คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
เราขำมุก เสื้อผ้าคุณเหมือนชนกลุ่มน้อย (ในตู้เสื้อผ้า) มาก เล่าซะเห็นภาพเลย
ภรรยาคุณ ใช้เงินตัวเอง และเป็นเพียง 20% ของรายได้เพื่อซื้อความสุขของเธอ
แถมมีความรู้สึกผิด เวลาคุณปราม เวลาเธอสั่งของมาใหม่ ก็มาทำเป็นประจบเอาใจคุณ
แสดงว่า เธอรู้ตัวค่ะ ว่าจุดนี้ เธอทำเกินไป อยากจะแก้ไขตัวเองนะ แต่ยังเข้มแข็งไม่พอ
ขอทำนายว่า … ในอนาคต เมื่อเธออายุมากขึ้น เธอจะหยุดได้ค่ะ
(คำทำนายนี้ อ้างอิงมาจาก ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชอบสะสมของ ซื้อสิ่งที่ชอบ แล้วมีความสุข)
ผู้หญิงคนนี้ เวลาสนใจอะไรเป็นพิเศษ เธอจะต้องมีให้ครบคอลเลคชั่นค่ะ
เช่น หนังสือ ของนักเขียนคนโปรด เธอจะมีครบทุกเล่ม (และเธอก็โปรดนักเขียนหลายคนเสียด้วยสิ)
บรรดา เครื่องเขียน และสมุดบันทึก เธอมีมากจนขนาดที่เธอตระหนักดีว่า
ตลอดชีวิตนี้ เธอจะไม่สามารถใช้ได้หมด
แต่กระนั้นก็ยังไม่วาย …
ไปร้านหนังสือทีไร ผ่านร้านเครื่องเขียนทีไร มีลายใหม่ๆออกมา
ต่อมความอยากจะทำงานโดยฉับพลัน … อยากได้เหลือเกิน
วิธีแก้นิสัย ที่เธอนำมาใช้ และใช้เวลา กว่า สิบปี กว่าที่โรคนี้จะบรรเทาเบาบางลง
จนถึงทุกวันนี้ เธอไม่ได้ไปงานสัปดาห์หนังสือ (ห้ามตัวเองได้เพราะที่ซื้อมายังไม่ได้อ่าน สี่ร้อยกว่าเล่ม)
เธอไม่ได้ซื้อเครื่องเขียนใหม่มานานแล้ว (อืมมมม นับครั้งล่าสุดที่ซื้อนี่ เจ็ดเดือนมาแล้วนะคะ)
1. ให้เพื่อนช่วยเตือน เวลาจะตัดสินใจซื้ออะไร ทำความตกลงไว้ว่า จะถามเพื่อนก่อน ถ้าเพื่อนอนุญาตค่อยซื้อ
และแน่นอนค่ะ ว่าเพื่อนไม่เคยอนุญาต
(ข้อนี้เริ่มใช้ตอนอยากแก้นิสัยใหม่ๆ ได้ผลสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ความอยากยังไม่หมดไป พอเพื่อนเผลอ ก็จะย่องไปซื้อมาอีก)
2. นำทุกอย่างที่มีมากองรวมกัน
ได้ไอเดียมาจาก คนโด มาริเอะ ผู้เขียนเรื่องชีวิตดีขึ้นทุกด้าน ด้วยการจัดบ้าน ฯ
พอเอาบรรดา หนังสือ / สมุดบันทึก / เครื่องเขียน ที่มี มากองรวมกัน
มันจะเห็นชัดเลยว่า สิ่งที่เรามีมันมาก เกินไปแล้ว
(ข้อนี้ จะช่วยตอนจะชอปปิ้งค่ะ ภาพที่เรามีของเป็นภูเขาเลากา จะทำให้เกิดสติ สำนึกตนได้ทันก่อนจะซื้อ)
3. จากข้อสอง ทำให้รู้สึกอยากเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย สไตล์มินิมอล บ้านโล่งๆ
ไม่สะสมอะไร ย้ายบ้านทีหากมีกระเป๋าเดียวได้คงเท่ไม่หยอก
