JJNY : กมธ.จ่อเรียกช่อง5แจง│ผู้ป่วยโควิดร้องว่าที่ผู้สมัครส.ก.เพื่อไทย│หุ้นเอเชียดิ่ง น้ำมัน-ทองพุ่ง│หุ้นไทยเปิดตลาดดิ่ง

กมธ.สภาฯ จ่อเรียก 'ผู้บริหาร ช่อง 5' ชี้แจงปม 'กนก-ธีระ' เสนอบางข่าวทำคนสับสน 
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6925749
 
 
กมธ.พัฒนาการเมือง เตรียมเรียก ผู้บริหาร ททบ.5 ชี้แจง กรณีรายการ กนก-ธีระ แพร่คลิปข่าว ส่อเป็น “เฟคนิวส์” ทำประชาชนสับสน หวั่น กระทบความสัมพันธ์ไทย-ยูเครน
 
วันนี้ (6 มี.ค.) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.เขต 25 บางขุนเทียน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เเละการมีสื่อร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ ธีรนัย จารุวัสตร์ กรรมการสมาคมนักข่าวและอุปนายกฝ่ายปฏิรูปสื่อ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงกรณีที่ กนก รัตน์วงศ์สกุล และ ธีระ ธัญไพบูลย์ ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ รายการ ‘เล่าข่าวข้น’ ช่อง ททบ.5 เผยแพร่คลิปเหตุการณ์หนึ่งในรายการ โดยอ้างว่าเป็นคลิปจัดฉากศพผู้เสียชีวิตจำนวนหลายร้อยรายในสงครามยูเครนจากการรุกรานจากกองทัพรัสเซีย โดยคลิปดังกล่าวออกอากาศผ่านโทรทัศน์ วันที่ 28 ก.พ. 2565
 
ต่อมา เมื่อมีการตรวจสอบ พบว่า คลิปดังกล่าวคือคลิป ‘Demo gegen Klimapolitik’ หรือการแสดงเชิงสัญลักษณ์ของนักกิจกรรมในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อ 4 ก.พ. 2565 เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนทั่วโลกให้ความสนใจกับวิกฤตสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ climate change ซึ่งไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามยูเครนกับรัสเซีย
 
โดยธีรนัยให้ความเห็นว่า การกระทำของผู้ประกาศข่าวช่องดังกล่าวผิดจริยธรรมสื่ออย่างยิ่ง เนื่องจากไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวก่อนนำมารายงานให้ประชาชนรับทราบ เพราะจะสร้างความสับสนให้กับประชาชนได้โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านช่องทางสื่อของรัฐซึ่งมีความเป็นทางการ กรณีนี้นายธีรนัยยังเรียกร้องต่อองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบกรณีการเผยแพร่ข่าวบิดเบือนดังกล่าว รวมถึงรายงานให้ประชาชนรับทราบเกี่ยวกับผลการดำเนินการตรวจสอบ
 
ณัฐชา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้ทำให้ตนมีความกังวลต่อวิชาชีพสื่อมวลชนในการถูกใช้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อประชาชนซึ่งจะส่งกระทบสังคมเป็นวงกว้าง อาจนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังขึ้นในสังคมได้ ที่ผ่านมาจรรยาบรรณเเละวิชาชีพสื่อถือว่ามีความสำคัญมาก เปรียบเป็นกระจกสะท้อนปัญหาของสังคม กรณีที่เกิดขึ้นจึงถือว่าเป็นเรื่องร้ายเเรง
 
เนื่องจากผู้ประกาศข่าวทั้งสองล้วนมีประสบการณ์ในวงการสื่อมวลชนมานาน ย่อมรู้ดีว่าการสื่อสารในประเด็นที่อ่อนไหวต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก โดยเฉพาะการเป็นสื่อที่อยู่ในสังกัดภาครัฐแต่กลับเสนอข่าวบิดเบือนความจริงและละเมิดจริยธรรมสื่อเสียเอง แต่ถึงตอนนี้กลับยังไม่เห็นการแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ไม่ว่าจากต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่กำกับดูแล ผิดกับกรณีที่เกิดขึ้นกับสื่อที่มีท่าทีวิจารณ์ภาครัฐที่มักจะถูกตักเตือนหรือมีคำสั่งลงโทษหลายครั้ง
 
“กรณีนี้ยังทำให้เกิดข้อกังวลถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังเปราะบางและสับสน การแสดงออกต่างๆโดยเฉพาะสื่อในกำกับของหน่วยงานรัฐควรจะเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ยังมีความกังวลไปถึง ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อ ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภา โดยอ้างว่าจะเป็นไปเพื่อส่งเสริมและกำกับดูแลจริยธรรมสื่อมวลชน
 
แต่ในทางปฏิบัติ อาจจะกลายเป็นเครื่องมือเอาผิดเฉพาะสื่อที่อยู่ตรงข้ามรัฐแต่ฝ่ายเดียว หากเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างภาครัฐถึงทำผิดจริยธรรมสื่อร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่เป็นไร เพื่อหาความชัดเจนในเรื่องนี้และความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น คณะกรรมาธิการจึงเตรียมเชิญ พล.ท.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ช่อง ททบ.5 มาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แนวทางรับผิดชอบ พร้อมเเนวทางแก้ไข เพื่อหาทางออกในอนาคตต่อไป” ณัฐชา ระบุ
 

