จากคดีในตำนาน สู่ซีรีส์ดัง Inventing Anna ไฮโซกำมะลอ หลอกเป็นลูกเศรษฐี
Anna Delvey ไฮโซกำมะลอ ใช้ชีวิตหรูหรา หลอกลวงเป็นทายาทมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน
จนหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเธอร่ำรวยเพราะมรดกที่ได้รับกว่า 2 พันล้านบาท
นับว่าเป็นคดีที่สร้างความงุนงงและชวนสงสัยให้กับหลายคนมากเลยทีเดียว
เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งที่ชื่อว่า Anna Delvey สามารถใช้ชีวิตอย่างคนรวยโดยที่ไม่มีเงินสักบาท
ซึ่งวิธีการที่เธอทำนั้นบอกเลยว่าแยบยล และเป็นนักต้มตุ๋นตัวจริงที่มีความชำนาญ
จนสามารถตบตาคนในสังคมให้เชื่อได้อย่างสนิทใจ..
Anna Delvey ชื่อนี้ไม่มีอยู่จริง ชื่อจริงๆ ของเธอนั้นคือ Anna Sorokin
เธอเป็นลูกครึ่งเยอรมัน-รัสเซีย เกิดในปี 1991
และเติบโตในเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า “โดโมเดโดโว” ในประเทศรัสเซีย
เมื่อเธออายุ 16 ปีครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
แต่การใช้ชีวิตสำหรับเด็กสาวในประเทศที่พูดและวัฒนธรรมแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ทำให้เธอปรับตัวอยู่ได้ยาก แอนนาเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายในเอชไวเลอร์
เธอจบการศึกษาระดับมัธยมปลายในปี 2554
ต่อมาเธอลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียนศิลปะ 'Central Saint Martins' ในลอนดอน
แต่เธอลาออกจากโรงเรียนศิลปะและกลับไปเยอรมนีหลังจากนั้นไม่กี่เดือน
หลังจากกลับมาที่เยอรมนีแอนนาก็เริ่มทำงานที่ บริษัท ประชาสัมพันธ์ในกรุงเบอร์ลิน
ซึ่งเธอทำงานเป็นพนักงานฝึกหัด
ต่อมาเธอได้เข้าร่วมโครงการฝึกงานกับนิตยสารแฟชั่นแห่งหนึ่งในกรุงปารีสของฝรั่งเศส
และได้มีโอกาสเดินทางไปทำข่าวเกี่ยวกับสัปดาห์แฟชั่นวีคในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ
และนั่นจุดประกายให้แอนนารู้ว่า นิวยอร์กนี่แหละคือที่ที่เหมาะกับเธอ
ในปี คศ. 2013 “แอนนา” เริ่มต้นสร้างตัวตนปลอมเป็นทายาทมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน
ชื่อว่า “แอนนา เดลวีย์” เมื่อเธอย้ายมาอยู่นครนิวยอร์ก
หลังจากเปลี่ยนชื่อของเธอแล้ว แอนนาก็เปลี่ยนบุคลิกใหม่เป็นทายาทชาวเยอรมันผู้มั่งคั่ง
แกล้งเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยด้วยแรงบันดาลใจในการเปิดตัวธุรกิจใหม่ในสหรัฐอเมริกา
และแอนนาก็เริ่มหลอกลวงให้บรรดาไฮโซในสังคมชั้นสูงของมหานิวยอร์ก
เชื่อแบบหมดใจได้ว่า เธอคือลูกคุณหนูบ้านรวย
และเธอเป็นเพื่อนกับคนมากมายด้วยการใช้เงินซื้อเพื่อน
