ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะอยากให้น้อง ๆ ที่กำลังคิดจะศึกษาต่อที่มหาลัยรามคำแหงนะครับ แล้วจะได้ให้รุ่นน้องในปีนี้และต่อไป ๆ สามารถเปรียบเทียบกับความสามารถของตัวเองนะ ว่าเหมาะสมกับตัวเองไหมนะ
1. รามคำแหงนั้น
ค่าเทอมถูก(มาก)
ใช่ครับ ค่าเทอมของรามนั้นค่าเทอมจะถูกแบบว่าจนเราอยากจะไปเรียนเลยละ เพราะจ่ายแค่เทอมละ
2,000 ต้น ๆ เอง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ
ม.ปิดละก็ ห่างกันตั้ง
เกือบ 6-8 เท่าเลยละ เผลอ ๆ
10-15 เท่า
แนะนำกู้ได้ก็ควรกู้เงินเรียนนะ เพราะเรียนจบแล้วน้อง ๆ ก็ค่อย ๆ ใช้หนี้เอาก็ได้ หรือจะโป๊ะหนี้เอาก็ได้นะ (ให้คิดว่ายอมไปเรียนม.ปิด ยอมจ่ายแพงเพื่ออนาคตดีกว่าจ่ายถูกแต่เสียอารมณ์นะ และบอกเลยว่า การช่วยพ่อแม่ประหยัดเงินก็เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุนนะครับ แต่จขกท. อยากให้คิดว่า ถ้าเราเรียนจบปริญญาตรีแล้วจะมีความสุขยิ่งกว่านะครับ)
2. แต่ถึงราคาถูกนั้นแต่ก็ขึ้นชื่อว่า
จบยาก(มาก)นะ
เพราะการสอบของรามนั้นจะเป็นการสอบแบบว่า ไม่มีการเก็บคะแนนสะสมเลย 100% ซึ่งถ้าถามว่าเหมาะสมกับใคร ก็เหมาะสมกับคนที่ทำงานอย่างเดียวเลย เพราะจะได้ทำอย่างเดียวไปเลย
แต่ถ้าใครเป็นคนที่แบบว่า หัวสมองไม่ค่อยดีมาก ทำอะไรได้แค่ทีละอย่าง ๆ แนะนำให้ไปม.ปิด จะดีกว่านะครับ เพราะอย่างน้อยถึงจะแพงแต่คุณภาพจะดีกว่ามาก และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาได้ดีเลยละ ทั้งการทำการบ้านเอย อะไรเอย อย่างน้อยก็จะได้เกรด 2.00 ทำให้พอมีกำลังใจเรียนต่อไปละ (ซึ่งแน่นอนว่า เพื่อนของจขกท. ก็เครียดหนักจากการเรียนที่นี่จนไม่เรียนต่อละ) และแน่นอนว่าถ้าไม่จบมันจะทำให้เสียเวลาไปมาก ๆ เหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นวางแผนเริ่มต้นการเรียนให้ดี ๆ ด้วยละกันนะ ไม่งั้นมันเสียดายเวลามาก
3. สังคมของรามก็ใช่ว่าจะมีนะ
รามคำแหงนั้นเป็นสังคมของคนที่ต้อง
สู้ชีวิต เพราะเมื่อจบคลาสแล้วก็ต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือต่อไป ไม่ก็ไปเรียนต่ออีกคลาสหนึ่ง แน่นอนว่ามันต้องอดทนเป็นอย่างมากนะ
ถ้าเปรียบกับม.ปิดแล้ว เรียนเสร็จ ทำการบ้านเสร็จก็ไปพักผ่อนหย่อนใจ ดูหนัง ไปหาอะไรกินเพื่อไปพักผ่อนสมองไปนะ
4. นิติของราม เป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมหาลัยนี้เลยละ เพราะด้วยความที่ราคาพอส่งเสียตัวเองเรียนจบได้นะ แต่ถ้าใครเผลอสมัครเรียนที่อื่น ๆ ไปแล้วก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ เพราะบางมหาวิทยาลัยก็มีนิติศาสตร์นะ แล้วบางคนก็สามารถสอบเข้าได้ด้วยนะ
5. มีสอบ
เสาร์-อาทิตย์ ด้วยนะเออ