  
"ผู้ป่วยโควิด" ร้อง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เพื่อไทย ระบบรักษารัฐบาลล่าช้า
https://www.thairath.co.th/news/politic/2334767
 
"ผู้ป่วยโควิด" ร้อง "นภัสสร" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางกะปิ เพื่อไทย โทร.1330 กว่าจะติด 3 วัน รอยาอีก 10 วัน จนหายเอง แต่ยาก็ยังส่งไม่ถึง จี้ถามรัฐบาล จะประกาศเป็นโรคประจำถิ่น แต่ระบบไม่พร้อม สมควรหรือไม่ 
  
วันที่ 7 มี.ค. 65 น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางกะปิ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (6 มี.ค. 65) ได้ประสานให้มีการจัดตรวจโควิด-19 เชิงรุก แบบ ATK ให้ประชาชนฟรี ที่ลานหน้าสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น เพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อแยกจากผู้ยังไม่ติดเชื้อ และให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาทันที โดยร่วมกับคลีนิคเวชกรรมมูลนิธิร่มไทร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง (แขวงพลับพลา) ในการดำเนินการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน และแจกยาให้นำกลับไปรับประทาน รักษาอาการที่บ้าน แบบ HI
   
น.ส.นภัสสร กล่าวว่า มีประชาชนมาตรวจจำนวน 336 คน พบผู้ติดเชื้อ 22 คน แต่ที่น่าตกใจ คือ มีผู้ป่วยโควิด-19 มาร้องเรียนขอความช่วยเหลือ เนื่องจากติดโควิดนานกว่า 10 วันแล้ว แต่ยังไม่ได้รับยา ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากหน่วยงานรัฐเลย เมื่อสอบถามเพิ่มเติมได้ข้อมูลว่า พยายามโทร 1330  กว่าจะโทรติดใช้เวลา 3 วัน เมื่อโทรติดแล้วต้องรอสายนานเกือบชั่วโมง และรอยานาน 10 วันแล้ว ป่วยจนหาย ยายังส่งมาไม่ถึง ตกงาน ไม่มีเงิน ต้องออกไปหาซื้อยาพาราลดไข้มากินเองตามยถากรรม ขณะที่เพื่อนบ้านสงสาร ซื้อยาฟ้าทะลายโจรมาให้ ซึ่งกรณีนี้นี่ไม่ใช่รายแรกที่รอยาจนหายป่วย เพราะยายังส่งมาไม่ถึง ดังนั้นควรปรับปรุงระบบบริหารจัดการ รวมถึงเพิ่มคู่สาย 1330 ให้เพียงพอ และควรติดต่อได้ตลอด 24 ชม.
   
"ขอตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่า การจะประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เหมาะสมในช่วงเวลานี้หรือไม่ ยอดผู้ป่วยพุ่ง แต่การเข้าถึงการรักษาล่าช้า โทรติดยาก ระบบบริหารจัดการ "เจอ แจก จบ" ยังไม่พร้อมเท่าที่ควร ผลักภาระให้ประชาชนเป็นไปตามยถากรรม เมื่อประชาชนไม่รู้วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น และไม่ได้รับยาอย่างทันท่วงที ทำให้อาการติดเชื้อจากเบากลายเป็นหนัก" น.ส.นภัสสร ระบุ.
  

 
วิกฤตยูเครนทำ หุ้นเอเชียดิ่งหนัก น้ำมัน-ทองคำพุ่ง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3219290

วิกฤตการณ์ในยูเครน ยังคงส่งผลกระทบกับตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเมื่อวันที่ 7 มีนาคมดิ่งลงตามๆกัน ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอีก ทำสถิติเกือบสูงที่สุดในรอบ 14 ปี ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำพุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ
 
รายงานระบุว่าตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดในช่วงเช้าปรับตัวลงในแดนลบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น “นิคเคอิ225” ของญี่ปุ่น ปรับตัวลง 3.2 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 25,166.23 จุด ฮ่องกง ฮั่งเส็ง ลดลง 3.5 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 21,137.01 จุด ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ของจีน ลดลง 1.1 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 3,409.48 จุด  ลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นมะลินาของฟิลิปปินส์ก็ปรับตัวลงมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย กับปรับตัวลงด้วยเช่นกัน
ด้านราคาน้ำมันดิบในวันเดียวกัน ราคาน้ำมันเบรนต์ พุ่งขึ้นอีก 8 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 128.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส พุ่งขึ้น 7.4 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 124.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันในช่วงเวลาหนึ่งพุ่งสูงขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 2018 หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการหารือว่าจะคว่ำบาตรการน้ำเข้าน้ำมันรัสเซียด้วยหรือไม่ ก่อนที่น้ำมันจะปรับตัวลงมา
 
รายงานระบุว่าในเวลานี้ประชาคมโลกยังไม่รวมเอาน้ำมันที่ผลิตในรัสเซียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เนื่องจากหวั่นเกรงผลกระทบก่อราคาสินค้าที่จะเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะกระทบกับผู้บริโภคโดยตรง โดยราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นสร้างความลำบากให้กับธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่กำลังจะออกนโยบายทางการเงินเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปีอยู่แล้วด้วย
 
ทั้งนี้ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงตามๆกันส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำที่มักจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเวลาวิกฤตพุ่งสูงขึ้นถึง 2,000.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้ว นับเป็นราคาที่สูงที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 2020
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่