ผมใช้ยามาฮ่า สปาร์คนาโน เป็นรถคันแรก ออกมาสิบกว่าปีแล้วที่ศูนย์แห่งนี้และใช้บริการซ่อมจากศูนย์นี้ตามระยะและความสะดวก เนื่องจากหลายปีหลังได้ย้ายไปอยู่ อ.วังเหนือ แต่ก็แวะเวียนมาเชียงใหม่เดือนละครั้ง ล่าสุดวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2565 นี้ มีธุระลงไปที่เชียงใหม่ ระหว่างทางรถมีอาการวูบ ดับ สตาร์ทติด แต่รถไม่มีแรงวิ่ง เลยจอดและเหมารถเข้าไปส่งที่ศูนย์ดังกล่าว เพราะความเชื่อใจในความเป็นตัวแทนของยามาฮ่าประเทศไทย ถึงศูนย์ราวบ่ายโมง นำรถให้ช่างดูอาการ และแจ้งอาการให้ช่างตามข้างต้น (เครื่องวูบ ดับ) พอช่างซ่อมแล้วมาแจ้งอาการว่า ล้างคาบูเรเตอร์ และเปลี่ยนปลั๊กขั้วเสียบหัวเทียนให้ใหม่ ตอนนี้ปกติดีแล้ว ทางผมได้ถามย้ำกับช่างไปแล้วว่าอาการเสียมาจากแค่ 2 สาเหตุนี้หรือ ? และรบกวนให้ช่างตรวจให้ละเอียด เพราะผมอยู่ไกลมาก แต่ทางช่างและเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ฯ ก็ยืนยันอาการและความเรียบร้อยของงานให้ไปชำระค่าบริการและค่าอะไหล่ได้เลย
เมื่อผมได้รับคำยืนยันแล้ว และชำระค่าบริการและอะไหล่เรียบร้อยแล้ว ก็ขี่ออกมาจากศูนย์ตามปกติ และได้เดินทางไปทำธุระในละแวกใกล้เคียง โดยที่ยังไม่กล้าขี่เร็วและยังคาใจในการวินิจฉัยอาการเสียของรถอยู่ (เนื่องจากผมจบช่างยนต์มา แต่ห่างเหินจากวงการช่างมานานแล้ว ไปทำอาชีพอื่นนานแล้ว) พอขี่รถออกมาเลียบทางรถไฟไปทางแยกดอนจั่นซักพัก อาการเดิมของรถก็เกิดขึ้น อย่างที่สังหรณ์ คือ รถวูบ และดับเลย แต่รถยังคงสตาท์ติดอยู่ครับ โชคดีที่ไม่ขี่เร็ว เลยจอดข้างทางและโทรกลับไปหาศูนย์ให้ช่วยนำรถมารับด้วย ตอนนั้นเวลาราว ๆ 4 โมงเย็น รอซักพัก ศูนย์ได้ส่งรถกระบะมารับ ไปถึงศูนย์ เกือบ 5 โมงเย็น ซึ่งใกล้เวลาปิดทำการของศูนย์
เมื่อไปถึงได้สอบถามทางช่างว่าทำไมถึงเกิดอาการเดิมขึ้น ได้คำตอบว่า ต้องทิ้งรถและเบอร์โทรศัพท์ไว้ครับ เพราะศูนย์ใกล้ปิดทำการแล้ว และมีเจ้าหน้าที่คนนึง เข้ามาพูดกับผมว่า ได้ยินเสียงผิดปกติของรถ ตอนสตาร์ทก่อนออกจากศูนย์ไปในตอนบ่ายที่รับรถไปครั้งแรก ผมก็ถามกลับว่า ถ้าพี่เห็นว่าผิดปกติ พี่ไม่ทักท้วงไว้ (ปกติเป็นหน้าที่ต้องทักท้วงไว้ และหากผิดปกติต้องไม่ส่งมอบรถให้ลูกค้า ไม่ใช่เหรอครับ)
ซึ่งผมก็ได้บอกไปแล้วว่าผมมาไกล ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยในการอยู่ค้างที่เชียงใหม่เพื่อรอการวินิจฉัยและการซ่อมรถในการเปิดทำการในวันจันทร์ที่ 7 อีกครั้งนึง ซึ่งทำให้ผมเกิดรายจ่ายในเรื่องที่พัก อาหาร และเสื้อผ้า ในการอยู่ค้างเพื่อรอการตรวจวิเคราะห์อาการเสียของรถในวันจันทร์นะครับ
(Service mind และ responsibility รู้จักมั้ยครับ)
ผมแจ้งไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็แยกย้าย ปล่อยผมและภรรยาเดินออกมาตามยถากรรม
อันที่จริงถ้าวิเคราะห์ปัญหาให้ผมแล้วว่าต้องใช้เวลาในการตรวจและวิเคราะห์หลายวัน ผมจะได้เดินทางกลับบ้านเลย แต่ไม่มีแม้ซักคนจะทำอะไร......