และหนึ่งในวีรกรรมหลอกเอาเงินคนอื่นมาปรนเปรอความสุขตัวเอง
ที่ทำให้ทุกคนอิหยังว่ะมากที่สุด แต่ก็ยังไม่มีใครจับพิรุธเธอได้ว่าเป็นนักต้มตุ๋น
เกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อเธอจองทริปไปเวนิสในอิตาลีกับ “ไมเคิล ซูฟู่ หวง (Michael Xufu Huang)”
หลังจากจบทริปก็ทำทีว่า ลืมจ่ายเงินค่าท่องเที่ยวและค่าโรงแรมให้กับเขา
แต่ในเมื่อความจริงมันมีเพียงหนึ่งเดียว ทำให้แอนนาเริ่มค่อยๆโป๊ะแตก
เมื่อมีคนเริ่มสงสัยว่า “แอนนา” เป็นนักต้มตุ๋น
ในปี 2016 เมื่อเธอจัดงานปาร์ตี้วันเกิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
แต่บัตรเครดิตของเธอไม่สามารถชำระเงินได้
สุดท้ายแล้วเมื่อทางร้านสืบสาวราวเรื่องจึงทราบว่า บัตรเครดิตที่ใช้จองร้านอาหารนั้น
เป็นบัตรเครดิตปลอมและข้อมูลที่อยู่บนบัตรก็ล้วนปลอมทั้งสิ้น
แต่ความมั่นหน้ามั่นโหนกของแอนนา ก็ไม่มีที่สิ้นสุด
แอนนายังคงเชื่อว่าตัวเธอ คือแอนนา เดลวีย์ ลูกสาวมหาเศรษฐีเยอรมัน
ต่อมา แอนนา สร้างรายการเงินฝากถอนในบัญชี (Bank Statement) ปลอม
เพื่อเข้าถึงเงินในบัญชีธนาคารแห่งชาติสวิสมากถึง 60 ล้านยูโร หรือราว 2.2 พันล้านบาท
แอนนาพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ปล่อยเงินกู้ 22 ล้านเหรียญ
เธออ้างว่าเงินกู้ถูกนำไปใช้ในการจัดตั้งโครงการธุรกิจในฝันซึ่งเป็นสโมสรประเภท 'โซโหเฮาส์'
จากนั้นได้ขอยืมเงินธนาคารเป็นเงินกว่า 1.7 ล้านบาท เพื่อซื้อเสื้อผ้าราคาแพง
และอาศัยอยู่ในโรงแรมอันหรูหรา โดยเธอเป็นแขกผู้เข้าพักที่พนักงานโรงแรมต่างเลื่องลือว่า
ให้ทิปหนักมากถึงหลักหมื่นบาทและยังยกแชมเปญให้ด้วย
และหนึ่งในเพื่อนของแอนนา คือเจ้าหน้าที่ดูแลแขกของโรงแรมแห่งหนึ่งที่แอนนาเข้าพัก
เธอมีชื่อว่า Neffatari Davis ซึ่งได้ทิปจากแอนนาครั้งละ 100 ดอลล่าร์
ทำให้เนฟเชื่อมั่นว่า Anna เป็นลูกสาวมหาเศรษฐีเยอรมันจริงๆ
และด้วยงานดูแลแขกของ Neffatari มันทำให้ Anna ได้รู้จักกับคนในวงสังคมชั้นสูงของนิวยอร์ก
และแอนนายังเป็นเพื่อนที่มีกลุ่มสังคมชั้นสูงเช่น Macaulay Culkin และ Martin Shkreli
มันทำให้ความน่าเชื่อถือในตัวของแอนนานั้นเพิ่มมากขึ้น
ในปี 2017 แอนนาไปเที่ยวพักผ่อนที่มาราเกซ ประเทศโมร็อกโก
กับเรเชล วิลเลียม เซเลบสาวคนหนึ่ง และเพื่อนอีก 3 คน
โดยแอนนาได้บอกกับเพื่อนของเธอว่า..เธอจะดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้เอง
แต่มื่อถึงโรงแรมที่เข้าพักแล้วต้องชำระค่าใช้จ่าย แต่บัตรที่เธอจะใช้รูดเกิดรูดไม่ผ่าน
เธอโน้วน้าวเพื่อนคนหนึ่งของเธอรูดบัตรจ่ายแทนไปกว่า 62,000 ดอลลาร์
โดยบอกว่าเธอจะชดใช้คืนให้กับเพื่อนทั้งหมด..