(ข้อนี้ แค่จะช่วยลดทอน อาการความสุข เวลาเห็นของสะสมของตน มามีความสุขในความอิสระจากความไม่มีค่ะ)
ตอบคำถาม จขกท ว่ามีแค่ไหน เธอจึงจะพอใจ
ตอบว่า แค่ไหน ก็ไม่พอค่ะ
ความอยากได้ อยากมีของมนุษย์ ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีวันถมให้เต็มได้ ตราบใดที่อยากปุ๊บ ก็ตอบสนองโดยการซื้อปั๊บ
จนกว่าเธอจะเริ่มเห็น เริ่ม”ตระหนัก” ออกจากใจตัวเองจริงๆ
อยากจะหยุดจริงๆ เพราะเห็นแล้วว่า เธอมี “มากไป” แล้วนั่นแหละค่ะ
จึงจะเป็นยาแรง พอที่จะทำให้เธอ จะห้ามตัวเองไม่ได้ซื้อเพิ่มได้
ภรรยาคุณ ใช้เงินตัวเอง และเป็นเพียง 20% ของรายได้เพื่อซื้อความสุขของเธอ
แถมมีความรู้สึกผิด เวลาคุณปราม เวลาเธอสั่งของมาใหม่ ก็มาทำเป็นประจบเอาใจคุณ
แสดงว่า เธอรู้ตัวค่ะ ว่าจุดนี้ เธอทำเกินไป อยากจะแก้ไขตัวเองนะ แต่ยังเข้มแข็งไม่พอ
ขอทำนายว่า … ในอนาคต เมื่อเธออายุมากขึ้น เธอจะหยุดได้ค่ะ
(คำทำนายนี้ อ้างอิงมาจาก ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชอบสะสมของ ซื้อสิ่งที่ชอบ แล้วมีความสุข)
ผู้หญิงคนนี้ เวลาสนใจอะไรเป็นพิเศษ เธอจะต้องมีให้ครบคอลเลคชั่นค่ะ
เช่น หนังสือ ของนักเขียนคนโปรด เธอจะมีครบทุกเล่ม (และเธอก็โปรดนักเขียนหลายคนเสียด้วยสิ)
บรรดา เครื่องเขียน และสมุดบันทึก เธอมีมากจนขนาดที่เธอตระหนักดีว่า
ตลอดชีวิตนี้ เธอจะไม่สามารถใช้ได้หมด
แต่กระนั้นก็ยังไม่วาย …
ไปร้านหนังสือทีไร ผ่านร้านเครื่องเขียนทีไร มีลายใหม่ๆออกมา
ต่อมความอยากจะทำงานโดยฉับพลัน … อยากได้เหลือเกิน
วิธีแก้นิสัย ที่เธอนำมาใช้ และใช้เวลา กว่า สิบปี กว่าที่โรคนี้จะบรรเทาเบาบางลง
จนถึงทุกวันนี้ เธอไม่ได้ไปงานสัปดาห์หนังสือ (ห้ามตัวเองได้เพราะที่ซื้อมายังไม่ได้อ่าน สี่ร้อยกว่าเล่ม)
เธอไม่ได้ซื้อเครื่องเขียนใหม่มานานแล้ว (อืมมมม นับครั้งล่าสุดที่ซื้อนี่ เจ็ดเดือนมาแล้วนะคะ)
1. ให้เพื่อนช่วยเตือน เวลาจะตัดสินใจซื้ออะไร ทำความตกลงไว้ว่า จะถามเพื่อนก่อน ถ้าเพื่อนอนุญาตค่อยซื้อ
และแน่นอนค่ะ ว่าเพื่อนไม่เคยอนุญาต
(ข้อนี้เริ่มใช้ตอนอยากแก้นิสัยใหม่ๆ ได้ผลสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ความอยากยังไม่หมดไป พอเพื่อนเผลอ ก็จะย่องไปซื้อมาอีก)
2. นำทุกอย่างที่มีมากองรวมกัน
ได้ไอเดียมาจาก คนโด มาริเอะ ผู้เขียนเรื่องชีวิตดีขึ้นทุกด้าน ด้วยการจัดบ้าน ฯ