ผมอยู่รอที่เชียงใหม่อีก 2 คืน เช้าวันจันทร์เดินไปที่ศูนย์บริการนี้ เวลา 9.00 น.
ช่างเจอหน้า เดินมาแจ้งว่า รถต้องทิ้งไว้หลายวันนะครับ ต้องเปิดเครื่องดู ตอนนี้สูบติด สตาร์ทไม่ได้เลย( แต่วันนั้นรถยังคงสตาท์ติดอยู่นะครับ)
ผมถามว่า ทำไมไม่สามารถวิเคราะห์ได้ก่อนหน้านี้หรือ ได้คำตอบว่า สูบติดมองด้วยตาไม่รู้ (ก็เพราะไม่รู้ ผมเลยมาที่ศูนย์บริการนี่ไง ลืมไปหรือเปล่าครับ) ผมถามกลับไปว่า ผมทิ้งเบอร์โทรไว้ ทำไมไม่โทรแจ้งผม ผมไม่ได้รับคำตอบ....
ตกลง ผมก็ต้องเดินทางกลับบ้านโดยรถสองแถว เมื่อมาถึงบ้านช่วงบ่ายๆ ทางศูนย์โทรมาแจ้งว่าเปิดเครื่องดูแล้ว มีอาการดังต่อไปนี้
1. สูบติด ต้องเปลี่ยนลูกสูบ แหวน รวมเสื้อสูบด้วย เพราะประวัติคันนี้เคยเปลี่ยนลูกสูบมาแล้วครั้งนึง
2. ปั้มน้ำมันเครื่องชำรุด ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ ช่างบอกว่าตัวนี้ชำรุดทำให้ไม่วิดสาดน้ำมันเครื่องไปที่ชุดลูกสูบ สูบเลยติด
(อันนี้ตามความรู้ผมและข้อมูลที่ช่างบอกมา ตรงนี้คือปัญหาหลักที่ควรถูกแก้ไขตั้งแต่แรกไม่ใช่รึครับ..)
3. ผ้าคลัทช์ไหม้ เปลี่ยนยก
รวมแล้วค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 บาท ครับ...
อันที่จริงแล้ว ถ้ามีการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนทั้งจากช่าง หัวหน้าช่าง และ เจ้าหน้าที่รับรถ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าซ่อม ในช่วงบ่ายวันเสาร์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นของรถ น่าจะประมาณข้อ 2 ไหมครับ ? ไม่น่าจะเสียหายมากถึงขนาดมั้ยครับ...
ล่าสุด ผมส่งเรื่องเข้ายามาฮ่าไทยแลนด์แล้ว ผมอยากทราบว่ามาตรฐานงานซ่อมและความรับผิดชอบ การประกันงานซ่อม ยังคงมีอยู่ใช่มั้ยครับ...ซึ่งคำตอบจะเป็นตัวตัดสินทัศนคติของลูกค้าเช่นผม...ว่าผมควรเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นได้แล้วหรือไม่....
ถ้าเป็นเพื่อน ๆ เจอเหตุการณ์อย่างผม จะทำอย่างไรดีครับ...กับงานซ่อมแบบนี้.. และเหตุการณ์แบบนี้
ขอบคุณทุกความเห็นครับ..แล้วสุดท้ายผลเป็นอย่างไรในเดือนนี้น่าจะสรุปครับ?
นำรถเข้าศูนย์ยามาฮ่าที่กลางเมืองเชียงใหม่แล้วเจอแบบนี้ครับ?
เมื่อผมได้รับคำยืนยันแล้ว และชำระค่าบริการและอะไหล่เรียบร้อยแล้ว ก็ขี่ออกมาจากศูนย์ตามปกติ และได้เดินทางไปทำธุระในละแวกใกล้เคียง โดยที่ยังไม่กล้าขี่เร็วและยังคาใจในการวินิจฉัยอาการเสียของรถอยู่ (เนื่องจากผมจบช่างยนต์มา แต่ห่างเหินจากวงการช่างมานานแล้ว ไปทำอาชีพอื่นนานแล้ว) พอขี่รถออกมาเลียบทางรถไฟไปทางแยกดอนจั่นซักพัก อาการเดิมของรถก็เกิดขึ้น อย่างที่สังหรณ์ คือ รถวูบ และดับเลย แต่รถยังคงสตาท์ติดอยู่ครับ โชคดีที่ไม่ขี่เร็ว เลยจอดข้างทางและโทรกลับไปหาศูนย์ให้ช่วยนำรถมารับด้วย ตอนนั้นเวลาราว ๆ 4 โมงเย็น รอซักพัก ศูนย์ได้ส่งรถกระบะมารับ ไปถึงศูนย์ เกือบ 5 โมงเย็น ซึ่งใกล้เวลาปิดทำการของศูนย์
