[TOPISBACK] บทสัมภาษณ์ของTOPในนิตยสาร PRESTIGE HONG KONG ฉบับเดือนมีนาคม



การสัมภาษณ์ของ Prestige มีการติดต่อไปก่อนหน้าข่าวการคัมแบคและการไม่ต่อสัญญากับYGจะออกมาค่ะ ในการสัมภาษณ์ว่าจะคุยกันเรื่องงานศิลปะ และสัมภาษณ์ผ่าน Zoom ทาบิสวมหมวกสีดำและใส่ฮู้ดดี้สีฟ้า ไม่มีกองทัพสื่อมีทาบิคนเดียวพร้อมกับล่ามช่วยแปลที่ทาบิเรียกเค้าว่า"คุณครูสอนภาษาอังกฤษของผม"

ทาบิได้พูดถึงเรื่องที่ตัวเค้าไปเกี่ยวข้องกับกัญชาและกล่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต"นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ ผมได้พยายามที่จะฆ่าตัวตายเมื่อ 5 ปีก่อน ผมได้มารู้ทีหลังว่าการกระทำนี้ได้สร้างความเจ็บปวดและความทรงจำที่เลวร้ายมากแค่ไหนให้กับผู้คนรอบๆตัวผม ครอบครัวและแฟนๆของผม"

"จริงๆแล้วผมตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะหยุดทำงานเพลงและเลิกเป็นนักดนตรีแต่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ผมก้าวต่อไปก็คือดนตรี ผมเขียนเพลงกว่า 100 เพลงในช่วง5ปีให้หลังนี้ มันเป็นแรงผลักดันของผม "

"แรงผลักดันนั้นมันเหมือนกับการอยากจะเติมชั้นหนังสือให้เติมด้วยผลงานของผมเอง มันเป็นความหลงใหลของผม ผมตระหนักได้ว่ามันเป็นสิ่งควรค่ามากแค่ไหนที่จะต้องตอบแทนกลับคืนในสิ่งที่ผมได้รับมา" ..." ผมรู้สึกเหมือนว่าได้เกิดใหม่"

“ตั้งแต่ยังเด็กผมทุกข์ทรมานกับอาการซึมเศร้า แต่การที่ได้มองสิ่งที่สวยงาม โดยเแพาะงานศิลปะทำให้ผม ผ่อนคลาย ทำให้ผม สบายใจ " ทาบิยอมรับว่าตัวเค้ามักจะมีสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับความรู้สึกของตัวเค้าเอง "ผมเกิดมาเพื่อรับความเศร้า" "ผมรู้สึกถึงความอ่อนไหวมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นๆ ผมรู้จักความรู้สึกนี้ผมรู้สึกถึงมันและผมใช้เวลาและความพยายามอย่างมากที่จะเอาชนะความรู้สึกนั้นโดยการใช้เวลาไปกับงานศิลปะ"

ทาบิดีใจที่ถูกเรียกว่าเป็นศิลปินแต่เค้าชอบมากกว่าที่จะปล่อยงานศิลปะในแขนงอื่นๆที่ไม่ใช่งานดนตรีและการแสดงให้กับมืออาชีพจะดีกว่า"ผมคิดว่าคนที่เป็นที่สุดในงานนั้นควรจะเป็นคนที่สร้างสรรค์มันขึ้นมาครับ""ผมว่าตัวเองมีสายตาที่จะมองออกว่าอะไรคืองานศิลปะที่ดีแต่ผมไม่จำเป็นต้องวาดรูปเก่ง"
"ตั้งแต่ผมอายุ5ขวบ ผมก็เริ่มฝันเกี่ยวกับดนตรีและการเป็นนักดนตรี ความฝันนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย" แม้ว่าทาบิจะหลงรักการแร๊พแต่ความรักที่เค้ามีต่อ ความสวยงามที่มาจากมองสิ่งสวยงาม ไม่ได้จางหายไป รายได้ที่ได้จากการทำเพลง เค้านำไปสะสมสิ่งสวยงามมากมาย
มีรายงานข่าวว่าทาบิใช้เงิน 95 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ไปกับงานศิลปะ แต่ทาบิให้สัมภาษณ์กับ Prestige ว่าจริงๆแล้วมากกว่านั้นอีก สำหรับทาบิ "ศิลปะไม่ใช่สิ่งที่มีไว้มองดูแต่มีไว้ให้ความรู้สึกเท่านั้น ""ไม่ใช่แค่การเดินทางเพื่อค้นพบตัวเอง แต่เป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น "
“ผมพึ่งมาเจอตัวเองในช่วงอายุ 20ในตอนที่ผมใช้เวลาของตัวเองในการเป็นนักดนตรี มันเหมือนกับการเดินทางทางจิตวิญญาณมากกว่าการค้นพบตัวเอง" "ผมเชื่อว่าการที่ผมมีงานศิลปะที่สะสมไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมทำงานเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดขึ้นมา"
ดนตรีทำให้เค้าสามารถมีเงินเพียงพอและเปิดโอกาสให้เค้าสะสมงานศิลปะ และเป็นงานศิลปะที่มอบสร้างบันดาลใจให้เค้าสร้างสรรค์งานดนตรี และเป็นดนตรีที่จุดแสงสว่างให้เค้าในช่วงมืดมนที่สุดในชีวิต คงไม่เป็นการกล่าวมากไปที่เราจะต้องขอบคุณงานศิลปะ ที่ทำให้ทาบิยังอยู่กับเราในวันนี้