ต่อมาหลังจาก “แอนนา” เดินทางกลับจากมาราเกซ
เธอถูกไล่ออกจากโรงแรมที่เข้าพักหลายแห่ง เนื่องจากไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายได้
ทั้งโรงแรมบีคแมน (The Beekman) และโรงแรมดับเบิ้ลยู (W Hotel) ได้ฟ้องร้องเธอ
ในข้อหาขโมยบริการ และเธอยังถูกสอบสวนในข้อหาฉ้อโกงธนาคาร
แอนนาถูกจับนับ 10 ข้อหา …
โดยบีบีซีบราซิลได้รายงานว่า ไซรัส แวนซ์ อัยการเขตแมนฮัตตัน ยื่นฟ้องแอนนา
เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2017 กว่า 10 ข้อหาในคดีอาญา ตั้งแต่การปลอมแปลงเช็ค,
ขโมยเงินกู้ ไปจนถึงกลอุบายที่ทำให้ตัวเองได้ไปเที่ยวโมร็อกโกฟรี
และได้เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว
การพิจารณาคดีของ “แอนนา” ก็ดุเด็ดเผ็ดร้อนไม่แพ้มหากาพย์ต้มตุ๋นของเธอ
ซึ่งอัยการระบุว่าในช่วงพฤศจิกายน 2016 ถึงสิงหาคม 2017
แอนนาไม่ได้ฉ้อโกงเพียงแค่ โรงแรม ธนาคาร และธุรกิจต่างๆ
แต่เธอยังหลอกลวงเพื่อนของเธออีกด้วย โดยเธอเผยความรู้สึกว่า เป็นตัวของตัวเอง
เมื่ออยู่ในโลกของแฟชั่น และศิลปะ ซึ่งเธอตั้งใจจะก่อตั้งมูลนิธิ Anna Delvey เพื่องานศิลปะอีกด้วย
เธอเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการนี้ด้วยการ ใช้ Bank Statement และเอกสารปลอมอื่นๆ
ในการขอกู้เงินธนาคารมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำมาก่อตั้งมูลนิธิศิลปะในแมนฮัตตัน
อย่างไรก็ตามเธอถูกกลับปฏิเสธในการกู้เงิน
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังได้เงินล่วงหน้าจำนวน 1 แสนดอลลาร์มาใช้
ซึ่งอัยการได้เผยว่า “แอนนาใช้เช็คปลอมในการหมุนเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่น
และถอนเงินออกมาก่อนที่เช็คจะเด้ง”
โดยอัยการระบุว่า แอนนาใช้เงินจากการต้มตุ๋นจำนวน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เพื่อนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับการจ่ายค่าโรงแรมห้าดาวย่านโซโห ในกรุงนิวยอร์ก
เบี้ยวค่าเช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว จำนวน 3.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย
และจากการที่สร้างกลอุบายจนได้ไปเที่ยวทริปหรูที่ประเทศโมร็อกโก
โดยเธอได้หลอกลวง เรเชล วิลเลียม ซึ่งเรเชลได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารนิวยอร์กว่า
แอนนาชวนเธอไปทริปหรูที่ประเทศโมร็อกโก และขอให้เธอออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปก่อน
ซึ่งเป็นค่าห้องจำนวน 6.2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเธอเองก็ยังไม่ได้เงินจำนวนนั้นคืนเลย
แอนนา ลูกสาวกำมะลอ ของมหาเศรษฐีเยอรมัน ที่เคยใช้ชีวิตแบบวิถีคนรวย
ผู้มีอันจะกินมาได้อย่างยาวนาน จนตัวเองเคยชินกับสิ่งนั้น จึงทำให้แม้ขณะที่เธอขึ้นศาล
แอนนาก็ยังสวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูอย่าง Yves Saint Laurent และ Miu Miu
ซึ่งอัยการได้บอก แอนนาได้จ้างสไตล์ลิสต์ และมีเทรนเนอร์ส่วนตัว
และเธอยังถูกตำหนิจากศาลด้วยว่าเธอมาสาย เพราะปฏิเสธเสื้อผ้าที่ทางศาลจัดไว้ให้
โดยเธอบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่ได้มาตรฐาน และไม่เหมาะกับเธอ
แต่ทนายของแอนนาได้แก้ต่างให้กับลูกความว่า “ลูกความของเขาไม่ได้ตั้งใจขโมยเงินของใคร
เพียงแค่อยากซื้อเวลา โดยพยายามที่จะสร้างตัวเองและทำธุรกิจ เพื่อที่จะเอาเงินนั้นมาใช้หนี้”
หลังการแอนนาถูกจับกุมสื่อก็เริ่มให้ความสนใจสนใจในคดีของเธอ
ซึ่งทำให้เธอโด่งดังมากขึ้น ในปี 2018 นิตยสาร 'New York' ตีพิมพ์เรื่องราวของ Anna
แอนนาถูกส่งอยู่ที่สถานบำบัดการติดยาเสพติด “พาสเสจ มาลิบู (Passages Malibu)”
ในปี 2017 และในปี 2019 เธอถูกตั้งข้อหาในคดีลักทรัพย์หลายกระทง
และเธอถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 4- 12 ปี แอนนาถูกจำคุกเป็นเวลา 4 ปี
ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวเมื่อ ก.พ. 2021
นับตั้งแต่แอนนาถูกปล่อยตัวออกมา เธอได้ตระเวนออกสื่ออย่างไม่แยแส
และยังจ้างช่างภาพส่วนตัวอีกด้วย โดยแอนนาได้กล่าวว่า..
