สวัสดีค่ะ เริ่มต้นคือบ้านแฟนไม่ค่อยซีเรียสกับเรื่องของโควิดสักเท่าไหร่เค้ามองว่ามันเป็นเรื่องโรคธรรมดาทั่วไป ที่บ้านของแฟนมีคนอาศัยอยู่ 4 คนคือ พ่อ แม่ น้องชาย และน้องสะใภ้(คนท้อง)ของแฟน จนวันนึงพ่อกับแม่แฟนติดโควิดจากพนักงานที่บริษัท พ่อกับแม่รู้ตั้งแต่ 1/02/2565 ว่าพนักงานที่เค้าทำงานใกล้ชิดด้วยติดโควิด ในวันที่ 4/02/2565 พ่อกับแม่เริ่มมีอาการเป็นไข้แต่เค้ายังไม่ได้บอกใครและหายากินเอง ในวันที่ 6/02/2565 แฟนเราได้ไปเยี่ยมพ่อแม่เลยสังเกตุว่าพ่อกับแม่ไม่สบายและทราบว่าพนักงานติดโควิด หลังจากแฟนกลับบ้านมาแฟนมาเล่าให้ฟังเราเลยหาที่ตรวจ ATK ไปตรวจให้ผลเป็นบวกทั้งพ่อกับแม่ เราได้บอกให้เค้าไปหาหมอ (พ่อกับแม่มีรถยนต์และสามารถขับรถได้) เราได้โทรบอกน้องชายและน้องสะใภ้ว่าพ่อกับแม่ติด สิ่งที่เค้าตอบกับมาคือเค้าไม่รู้มาก่อนเพราะพ่อกับแม่ไม่เคยบอกและยังกินข้าวกับพ่อแม่เมื่อเช้า เราสบายใจไปนิดนึงคือแฟนเราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่แฟนไม่ได้ใกล้ชิดเท่าไหร่และใส่แมส และเราได้ตกลงกับแฟนว่าจะไม่เข้าไปในบ้านพ่อกับแม่จะเอายาและข้าวไปให้หน้าบ้านเท่านั้น(ที่เราต้องตกลงกันเพราะเรามีลูกน้อยวัย 1 ขวบ) ในวันที่ 7/02/2565 แฟนเราได้โกหกเราว่าไปทำงานแค่จริงๆแล้วเค้าพาพ่อกับแม่ไปหาหมอและนั่งรถเก๋งไปด้วยกัน เรามาจับได้วันที่ 8/02/2565 แฟนเราบอกว่าไปทำงานแต่เราไปบ้านพ่อกับแม่แฟนเพื่อนำยาไปให้ เราเห็นรถแฟนจอดอยู่หน้าบ้าน ใจเราสลายเพราะเรามีลูกน้อย สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือลูกเราจะติดโควิด เราได้ทะเลาะกับแฟนหนักมากเพราะเรากลัวลูกเราติด ส่วนแม่ของแฟนพูดกับเราว่า #เธอก็ลองคิดดูทำไมแฟนถึงต้องโกหกเพราะเธอเป็นแบบนี้มันผิดหรอที่พาพ่อกับแม่ไปหาหมอถ้าเธอคิดว่ามันผิดฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไง โควิดมันก็คือเชื้อโรคชนิดนึงเท่านั้นเอง ทำไมต้องรังเกียจกันฉันมันน่ารังเกียจหรอ เวลาเธอมาบ้านฉันฉันต้อนรับอย่างดีสะใภ้ฉันเคยทำกับข้าวให้ฉัรกินสักคนไหมมีแต่คนรอให้ฉันทำให้กิน (เวลาไปค้างที่บ้านพ่อแม่แฟนเราทำกับข้าวให้กินตลอดหากับข้าวเข้าไปตลอดสิ่งที่ทำมามันไม่มีค่าเลยเค้ากับลืม) การเป็นโควิดก็ได้ทำให้เห็นธาตุแท้ของคย แถมยังพูดทิ้งท้ายว่าเด็กติดอันตรายน่าสงสาร😢 เราได้แต่บอกว่าหนูมีลูกเล็กนะถ้ารังเกียจหนูจะวิ่งมาตรวจโควิดให้ทำไม เราโกรธและสับสนเรื่องนี้มาก แฟนเราพูดว่าเค้าป้องกันตัวอย่างดีอีกอย่างนีาพ่อกับแม่เค้าเวลาเค้าเจ็บป่วยก็อยากดูเเล ส่วนลูกก็แยกออกไปอยผุ่กับแม่แล้วจะกลัวอะไรอีก เราเลยถามว่าแล้วลูกเราล่ะ เราเข้าใจแฟนเราเข้าใจพ่อกับแม่แฟนแต่ไม่มีใครเข้าใจเราสักคนไม่มีใครนึกถึงลูกเราเลย เราแยกตัวกับลูกตั้งแต่วันที่รู้ว่าพ่อแม่แฟนติด และเราก็กลับมาบ้านมาอยู่กับแฟนเหมือนเดิมเพราะถึงแยกไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว จนวันที่ 09/02/2565 แฟนเราตรวจ ATK ผลเป็นบวก เราไม่มีแม้แต่น้ำตาหรือคำพูดใดๆทั้งนั้น เราห่วงลูกหัวใจคนเป็นแม่แตกสลายทันที เรารีบเก็บเสื้อผ้าให้เค้าไปอยู่บ้านพ่อแม่เค้า เพราะเราไม่ได้ติดแต่เราก็ต้องกักตัว ตอนนี้เราสับสนมากระหว่างความกตัญญูพ่อแม่กับความปลอดภัยของลูกเราควรให้ความสำคัญกับใคร และไม่รู้จะใช้ชีวิตร่วมกีบแฟนต่อไปยังไง เราได้แต่ภาวนาอย่าให้ลูกเป็นอะไร
ความกตัญญูต่อพ่อแม่กับความปลอดภัยของลูก ในยุคโควิด-19