโดยสิ้นเชิงเลย
มันไม่เหมือนความรู้สึกที่คนไทยมีต่อคนไทใหญ่ เพราะคนไทใหญ่ถูกกดขี่ข่มเหงจริง และผมก็เข้าใจคนไทใหญ่ดีเพราะผมก็เคยเจอเรื่องแบบนี้

ช่วงวัยเด็กในสมัยก่อน ในยุคที่การศึกษายังไม่ได้มีการส่งเสริมสังคมมลายูในปัจจุบัน ผมกับเพื่อนเชื้อสายจีนมักจะถูกบูลลี่โดยเด็กมลายูอยู่บ่อยๆ
ผมเลยพอเข้าใจว่า สาเหตุที่รัฐบาลต้องสนับสนุนการพัฒนามนุษย์โดยเฉพาะในคนมลายู เหตุผลหนึ่งอาจเพราะคนมลายูสมัยก่อนค่อนข้างล้าหลัง
ช่วงหลังยุคเอกราช เกิดปัญหาระหว่างคนมลายูกับคนเชื้อสายจีนอยู่บ่อยๆ เช่น ต้นเหตุของการแยกตัวของสิงคโปร์ และ เหตุการณ์ 13 พฤษภาคม
เมื่อมองสิงคโปร์ว่าการศึกษาและวินัยสามารถสร้างชาติได้ จึงอาจเป็นเหตุผลให้รัฐบาลมองว่าควรมีการส่งเสริมการศึกษาและสิทธิให้กับชาวมลายู
เพราะหากส่งเสริมการศึกษาให้ชาวมลายูไม่ได้ ชาวมลายูอาจจะยังต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกับคนในประเทศด้อยพัฒนา จึงมีนโยบายภูมิบุตรขึ้น

ถามว่ามันได้ผลดีมั้ย ถามว่าได้ผลดีมากกว่าที่คิด เพราะหลายสิบปีต่อมา เมื่อผมกลับไปบ้านเกิด ก็พบว่าเรื่องการเหยียดการล้อเลียนผมนั้นไม่มีแล้ว
เพราะผมพบว่าลูกหลานคนเชื้อสายสยามสามารถคบหากับทั้งเพื่อนคนมลายูและคนจีนได้อย่างไม่มีเรื่องการแบ่งแยกเหมือนสมัยที่ผมยังเป็นเด็กๆ 
จริงๆ การพัฒนาส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับอังกฤษที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ เพียงแต่ในยุคอาณานิคมยังค่อนข้างเหลื่อมล้ำอยู่พอสมควร
แม้ทุกวันนี้ ผมยอมรับว่าชาวมลายู มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถพาทั้งแนวคิดศาสนาและโลกยุคใหม่เดินร่วมกันได้ แต่บางท้องที่ก็ยังมีปัญหานั้นอยู่
โดยเฉพาะรัฐที่ถูกขนานนามว่าเป็นรัฐที่ไกลปืนเที่ยงที่สุดอย่างกลันตัน ซึ่งถือว่าเป็นรัฐที่ยังคงแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางศาสนาอยู่อย่างมากพอสมควร

ส่วนในไทย แม้ว่าความจริงแล้วพวกเขามีสิทธิเท่ากับคนไทยทั่วไป หรือมีมากกว่าบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่บางคนคิดไกลกว่านั้น
เพียงแต่ มุมมองของผมที่เคยเจอปัญหาแบบนั้นมาแล้ว ทำให้ผมในช่วงที่เป็นวัยรุ่นเลยยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนเชื้อสายสยามไม่คิดสู้แบบนี้บ้าง
เคยนั่งคิดเล่นๆ ไว้ว่า หากคนเชื้อสายสยามจับอาวุธ ทวงคืนไทรบุรี หรือกลายเป็นรัฐอิสระ เป็นรัฐพุทธบ้าง มันคงจะดูเท่ดี (แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดแล้ว)
ไม่นานมีนี้ ช่วงหาเสียงเลือกตั้งในรัฐยะโฮร์ (ตอนนี้ปิดหีบประกาศผลแล้ว) ตัวแทนพรรคอัมโนเคยลั่นว่า ถ้าสิงคโปร์ยังอยู่ อาจจะเจริญกว่านี้ไปแล้ว
ผมก็แอบคิดมุมกลับบ้างว่า ถ้าเกดะห์หรือไทรบุรี รวมถึงปะลิส หรือแม้แต่เกาะปีนัง ยังเป็นของไทยอยู่ถึงวันนี้ ผลลัพธ์ก็อาจจะน่าสนใจอยู่พอสมควร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่