เธอกำลังมีแพลนสร้างซีรีส์โทรทัศน์เป็นของตัวเอง
แต่...ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น แอนนาถูกจับกุมอีกครั้ง
โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา
ในข้อหาอยู่สหรัฐฯ เกินกำหนด เธอถูกขังในเรือนจำระหว่างอุทธรณ์
โดยไม่ให้ถูกเนรเทศออกนอกประเทศ
เรื่องราวชีวิตจริงของเธอถูกขายให้กับ Netflix เป็นเงินทั้งหมด 10.3 ล้านบาท
แต่เงินทั้งหมดนี้ รวมถึงกำไรจากการขายซีรีส์เรื่อง “Inventing Anna” จะไม่ตกถึงเธอสักแดงเดียว
เพราะจะถูกนำไปจ่ายชดใช้คนที่เธอหลอกลวงเอาเงินมาทั้งหมด
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ “แอนนา” ได้เผยกับสำนักข่าวสหรัฐฯ ชื่อดัง “Insider” ว่า
เธอเบื่อการเดินทางไป-กลับศาลบนเกาะแมนฮัตตันกับเรือนจำที่เธอต้องอยู่
ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะไรเกอร์ในทุก ๆ วัน ที่มีการสืบพยาน
เธอเล่าว่ากว่าจะกลับมาถึงเรือนจำในตอนกลางคืนก็ปาไป 4 ทุ่ม
และต้องตื่นตอนตี 4 เพื่อไปศาลในแมนฮัตตันอีกครั้ง
ซีรีส์ “Inventing Anna แอนนา มายา ลวง” ทีมผู้สร้างซีรีส์ได้วางแผนเปิดตัวซีรีส์เรื่องนี้
ตรงกับวันที่ “แอนนา” ถูกปล่อยออกจากเรือนจำหลังจากต้องโทษจำคุกหลังก่อคดีมากมาย
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2021 เนื่องจากเธอเป็นผู้ต้องขังชั้นดี
ทำให้ “แอนนา” ได้รับการลดโทษเหลือ 4 ปี จากเดิม 12 ปี
“แอนนา” ใฝ่ฝันที่จะมีสถานที่ตั้งโชว์งานศิลปะและแฟชั่นชั้นสูงเป็นของตัวเอง
แน่นอนว่าเธอได้ก่อตั้งสถานที่แห่งนี้ขึ้นโดยใช้ชื่อว่า “Anna Delvey Foundation”
แต่หลังจากเธอถูกเปิดโปงว่าเป็นไฮโซกำมะลอ ก็ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้
แต่ตัวเว็บไซต์ยังคงอยู่ และมีไว้เป็นที่รวบรวบข่าวสารเกี่ยวกับแอนนา โซโรคิน
เพื่อไว้ให้นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่ทำวิจัย สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้อ้างอิงได้
ต่อมาในบทความของสำนักข่าว “Insider” ที่เผยแพร่เมื่อกุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา
“แอนนา” ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตัวละครที่อยู่ในซีรีส์ไม่ได้น่าสนใจมากอย่างที่เธอคาดคิดไว้
“จูเลีย การ์เนอร์” ผู้รับบท “แอนนา” ในซีรีส์ “Inventing Anna แอนนา มายา ลวง”
ไม่สนคำวิจารณ์ของนักต้มตุ๋นสาวรายนี้ เพราะว่าแอนนายังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องดังกล่าว
แต่ก็เคารพความคิดเห็นที่เธอบอกนักข่าว แต่ต่อให้แอนนาตัวจริงดูแล้ว
นักแสดงสาวก็โนสนโนแคร์ เพราะเธอทำเต็มที่ที่สุดแล้ว
และยังบอกกับสำนักข่าว “Insider” ด้วยว่า คงจะดีไม่น้อยถ้ามีกล้องตามติดเธอเข้าไป
ตอนนั่งคุยกับแอนนาในเรือนจำ เพราะมันคงเป็นฉากในซีรีส์ที่น่าดูไม่น้อย...
และนี่คือเรื่องจริงที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวซีรีส์แฉชีวิตจริงของสาวนักต้มตุ๋นอันเลื่องชื่อไปทั่วโลก
และหวังว่าทุกคนคงจะไม่ดูคนแต่เพียงภายนอก แต่ให้ดูนาน ๆ
ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกหลอกลวงแบบเหยื่อในเรื่องนี้ก็เป็นได้..
สุดท้ายเราของบอกเลยว่า ซี่รีย์เรื่อง “Inventing Anna แอนนา มายา ลวง”
ทุกคนไม่ควรพลาด เราจะได้เห็นชีวิตจริงของแอนนากับแผนการที่เธอทำ
ถูกนำไปตีแผ่ ผ่านบทละคร สะท้อนชีวิตอีกด้านของมนุษย์….