"ผมชอบที่จะพูดคุยกับเหล่าศิลปินครับไม่ใช่เพราะจะไปซื้องาน แต่ในฐานะที่เป็นศิลปิน ในฐานะที่เป็นดนตรี ผมเข้าหาพวกเค้าด้วยความหลงใหลที่ไม่มีอะไรเจือปนและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงมีเพื่อนศิลปินมากมาย พวกเค้าเปิดใจให้ผม แม้ว่าบางครั้งพวกเค้าจะเป็นคนที่ปลีกวิเวกมากๆก็ตาม"
"เค้าเป็นพี่น้องทางจิตวิญญาณของผมครับ" ทาบิพูดถึงนักประติมากรชาวญี่ปุ่นคุณ Kohei Nawa "ดูเหมือนว่าเราทั้งคู่จะมีงานที่น่าสนใจร่วมกันในเร็วๆนี้ครับ" PHK เดาว่าน่าจะเป็นNFT ทาบิยังไม่เคยซื้องานNFTแต่เค้ามองว่ามันเป็นเทรนที่ดีง่ายๆเพราะมันสร้างความหลากหลายให้กับความสวยงามบนโลกใบนี้
แม้ว่าจะยังพูดเรื่องโปรเจค NFT ที่ร่วมกับคุณโคเฮไม่ได้แต่ทาบิได้พูดถึงเรื่องยี่ห้อไวน์ที่ได้ทำร่วมกับคุณโคเฮ ซึ่งเป็นยี่ห้อไวน์ที่จะมีงานศิลปะของคุณโคเฮมาร่วมด้วย ถ้านับว่างานศิลปะเป็นความรักอันดับ1ของเค้ารองมาจะเป็นแฟนๆของเค้าอย่างที่ 3 ที่จะต้องตามมาคือ ไวน์
ไวน์ของทาบิล้วนถูกเลือกและผลิตที่ฝรั่งเศส
"มันเริ่มจากตอนที่ผมกำลังประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเพื่อที่จะเป็นการตอบแทนแรงสนับสนุนจากแฟนๆผมก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าผมอยากจะแบ่งปันไวน์ดีๆในราคาที่สมเหตุสมผลไวน์ที่ไม่ใช่มีไว้แค่คนกลุ่มเดียวเท่านั้น แต่สามารถร่วมแบ่งปันให้ทุกๆคนได้"การทำไวน์คือการรวมสิ่งที่ทาบิรักมากๆ3อย่างเข้าด้วยกัน คืองานศิลปะ แฟนๆ และไวน์ เค้าวางแผนว่าจะทำไวน์ให้ทุกคนสามารถซื้อได้ และเงินกำไรจากการทำไวน์เค้าก็จะเอาไปสนับสนุนมูลนิธิงานศิลปะ เป็นการตอบแทนอย่างที่เค้าตั้งใจ