ใช่ครับ มีสอบเสาร์อาทิตย์ด้วยนะ ซึ่งแน่นอนว่า รุ่นใหม่อย่างพวกเราจะ
เบื่อกัน เพราะทำไมต้องสอบวันหยุดที่เราควรจะไปพักผ่อนนะ ถ้าเปรียบกับที่ม.ปิด ภาคปกติ ที่อื่น ๆ จะสอบแค่วันจันทร์-ศุกร์ แค่นั้นเอง
6. บางคณะของรามก็มีสอบเข้าเหมือนม.ปิดนะ
รามนั้นก็มีบางคณะที่ใช้ผลคะแนน และสอบเข้านะ
- 1. คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ใช้เกรด+สอบตรง)
- 2. คณะทัศนมาตรศาสตร์ (คะแนนgat pat1-2 tcas)
- 3. คณะศิลปกรรมศาสตร์ (สอบตรง)
- 4. สาขารังสีเทคนิค (คะแนนgat pat1-2 onet tcas)
แต่แนวการสอนนั้นอยากให้ไปศึกษากับรุ่นพี่แทนนะ
7. รามมีภาคพิเศษ แต่ค่าเทอมจะเหมือนม.ปิดเลย
อันนี้น้อง ๆ บางคนจะพลาดโอกาสดี ๆ ไปเยอะมาก เพราะ
ไม่รู้ว่ามีภาคพิเศษ แต่แย่ตรงที่เรียนศุกร์ตอนเย็น และเสาร์อาทิตย์ทั้งวันเลย แต่ข้อเสียก็มีนะ เพราะจบคลาสทีก็มืดค่ำละ เหมาะสำหรับคนที่ทำงานแล้วเรียนไปด้วย และมีการบ้านเป็นคะแนนเก็บเพื่อช่วยเหลือชีวิตมาแล้วละ แต่การสอบนั้นจะแบ่งเป็น 2 พาร์ทนะ เช่นพาร์ทแรก 3 พาร์ทสองอีก 4 นะ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นก็ประมาณ 150,000 ต่อ 4 ปี นะ
เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากสมัครเรียนที่นี่นั้นให้น้อง ๆ รุ่นต่อไป ไปพิจารณาตัวเองก่อนนะว่าเราเหมาะสมกับการเรียนรามหรือม.ปิดนะ จะได้ไม่ทำให้เสียเวลาในการเรียนมากมายนะ
ฝากถึงนักศึกษาในที่คิดอยากจะสมัครเรียนต่อที่ราม (ฉบับเปรียบเทียบกับม.อื่น ๆ ทั่วไป)
1. รามคำแหงนั้นค่าเทอมถูก(มาก)
ใช่ครับ ค่าเทอมของรามนั้นค่าเทอมจะถูกแบบว่าจนเราอยากจะไปเรียนเลยละ เพราะจ่ายแค่เทอมละ 2,000 ต้น ๆ เอง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับม.ปิดละก็ ห่างกันตั้งเกือบ 6-8 เท่าเลยละ เผลอ ๆ 10-15 เท่า
แนะนำกู้ได้ก็ควรกู้เงินเรียนนะ เพราะเรียนจบแล้วน้อง ๆ ก็ค่อย ๆ ใช้หนี้เอาก็ได้ หรือจะโป๊ะหนี้เอาก็ได้นะ (ให้คิดว่ายอมไปเรียนม.ปิด ยอมจ่ายแพงเพื่ออนาคตดีกว่าจ่ายถูกแต่เสียอารมณ์นะ และบอกเลยว่า การช่วยพ่อแม่ประหยัดเงินก็เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุนนะครับ แต่จขกท. อยากให้คิดว่า ถ้าเราเรียนจบปริญญาตรีแล้วจะมีความสุขยิ่งกว่านะครับ)
2. แต่ถึงราคาถูกนั้นแต่ก็ขึ้นชื่อว่า จบยาก(มาก)นะ
เพราะการสอบของรามนั้นจะเป็นการสอบแบบว่า ไม่มีการเก็บคะแนนสะสมเลย 100% ซึ่งถ้าถามว่าเหมาะสมกับใคร ก็เหมาะสมกับคนที่ทำงานอย่างเดียวเลย เพราะจะได้ทำอย่างเดียวไปเลย