เมื่อเธอปล้นคนทั้งเมือง จากคดีในตำนาน สู่ซีรีส์ดัง Inventing Anna l บันทึกลึกลับ
Anna Delvey ไฮโซกำมะลอ ใช้ชีวิตหรูหรา หลอกลวงเป็นทายาทมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน
จนหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเธอร่ำรวยเพราะมรดกที่ได้รับกว่า 2 พันล้านบาท
นับว่าเป็นคดีที่สร้างความงุนงงและชวนสงสัยให้กับหลายคนมากเลยทีเดียว
เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งที่ชื่อว่า Anna Delvey สามารถใช้ชีวิตอย่างคนรวยโดยที่ไม่มีเงินสักบาท
ซึ่งวิธีการที่เธอทำนั้นบอกเลยว่าแยบยล และเป็นนักต้มตุ๋นตัวจริงที่มีความชำนาญ
จนสามารถตบตาคนในสังคมให้เชื่อได้อย่างสนิทใจ..
Anna Delvey ชื่อนี้ไม่มีอยู่จริง ชื่อจริงๆ ของเธอนั้นคือ Anna Sorokin
เธอเป็นลูกครึ่งเยอรมัน-รัสเซีย เกิดในปี 1991
และเติบโตในเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า “โดโมเดโดโว” ในประเทศรัสเซีย
เมื่อเธออายุ 16 ปีครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
แต่การใช้ชีวิตสำหรับเด็กสาวในประเทศที่พูดและวัฒนธรรมแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ทำให้เธอปรับตัวอยู่ได้ยาก แอนนาเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายในเอชไวเลอร์
เธอจบการศึกษาระดับมัธยมปลายในปี 2554
ต่อมาเธอลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียนศิลปะ 'Central Saint Martins' ในลอนดอน
แต่เธอลาออกจากโรงเรียนศิลปะและกลับไปเยอรมนีหลังจากนั้นไม่กี่เดือน
หลังจากกลับมาที่เยอรมนีแอนนาก็เริ่มทำงานที่ บริษัท ประชาสัมพันธ์ในกรุงเบอร์ลิน
ซึ่งเธอทำงานเป็นพนักงานฝึกหัด
ต่อมาเธอได้เข้าร่วมโครงการฝึกงานกับนิตยสารแฟชั่นแห่งหนึ่งในกรุงปารีสของฝรั่งเศส
และได้มีโอกาสเดินทางไปทำข่าวเกี่ยวกับสัปดาห์แฟชั่นวีคในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ
และนั่นจุดประกายให้แอนนารู้ว่า นิวยอร์กนี่แหละคือที่ที่เหมาะกับเธอ
ในปี คศ. 2013 “แอนนา” เริ่มต้นสร้างตัวตนปลอมเป็นทายาทมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน
ชื่อว่า “แอนนา เดลวีย์” เมื่อเธอย้ายมาอยู่นครนิวยอร์ก
หลังจากเปลี่ยนชื่อของเธอแล้ว แอนนาก็เปลี่ยนบุคลิกใหม่เป็นทายาทชาวเยอรมันผู้มั่งคั่ง
แกล้งเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยด้วยแรงบันดาลใจในการเปิดตัวธุรกิจใหม่ในสหรัฐอเมริกา
และแอนนาก็เริ่มหลอกลวงให้บรรดาไฮโซในสังคมชั้นสูงของมหานิวยอร์ก
เชื่อแบบหมดใจได้ว่า เธอคือลูกคุณหนูบ้านรวย
และเธอเป็นเพื่อนกับคนมากมายด้วยการใช้เงินซื้อเพื่อน