พอเอาบรรดา หนังสือ / สมุดบันทึก / เครื่องเขียน ที่มี มากองรวมกัน
มันจะเห็นชัดเลยว่า สิ่งที่เรามีมันมาก เกินไปแล้ว
(ข้อนี้ จะช่วยตอนจะชอปปิ้งค่ะ ภาพที่เรามีของเป็นภูเขาเลากา จะทำให้เกิดสติ สำนึกตนได้ทันก่อนจะซื้อ)
3. จากข้อสอง ทำให้รู้สึกอยากเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย สไตล์มินิมอล บ้านโล่งๆ
ไม่สะสมอะไร ย้ายบ้านทีหากมีกระเป๋าเดียวได้คงเท่ไม่หยอก
(ข้อนี้ แค่จะช่วยลดทอน อาการความสุข เวลาเห็นของสะสมของตน มามีความสุขในความอิสระจากความไม่มีค่ะ)
ตอบคำถาม จขกท ว่ามีแค่ไหน เธอจึงจะพอใจ
ตอบว่า แค่ไหน ก็ไม่พอค่ะ
ความอยากได้ อยากมีของมนุษย์ ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีวันถมให้เต็มได้ ตราบใดที่อยากปุ๊บ ก็ตอบสนองโดยการซื้อปั๊บ
จนกว่าเธอจะเริ่มเห็น เริ่ม”ตระหนัก” ออกจากใจตัวเองจริงๆ
อยากจะหยุดจริงๆ เพราะเห็นแล้วว่า เธอมี “มากไป” แล้วนั่นแหละค่ะ
จึงจะเป็นยาแรง พอที่จะทำให้เธอ จะห้ามตัวเองไม่ได้ซื้อเพิ่มได้
แสดงความคิดเห็น
ทำไมผู้หญิงต้องอ้างว่า "แบบนี้ยังไม่มี" ทั้งที่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าเต็มตู้ จะต้องมีทุกแบบบนโลกเลยรึไงถึงจะพอใจ
เสื้อผ้าผมเหมือนชนกลุ่มน้อย มีอยู่ประมาณ 20 ตัว แขวนอยู่หลบมุมหลืบๆ กับในลิ้นชักทั้งหมด 2 ช่อง จากทั้งหมด 16 ช่อง
ทุกครั้งที่แฟนซื้อของมาใหม่ จะให้เหตุผลแบบเขินๆว่า "แบบนี้ยังไม่มี" คือมันก็มีแบบใหม่มาเรื่อยๆ ถึงไม่ได้ซื้อของแพง แต่รู้สึกว่ามันมากเกินความจำเป็น
พอถามจี้เข้าก็หัวเราะแก้เขินแล้วหนีไปเลย ถามมาหลายปีแต่ไม่เคยมีคำตอบ สักพักจะกลับมาพร้อมความน่ารักเอาใจอยู่สักพักนึง
พอถามอีกก็ตอบเขินๆ ว่า "เอาน่าาา นานๆ ซื้อที ไม่ได้ซื้อเยอะ ไม่ซื้อแล้วค่า" ผ่านไปสัก 3-5 วันคอลเลคชั่นใหม่ก็มาส่งอีกละ
ถ้าไม่นับของอย่างอื่น มาส่งรอบนึงประมาณ 5-10 ออเดอร์ เคยทำสถิติเดือนละ 150 ออเดอร์มาแล้ว
ส่งบ่อยจน ขนส่งไม่เคยโทรถามบ้านอีกเลย ไม่พอยังรู้เวลาว่าถ้าไม่อยู่ฝากที่บ้านไหนได้บ้าง หลังๆ ทำเนียนสั่งลงบ้านเพื่อน
ยังดีที่ส่วนใหญ่จะออกเงินเองและเป็นเงินประมาณ 20% ของรายได้
อยากรู้ว่าบ้านอื่นเป็นแบบนี้กันมั๊ย แล้วจะต้องมีแค่ไหนถึงจะพอใจ เสื้อผ้ามันก็ออกมาใหม่เรื่อยๆ จะมีทุกแบบเลยเหรอถึงเธอจะพอใจ
อยากให้นักจิตวิทยามาตอบด้วยว่า ทำไมผู้หญิงถึงไม่หยุดซื้อเสื้อผ้าสักที