"น่าเศร้าที่เกาหลีเป็นประเทศอันดับ1ที่มีจำนวนผู้ที่ฆ่าตายมากที่สุดในกลุ่มประเทศเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ" "เป็นเวลากว่า 5 ปีมาแล้วที่ผมได้เริ่มศึกษาข้อมูลเหล่านี้มาบ้าง และในสตูดิโอของผมผมพยายามที่จะใส่ความรู้สึกเหล่านั้นลงไปในเพลง"ผ่านทางเสียงเพลงของผมผมอยากจะมอบความหวังและความฝันให้กับคนหนุ่มสาวมากมายที่ตอนนี้กำลังสิ้นหวัง " ที่เกาหลีมีระบบนึงที่ทาบิคิดว่าน่าจะต้องมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมากๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางจิต นั่นคือ วงการ K-POP

"ตัวผมเองโชคดีมากที่ได้ใช้เวลาเป็นเทรนนีไม่ถึง 1 ปีก่อนที่จะเดบิวต์ ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่สั้นมาก แต่ผมเห็นเทรนนีทั้งหลายไม่ว่าชายหรือหญิงต่างจะต้องผ่านระบบที่โหดมากๆพวกเค้าถูกสั่งให้ทำสิ่งต่างๆราวกับหุ่นยนต์"

"วันนึงพวกเค้าอาจจะโด่งดัง อาจจะก้าวหน้าเป็นใหญ่เป็นโต แต่ในหัวใจของพวกเค้าในทิศทางที่เราไม่อาจจะมองเห็นได้ พวกเค้าถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว และรู้สึกอ้างว้างเงียบๆอยู่ภายใน"  ความรู้สึกเหล่านี้ทาบิสามารถเข้าใจได้อย่างดี แล้วทางแก้ละจะแก้กันยังไง ทาบิบอกว่า เราต้องการบริษัทในแนวใหม่ "ผมไม่อยากจะเป็นผู้ผลิตหุ่นยนต์ครับ ผมอยากจะสร้างศิลปินศิลปินที่แท้จริง ผมมั่นใจว่าจะสามารถสร้างวงที่แตกต่างไปจากบิ๊กแบงอย่างสิ้นเชิงออกมาได้ " ด้วยประสบการณ์ในวงการกว่า 16 ปีของทาบิเรามั่นใจว่าเค้ารู้ว่าเค้าจะต้องทำยังไง"ไม่ใช่แค่ในวงการบันเทิงเท่านั้นแต่ผมอยากจะส่งสารไปถึงวงการต่างๆโดยเฉพาะส่งให้กับคนหนุ่มสาวว่าผมต้องการที่จะเริ่มกิจกรรมแบบใหม่ที่สามารถมอบข้อความที่เปี่ยมความหวังและการมองโลกในแง่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ที่เด็กกว่าที่กำลังเผชิญหน้าอยู่บนโลกในขณะนี้" สิ่งที่หากย้อนไปได้ ทาบิอยากจะบอกตัวเองเมื่อครั้งยังเด็กกว่านี้ว่ายังไง ทาบิตอบว่าเค้าจะบอกตัวเองว่า "ทำใจดีๆเข้าไว้นะ"

เกี่ยวกับกระแส Korean Wave ที่สควิดเกมส์ดังไปทั่วโลกและพาราไซด์ค้นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากออสการ์ ทาบิกล่าวว่า "ผมมองว่ามันดีๆเลยนะครับ และคิดว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น มันจะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นอีกแน่ๆ"

สำหรับ BB ในตอนนี้เราสงสัยว่าทาบิคิดอะไรในใจ
"ตั้งแต่แรกเริ่มผมมักจะบอกกับแฟนๆของผมว่าผมภูมิใจมากๆในความเป็น T.O.P จากบิ๊กแบง แต่ในช่วง2-3ปีให้หลังผมเริ่มคิดว่าบางทีนี่คงจะเป็นจุดจบแล้ว บางทีอาจจะต้องไม่มี T.O.Pจากบิ๊กแบงไปซักพัก"

"บิ๊กแบงเป็นวงไอดอล" ทาบิพูดพร้อมหัวเราะ "แต่ตอนนี้ผมแก่เกินไปแล้วและทุกๆคนก็แก่ด้วย " ทาบิเสริมว่าเพลงที่จะคัมแบคคราวนี้จะมีข้อความที่เค้าอยากจะบอกกับแฟนๆรวมอยู่ด้วยและจะมีข้อความบอกถึงเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงอยู่ในช่วงหยุดพักจากการเป็นบิ๊กแบง"