และหนึ่งในวีรกรรมหลอกเอาเงินคนอื่นมาปรนเปรอความสุขตัวเอง
ที่ทำให้ทุกคนอิหยังว่ะมากที่สุด แต่ก็ยังไม่มีใครจับพิรุธเธอได้ว่าเป็นนักต้มตุ๋น
เกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อเธอจองทริปไปเวนิสในอิตาลีกับ “ไมเคิล ซูฟู่ หวง (Michael Xufu Huang)”
หลังจากจบทริปก็ทำทีว่า ลืมจ่ายเงินค่าท่องเที่ยวและค่าโรงแรมให้กับเขา
แต่ในเมื่อความจริงมันมีเพียงหนึ่งเดียว ทำให้แอนนาเริ่มค่อยๆโป๊ะแตก
เมื่อมีคนเริ่มสงสัยว่า “แอนนา” เป็นนักต้มตุ๋น
ในปี 2016 เมื่อเธอจัดงานปาร์ตี้วันเกิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
แต่บัตรเครดิตของเธอไม่สามารถชำระเงินได้
สุดท้ายแล้วเมื่อทางร้านสืบสาวราวเรื่องจึงทราบว่า บัตรเครดิตที่ใช้จองร้านอาหารนั้น
เป็นบัตรเครดิตปลอมและข้อมูลที่อยู่บนบัตรก็ล้วนปลอมทั้งสิ้น
แต่ความมั่นหน้ามั่นโหนกของแอนนา ก็ไม่มีที่สิ้นสุด
แอนนายังคงเชื่อว่าตัวเธอ คือแอนนา เดลวีย์ ลูกสาวมหาเศรษฐีเยอรมัน
ต่อมา แอนนา สร้างรายการเงินฝากถอนในบัญชี (Bank Statement) ปลอม
เพื่อเข้าถึงเงินในบัญชีธนาคารแห่งชาติสวิสมากถึง 60 ล้านยูโร หรือราว 2.2 พันล้านบาท
แอนนาพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ปล่อยเงินกู้ 22 ล้านเหรียญ
เธออ้างว่าเงินกู้ถูกนำไปใช้ในการจัดตั้งโครงการธุรกิจในฝันซึ่งเป็นสโมสรประเภท 'โซโหเฮาส์'
จากนั้นได้ขอยืมเงินธนาคารเป็นเงินกว่า 1.7 ล้านบาท เพื่อซื้อเสื้อผ้าราคาแพง
และอาศัยอยู่ในโรงแรมอันหรูหรา โดยเธอเป็นแขกผู้เข้าพักที่พนักงานโรงแรมต่างเลื่องลือว่า
ให้ทิปหนักมากถึงหลักหมื่นบาทและยังยกแชมเปญให้ด้วย
และหนึ่งในเพื่อนของแอนนา คือเจ้าหน้าที่ดูแลแขกของโรงแรมแห่งหนึ่งที่แอนนาเข้าพัก
เธอมีชื่อว่า Neffatari Davis ซึ่งได้ทิปจากแอนนาครั้งละ 100 ดอลล่าร์
ทำให้เนฟเชื่อมั่นว่า Anna เป็นลูกสาวมหาเศรษฐีเยอรมันจริงๆ
และด้วยงานดูแลแขกของ Neffatari มันทำให้ Anna ได้รู้จักกับคนในวงสังคมชั้นสูงของนิวยอร์ก
และแอนนายังเป็นเพื่อนที่มีกลุ่มสังคมชั้นสูงเช่น Macaulay Culkin และ Martin Shkreli
มันทำให้ความน่าเชื่อถือในตัวของแอนนานั้นเพิ่มมากขึ้น
ในปี 2017 แอนนาไปเที่ยวพักผ่อนที่มาราเกซ ประเทศโมร็อกโก
กับเรเชล วิลเลียม เซเลบสาวคนหนึ่ง และเพื่อนอีก 3 คน
โดยแอนนาได้บอกกับเพื่อนของเธอว่า..เธอจะดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้เอง
แต่มื่อถึงโรงแรมที่เข้าพักแล้วต้องชำระค่าใช้จ่าย แต่บัตรที่เธอจะใช้รูดเกิดรูดไม่ผ่าน
เธอโน้วน้าวเพื่อนคนหนึ่งของเธอรูดบัตรจ่ายแทนไปกว่า 62,000 ดอลลาร์
โดยบอกว่าเธอจะชดใช้คืนให้กับเพื่อนทั้งหมด..