แต่ถ้าใครเป็นคนที่แบบว่า หัวสมองไม่ค่อยดีมาก ทำอะไรได้แค่ทีละอย่าง ๆ แนะนำให้ไปม.ปิด จะดีกว่านะครับ เพราะอย่างน้อยถึงจะแพงแต่คุณภาพจะดีกว่ามาก และให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาได้ดีเลยละ ทั้งการทำการบ้านเอย อะไรเอย อย่างน้อยก็จะได้เกรด 2.00 ทำให้พอมีกำลังใจเรียนต่อไปละ (ซึ่งแน่นอนว่า เพื่อนของจขกท. ก็เครียดหนักจากการเรียนที่นี่จนไม่เรียนต่อละ) และแน่นอนว่าถ้าไม่จบมันจะทำให้เสียเวลาไปมาก ๆ เหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นวางแผนเริ่มต้นการเรียนให้ดี ๆ ด้วยละกันนะ ไม่งั้นมันเสียดายเวลามาก
3. สังคมของรามก็ใช่ว่าจะมีนะ
รามคำแหงนั้นเป็นสังคมของคนที่ต้องสู้ชีวิต เพราะเมื่อจบคลาสแล้วก็ต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือต่อไป ไม่ก็ไปเรียนต่ออีกคลาสหนึ่ง แน่นอนว่ามันต้องอดทนเป็นอย่างมากนะ
ถ้าเปรียบกับม.ปิดแล้ว เรียนเสร็จ ทำการบ้านเสร็จก็ไปพักผ่อนหย่อนใจ ดูหนัง ไปหาอะไรกินเพื่อไปพักผ่อนสมองไปนะ
4. นิติของราม เป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมหาลัยนี้เลยละ เพราะด้วยความที่ราคาพอส่งเสียตัวเองเรียนจบได้นะ แต่ถ้าใครเผลอสมัครเรียนที่อื่น ๆ ไปแล้วก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ เพราะบางมหาวิทยาลัยก็มีนิติศาสตร์นะ แล้วบางคนก็สามารถสอบเข้าได้ด้วยนะ
5. มีสอบ เสาร์-อาทิตย์ ด้วยนะเออ
ใช่ครับ มีสอบเสาร์อาทิตย์ด้วยนะ ซึ่งแน่นอนว่า รุ่นใหม่อย่างพวกเราจะเบื่อกัน เพราะทำไมต้องสอบวันหยุดที่เราควรจะไปพักผ่อนนะ ถ้าเปรียบกับที่ม.ปิด ภาคปกติ ที่อื่น ๆ จะสอบแค่วันจันทร์-ศุกร์ แค่นั้นเอง
6. บางคณะของรามก็มีสอบเข้าเหมือนม.ปิดนะ
รามนั้นก็มีบางคณะที่ใช้ผลคะแนน และสอบเข้านะ
- 1. คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ใช้เกรด+สอบตรง)
- 2. คณะทัศนมาตรศาสตร์ (คะแนนgat pat1-2 tcas)
- 3. คณะศิลปกรรมศาสตร์ (สอบตรง)
- 4. สาขารังสีเทคนิค (คะแนนgat pat1-2 onet tcas)
แต่แนวการสอนนั้นอยากให้ไปศึกษากับรุ่นพี่แทนนะ
7. รามมีภาคพิเศษ แต่ค่าเทอมจะเหมือนม.ปิดเลย
อันนี้น้อง ๆ บางคนจะพลาดโอกาสดี ๆ ไปเยอะมาก เพราะ ไม่รู้ว่ามีภาคพิเศษ แต่แย่ตรงที่เรียนศุกร์ตอนเย็น และเสาร์อาทิตย์ทั้งวันเลย แต่ข้อเสียก็มีนะ เพราะจบคลาสทีก็มืดค่ำละ เหมาะสำหรับคนที่ทำงานแล้วเรียนไปด้วย และมีการบ้านเป็นคะแนนเก็บเพื่อช่วยเหลือชีวิตมาแล้วละ แต่การสอบนั้นจะแบ่งเป็น 2 พาร์ทนะ เช่นพาร์ทแรก 3 พาร์ทสองอีก 4 นะ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นก็ประมาณ 150,000 ต่อ 4 ปี นะ
เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากสมัครเรียนที่นี่นั้นให้น้อง ๆ รุ่นต่อไป ไปพิจารณาตัวเองก่อนนะว่าเราเหมาะสมกับการเรียนรามหรือม.ปิดนะ จะได้ไม่ทำให้เสียเวลาในการเรียนมากมายนะ