เมื่อไปถึงได้สอบถามทางช่างว่าทำไมถึงเกิดอาการเดิมขึ้น ได้คำตอบว่า ต้องทิ้งรถและเบอร์โทรศัพท์ไว้ครับ เพราะศูนย์ใกล้ปิดทำการแล้ว และมีเจ้าหน้าที่คนนึง เข้ามาพูดกับผมว่า ได้ยินเสียงผิดปกติของรถ ตอนสตาร์ทก่อนออกจากศูนย์ไปในตอนบ่ายที่รับรถไปครั้งแรก ผมก็ถามกลับว่า ถ้าพี่เห็นว่าผิดปกติ พี่ไม่ทักท้วงไว้ (ปกติเป็นหน้าที่ต้องทักท้วงไว้ และหากผิดปกติต้องไม่ส่งมอบรถให้ลูกค้า ไม่ใช่เหรอครับ)
ซึ่งผมก็ได้บอกไปแล้วว่าผมมาไกล ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยในการอยู่ค้างที่เชียงใหม่เพื่อรอการวินิจฉัยและการซ่อมรถในการเปิดทำการในวันจันทร์ที่ 7 อีกครั้งนึง ซึ่งทำให้ผมเกิดรายจ่ายในเรื่องที่พัก อาหาร และเสื้อผ้า ในการอยู่ค้างเพื่อรอการตรวจวิเคราะห์อาการเสียของรถในวันจันทร์นะครับ
(Service mind และ responsibility รู้จักมั้ยครับ)
ผมแจ้งไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็แยกย้าย ปล่อยผมและภรรยาเดินออกมาตามยถากรรม
อันที่จริงถ้าวิเคราะห์ปัญหาให้ผมแล้วว่าต้องใช้เวลาในการตรวจและวิเคราะห์หลายวัน ผมจะได้เดินทางกลับบ้านเลย แต่ไม่มีแม้ซักคนจะทำอะไร......
ผมอยู่รอที่เชียงใหม่อีก 2 คืน เช้าวันจันทร์เดินไปที่ศูนย์บริการนี้ เวลา 9.00 น.
ช่างเจอหน้า เดินมาแจ้งว่า รถต้องทิ้งไว้หลายวันนะครับ ต้องเปิดเครื่องดู ตอนนี้สูบติด สตาร์ทไม่ได้เลย( แต่วันนั้นรถยังคงสตาท์ติดอยู่นะครับ)
ผมถามว่า ทำไมไม่สามารถวิเคราะห์ได้ก่อนหน้านี้หรือ ได้คำตอบว่า สูบติดมองด้วยตาไม่รู้ (ก็เพราะไม่รู้ ผมเลยมาที่ศูนย์บริการนี่ไง ลืมไปหรือเปล่าครับ) ผมถามกลับไปว่า ผมทิ้งเบอร์โทรไว้ ทำไมไม่โทรแจ้งผม ผมไม่ได้รับคำตอบ....
ตกลง ผมก็ต้องเดินทางกลับบ้านโดยรถสองแถว เมื่อมาถึงบ้านช่วงบ่ายๆ ทางศูนย์โทรมาแจ้งว่าเปิดเครื่องดูแล้ว มีอาการดังต่อไปนี้
1. สูบติด ต้องเปลี่ยนลูกสูบ แหวน รวมเสื้อสูบด้วย เพราะประวัติคันนี้เคยเปลี่ยนลูกสูบมาแล้วครั้งนึง
2. ปั้มน้ำมันเครื่องชำรุด ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ ช่างบอกว่าตัวนี้ชำรุดทำให้ไม่วิดสาดน้ำมันเครื่องไปที่ชุดลูกสูบ สูบเลยติด
(อันนี้ตามความรู้ผมและข้อมูลที่ช่างบอกมา ตรงนี้คือปัญหาหลักที่ควรถูกแก้ไขตั้งแต่แรกไม่ใช่รึครับ..)
3. ผ้าคลัทช์ไหม้ เปลี่ยนยก
รวมแล้วค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 บาท ครับ...
อันที่จริงแล้ว ถ้ามีการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนทั้งจากช่าง หัวหน้าช่าง และ เจ้าหน้าที่รับรถ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าซ่อม ในช่วงบ่ายวันเสาร์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นของรถ น่าจะประมาณข้อ 2 ไหมครับ ? ไม่น่าจะเสียหายมากถึงขนาดมั้ยครับ...
ล่าสุด ผมส่งเรื่องเข้ายามาฮ่าไทยแลนด์แล้ว ผมอยากทราบว่ามาตรฐานงานซ่อมและความรับผิดชอบ การประกันงานซ่อม ยังคงมีอยู่ใช่มั้ยครับ...ซึ่งคำตอบจะเป็นตัวตัดสินทัศนคติของลูกค้าเช่นผม...ว่าผมควรเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นได้แล้วหรือไม่....
ถ้าเป็นเพื่อน ๆ เจอเหตุการณ์อย่างผม จะทำอย่างไรดีครับ...กับงานซ่อมแบบนี้.. และเหตุการณ์แบบนี้
ขอบคุณทุกความเห็นครับ..แล้วสุดท้ายผลเป็นอย่างไรในเดือนนี้น่าจะสรุปครับ?