ต่อมาหลังจาก “แอนนา” เดินทางกลับจากมาราเกซ
เธอถูกไล่ออกจากโรงแรมที่เข้าพักหลายแห่ง เนื่องจากไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายได้
ทั้งโรงแรมบีคแมน (The Beekman) และโรงแรมดับเบิ้ลยู (W Hotel) ได้ฟ้องร้องเธอ
ในข้อหาขโมยบริการ และเธอยังถูกสอบสวนในข้อหาฉ้อโกงธนาคาร
แอนนาถูกจับนับ 10 ข้อหา …
โดยบีบีซีบราซิลได้รายงานว่า ไซรัส แวนซ์ อัยการเขตแมนฮัตตัน ยื่นฟ้องแอนนา
เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2017 กว่า 10 ข้อหาในคดีอาญา ตั้งแต่การปลอมแปลงเช็ค,
ขโมยเงินกู้ ไปจนถึงกลอุบายที่ทำให้ตัวเองได้ไปเที่ยวโมร็อกโกฟรี
และได้เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว
การพิจารณาคดีของ “แอนนา” ก็ดุเด็ดเผ็ดร้อนไม่แพ้มหากาพย์ต้มตุ๋นของเธอ
ซึ่งอัยการระบุว่าในช่วงพฤศจิกายน 2016 ถึงสิงหาคม 2017
แอนนาไม่ได้ฉ้อโกงเพียงแค่ โรงแรม ธนาคาร และธุรกิจต่างๆ
แต่เธอยังหลอกลวงเพื่อนของเธออีกด้วย โดยเธอเผยความรู้สึกว่า เป็นตัวของตัวเอง
เมื่ออยู่ในโลกของแฟชั่น และศิลปะ ซึ่งเธอตั้งใจจะก่อตั้งมูลนิธิ Anna Delvey เพื่องานศิลปะอีกด้วย
เธอเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการนี้ด้วยการ ใช้ Bank Statement และเอกสารปลอมอื่นๆ
ในการขอกู้เงินธนาคารมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำมาก่อตั้งมูลนิธิศิลปะในแมนฮัตตัน
อย่างไรก็ตามเธอถูกกลับปฏิเสธในการกู้เงิน
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังได้เงินล่วงหน้าจำนวน 1 แสนดอลลาร์มาใช้
ซึ่งอัยการได้เผยว่า “แอนนาใช้เช็คปลอมในการหมุนเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่น
และถอนเงินออกมาก่อนที่เช็คจะเด้ง”
โดยอัยการระบุว่า แอนนาใช้เงินจากการต้มตุ๋นจำนวน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เพื่อนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับการจ่ายค่าโรงแรมห้าดาวย่านโซโห ในกรุงนิวยอร์ก
เบี้ยวค่าเช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว จำนวน 3.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย
และจากการที่สร้างกลอุบายจนได้ไปเที่ยวทริปหรูที่ประเทศโมร็อกโก
โดยเธอได้หลอกลวง เรเชล วิลเลียม ซึ่งเรเชลได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารนิวยอร์กว่า
แอนนาชวนเธอไปทริปหรูที่ประเทศโมร็อกโก และขอให้เธอออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปก่อน
ซึ่งเป็นค่าห้องจำนวน 6.2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเธอเองก็ยังไม่ได้เงินจำนวนนั้นคืนเลย
แอนนา ลูกสาวกำมะลอ ของมหาเศรษฐีเยอรมัน ที่เคยใช้ชีวิตแบบวิถีคนรวย
ผู้มีอันจะกินมาได้อย่างยาวนาน จนตัวเองเคยชินกับสิ่งนั้น จึงทำให้แม้ขณะที่เธอขึ้นศาล
แอนนาก็ยังสวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูอย่าง Yves Saint Laurent และ Miu Miu
ซึ่งอัยการได้บอก แอนนาได้จ้างสไตล์ลิสต์ และมีเทรนเนอร์ส่วนตัว
และเธอยังถูกตำหนิจากศาลด้วยว่าเธอมาสาย เพราะปฏิเสธเสื้อผ้าที่ทางศาลจัดไว้ให้
โดยเธอบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่ได้มาตรฐาน และไม่เหมาะกับเธอ
แต่ทนายของแอนนาได้แก้ต่างให้กับลูกความว่า “ลูกความของเขาไม่ได้ตั้งใจขโมยเงินของใคร
เพียงแค่อยากซื้อเวลา โดยพยายามที่จะสร้างตัวเองและทำธุรกิจ เพื่อที่จะเอาเงินนั้นมาใช้หนี้”
หลังการแอนนาถูกจับกุมสื่อก็เริ่มให้ความสนใจสนใจในคดีของเธอ
ซึ่งทำให้เธอโด่งดังมากขึ้น ในปี 2018 นิตยสาร 'New York' ตีพิมพ์เรื่องราวของ Anna
แอนนาถูกส่งอยู่ที่สถานบำบัดการติดยาเสพติด “พาสเสจ มาลิบู (Passages Malibu)”
ในปี 2017 และในปี 2019 เธอถูกตั้งข้อหาในคดีลักทรัพย์หลายกระทง
และเธอถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 4- 12 ปี แอนนาถูกจำคุกเป็นเวลา 4 ปี
ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวเมื่อ ก.พ. 2021
นับตั้งแต่แอนนาถูกปล่อยตัวออกมา เธอได้ตระเวนออกสื่ออย่างไม่แยแส
และยังจ้างช่างภาพส่วนตัวอีกด้วย โดยแอนนาได้กล่าวว่า..