"เพื่อเป็นการซื่อสัตย์ต่อแฟนๆอย่างที่สุด ผมไม่อยากจะบอกเลยจริงๆว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของผม แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆมันคงจะอีกนานทีเดียว กว่าที่ผมจะกลับมาอีกครั้งในฐานะ T.O.P จากบิกแบง "

"ในช่วง5ปีนี้ รสนิยมทางดนตรีและกิจกรรมของพวกเราน่าจะต่างกันออกไปมากและตอนนี้เพลงของบิกแบงและเพลงของ T.O.Pนั้นก็ค่อนข้างแตกต่างกัน ผมอยู่ในจุดนึงของของชีวิตที่ผมอยากจะตื่นรับกับสิ่งท้าทายใหม่ๆทั้งการกระตือรือร้นที่จะรับและส่งผ่านออกไป"

"ผมเคยพูดกับแฟนๆตั้งแต่ผมเดบิวต์แล้วว่าผมเตรียมที่จะคัมแบคและทำอัลบั้มเดี่ยวไม่วันใดก็วันนึงในอนาคตเมื่อผมพร้อม และตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่า ผมพร้อมแล้ว อัลบั้มเดี่ยวแรกของผมจะออกมาในเร็วๆนี้ครับและนี่จะเป็นการเดินทางครั้งแรกสุดของผมที่จะออกมาแบ่งปันว่าจริงๆแล้วตัวตนของผมเป็นยังไง"

“พวกคุณจะต้องประหลาดใจครับเพราะผมเริ่มอัดเพลงมาเรื่อยๆในช่วงที่หยุดพักไปและจะมีดนตรีหลายๆแนวรวมอยู่ในอัลบั้ม เพลงทุกเพลงมาจากหัวใจล้วนๆ ผมใช้หยาดเหงื่อและแรงพยายามมากมายเท่าที่จะเป็นไปได้ทำอัลบั้มนี้ขึ้น" เพลงในอัลบั้มถูกเลือกมาจากเพลงกว่า100เพลงที่เค้าแต่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ นอกจากนี้ยังจะมีภาพยนตร์ที่ถ่ายทำขั้นตอนการทำงานที่รวมเอาทีมงานและนักแสดงระดับโลกมาถ่ายทำจับคู่ไปพร้อมๆกับอัลบั้มนี้ออกมาด้วย
"เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมเดบิวต์เมื่อ 16 ปีก่อน อัลบั้มเดี่ยวแรกของผมจะได้ออกมาอย่างเป็นทางการและอัลบั้มนี้จะถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ด้วยครับ"

“ผมอายุ 34 แล้วและผมก็ผ่านอะไรมาเยอะ ตอนนี้ผมเรียนรู้ที่จะ "ไม่สนยิ้ม"ผมอยู่ในจุดที่ผมสามารถที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผมได้พูดออกไปได้ "
ในฐานะเจ้าของค่ายในอนาคตที่เด็กๆรุ่นใหม่อาจจะไม่อยากฟังคำแนะนำจากเค้า ทาบิกล่าวว่า “พวกเค้ายังต้องเติบโตพวกเค้ายังต้องฝึกฝนต่อไป พวกเค้าจำเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะฟังและรับคำแนะนำเพราะหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ผมจะไม่บอกให้พวกเค้า"ช่างแx่x"เพราะนั่นจะทำให้เกิดผลลบกับพวกเค้าได้จริงๆ"

มันจะรู้สึกยังไงกันนะที่เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่ไม่สังกัดค่ายใดๆในวัย 34 ปีที่มีงานมากมายรออยู่ข้างหน้า
"ในตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเป็นหน้าใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นและผมกำลังเริ่มที่จะทำงานจริงๆในฐานะศิลปิน "
แล้วศิลปินคนนี้เค้ารู้สึกยังไงละ?
ทาบิยิ้ม และกล่าวว่า "ผมแค่มีความสุขครับ"






















เครดิตคำแปลจากแอคคุณ miss mew https://twitter.com/miss_mew?t=UnCXlD7aiCyStkYzq8aDkQ&s=09

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่