เธอกำลังมีแพลนสร้างซีรีส์โทรทัศน์เป็นของตัวเอง
แต่...ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น แอนนาถูกจับกุมอีกครั้ง
โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา
ในข้อหาอยู่สหรัฐฯ เกินกำหนด เธอถูกขังในเรือนจำระหว่างอุทธรณ์
โดยไม่ให้ถูกเนรเทศออกนอกประเทศ
เรื่องราวชีวิตจริงของเธอถูกขายให้กับ Netflix เป็นเงินทั้งหมด 10.3 ล้านบาท
แต่เงินทั้งหมดนี้ รวมถึงกำไรจากการขายซีรีส์เรื่อง “Inventing Anna” จะไม่ตกถึงเธอสักแดงเดียว
เพราะจะถูกนำไปจ่ายชดใช้คนที่เธอหลอกลวงเอาเงินมาทั้งหมด
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ “แอนนา” ได้เผยกับสำนักข่าวสหรัฐฯ ชื่อดัง “Insider” ว่า
เธอเบื่อการเดินทางไป-กลับศาลบนเกาะแมนฮัตตันกับเรือนจำที่เธอต้องอยู่
ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะไรเกอร์ในทุก ๆ วัน ที่มีการสืบพยาน
เธอเล่าว่ากว่าจะกลับมาถึงเรือนจำในตอนกลางคืนก็ปาไป 4 ทุ่ม
และต้องตื่นตอนตี 4 เพื่อไปศาลในแมนฮัตตันอีกครั้ง
ซีรีส์ “Inventing Anna แอนนา มายา ลวง” ทีมผู้สร้างซีรีส์ได้วางแผนเปิดตัวซีรีส์เรื่องนี้
ตรงกับวันที่ “แอนนา” ถูกปล่อยออกจากเรือนจำหลังจากต้องโทษจำคุกหลังก่อคดีมากมาย
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2021 เนื่องจากเธอเป็นผู้ต้องขังชั้นดี
ทำให้ “แอนนา” ได้รับการลดโทษเหลือ 4 ปี จากเดิม 12 ปี
“แอนนา” ใฝ่ฝันที่จะมีสถานที่ตั้งโชว์งานศิลปะและแฟชั่นชั้นสูงเป็นของตัวเอง
แน่นอนว่าเธอได้ก่อตั้งสถานที่แห่งนี้ขึ้นโดยใช้ชื่อว่า “Anna Delvey Foundation”
แต่หลังจากเธอถูกเปิดโปงว่าเป็นไฮโซกำมะลอ ก็ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้
แต่ตัวเว็บไซต์ยังคงอยู่ และมีไว้เป็นที่รวบรวบข่าวสารเกี่ยวกับแอนนา โซโรคิน
เพื่อไว้ให้นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่ทำวิจัย สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้อ้างอิงได้
ต่อมาในบทความของสำนักข่าว “Insider” ที่เผยแพร่เมื่อกุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา
“แอนนา” ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตัวละครที่อยู่ในซีรีส์ไม่ได้น่าสนใจมากอย่างที่เธอคาดคิดไว้
“จูเลีย การ์เนอร์” ผู้รับบท “แอนนา” ในซีรีส์ “Inventing Anna แอนนา มายา ลวง”
ไม่สนคำวิจารณ์ของนักต้มตุ๋นสาวรายนี้ เพราะว่าแอนนายังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องดังกล่าว
แต่ก็เคารพความคิดเห็นที่เธอบอกนักข่าว แต่ต่อให้แอนนาตัวจริงดูแล้ว
นักแสดงสาวก็โนสนโนแคร์ เพราะเธอทำเต็มที่ที่สุดแล้ว
และยังบอกกับสำนักข่าว “Insider” ด้วยว่า คงจะดีไม่น้อยถ้ามีกล้องตามติดเธอเข้าไป
ตอนนั่งคุยกับแอนนาในเรือนจำ เพราะมันคงเป็นฉากในซีรีส์ที่น่าดูไม่น้อย...
และนี่คือเรื่องจริงที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวซีรีส์แฉชีวิตจริงของสาวนักต้มตุ๋นอันเลื่องชื่อไปทั่วโลก
และหวังว่าทุกคนคงจะไม่ดูคนแต่เพียงภายนอก แต่ให้ดูนาน ๆ
ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกหลอกลวงแบบเหยื่อในเรื่องนี้ก็เป็นได้..
สุดท้ายเราของบอกเลยว่า ซี่รีย์เรื่อง “Inventing Anna แอนนา มายา ลวง”
ทุกคนไม่ควรพลาด เราจะได้เห็นชีวิตจริงของแอนนากับแผนการที่เธอทำ
ถูกนำไปตีแผ่ ผ่านบทละคร สะท้อนชีวิตอีกด้านของมนุษย์….