สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คำแนะนำครับสำหรับคนที่อยู่บ้านเลี้ยงดูบรรพบุรุษที่ดูแลตัวเองไม่ได้ซึ่งทำให้ผู้ดูแลขาดรายได้
คนอื่นในครอบครัวที่ไม่ได้ช่วยเหลือจะต้องให้เงินเรารวมถึงค่าเลี้ยงดูด้วยคิดง่ายๆว่าถ้าเราจ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงดูนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาทไม่รวมค่าอาหาร
ซึ่งแปลว่าต้องให้คนอื่นในครอบครัวจ่ายเงินให้เราเป็นค่าใช้จ่ายด้วย
อนึ่งถ้าคุณเลือกดูแล และไม่สามารถหางานตอนนี้ได้
ในอนาคตคุณอาจจะขาดทักษะที่จะหางานหรือขาดโอกาสในการหาครอบครัวครับ
คนอื่นในครอบครัวที่ไม่ได้ช่วยเหลือจะต้องให้เงินเรารวมถึงค่าเลี้ยงดูด้วยคิดง่ายๆว่าถ้าเราจ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงดูนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาทไม่รวมค่าอาหาร
ซึ่งแปลว่าต้องให้คนอื่นในครอบครัวจ่ายเงินให้เราเป็นค่าใช้จ่ายด้วย
อนึ่งถ้าคุณเลือกดูแล และไม่สามารถหางานตอนนี้ได้
ในอนาคตคุณอาจจะขาดทักษะที่จะหางานหรือขาดโอกาสในการหาครอบครัวครับ
ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณทุก คห. มากๆเลยครับ
ตอนนี้เราก็อยู่ดูแลแกไป ทำให้แกมีความสุขทุกวัน เห็นแกยิ้มได้ทุกวันก็มีความสุขดี แทนที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนทั่วไป
ที่สำคัญเรามีผู้ใหญ่คอยสนับสนุนตลอด บอกว่าเราทำดีแล้วที่ดูแลแก เพราะแกอยู่คงกับเราได้อีกไม่นาน วันที่แกจากไปเราจะคิดถึงแก ก็ได้แต่ทำทุกวันให้ดีที่สุดครับ
ตอนนี้เราก็อยู่ดูแลแกไป ทำให้แกมีความสุขทุกวัน เห็นแกยิ้มได้ทุกวันก็มีความสุขดี แทนที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนทั่วไป
ที่สำคัญเรามีผู้ใหญ่คอยสนับสนุนตลอด บอกว่าเราทำดีแล้วที่ดูแลแก เพราะแกอยู่คงกับเราได้อีกไม่นาน วันที่แกจากไปเราจะคิดถึงแก ก็ได้แต่ทำทุกวันให้ดีที่สุดครับ
ความคิดเห็นที่ 16
ขอแชร์ประสบการณ์เรานะคะ ค่อนข้างใกล้เคียงกันกับคุณค่ะ
ประมาณช่วงปี 2546-2548 ช่วงอายุเราประมาณ 28 ปี เราทำงานบริษัทซึ่งงานค่อนข้างดี รายได้ดี หัวหน้าดีเพื่อนร่วมงานดีสรุปทุกอย่างดีหมด จัดว่าตอนนั้นชีวิตเราดีมาก เรารักชีวิตเราตอนนั้นมากๆ เลย แต่อยู่ๆ เราก็มาทราบข่าวว่าแม่เราเริ่มป่วยเป็นมะเร็ง และทีนี้เราต้องทำงานไกลบ้านมาก ตอนนั้นแม่ต้องรักษาตัวต่อเนื่องต้องไปให้คีโมบ่อยๆ เราเองทำงานไกลบ้านก็เริ่มห่วงแม่เริ่มไม่เป็นอันทำงาน จริงๆบ้านเรามีพี่น้อง 4 คน เราเองเป็นลูกคนสุดท้อง
พอปี 2548 เราเลยลาออกจากงานกะทันหันเลยเพราะทำงานไม่ได้แล้วห่วงแม่มากกับการรักษาตัว ลาออกโดยที่ยังไม่รู้หรอกว่าจะกินใช้อย่างไรตอนนั้นมีหนี้ต้องผ่อนโน้ตบุ๊คด้วย แต่เราโชคดีที่ๆ บ้านฐานะปานกลางคือเรื่องค่ากินซื้อของใช้ส่วนตัวก็กินกับที่บ้าน ประกอบกับโชคดีตอนนั้นแฟนเราส่งให้เราใช้เดือนละ 10,000 บาทไว้สำหรับผ่อนโน้ตบุ๊คส่วนเงินที่เหลือก็ไว้กินใช้ส่วนตัว
ที่บ้านไม่ได้ให้ให้เงินรายเดือนเรานะคะ เราเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพราะถือว่าทำเพื่อแม่เพราะแค่ค่ารักษาแม่ของใช้แม่ต่างๆ ที่บ้านก็รับผิดชอบไป ต่อมาแม่เราป่วยหนักป่วยแบบติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เราก็เป็นหลักที่ต้องดูแลแม่เพราะเราตั้งใจอยู่แล้วว่าที่เราลาออกจากงานก็เพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียง ต่อมามันก็จะมีบางช่วงที่เราว่างมากเพราะอยู่บ้านดูแลแม่ทั้งวัน เราก็คิดเหมือนตัวเองหัวจะฝ่อๆ เอา เราก็เริ่มหาของใช้ส่วนตัวมาขายก็เริ่มรู้สึกดีสนุกที่ได้เงินที่สำคัญคือได้เคลียร์ของที่ไม่ได้ใช้มาแปรรูปเป็นเงินได้
เราก็ดูแลแม่ไปพร้อมๆ กับขายของออนไลน์ไปด้วย มีของอะไรเราก็ขายหมดทั้งของมือสองหรือของใหม่ๆ ที่เราคิดว่าน่าจะขายได้และมันก็ขายได้ เราชอบขายของค่ะ เราว่ามันถูกจริตเราที่สุด จนพอเราผ่อนโน้ตบุ๊คหมดทีนี้ก็เกรงใจแฟนละค่ะไม่ขอเงินรายเดือนจากแฟนแล้ว เราก็เริ่มหาเงินเองได้แล้วจากการขายของออนไลน์นี่แหละค่ะ
ต่อมาเราเริ่มวางแผนคิดขายของออนไลน์เป็นเรื่องเป็นราว ทีนี้ให้แฟนเราส่งของมาให้ขายเลยทีนี้ก็เลยเริ่มทำยึดเป็นอาชีพจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ
เราว่าอาชีพออนไลน์นี่แหละเหมาะกับคนที่อยู่บ้านมากๆ เรามาย้อนนึกตอนนี้ให้ไปทำงานประจำไม่เอาแล้ว บอกตรงๆ รายได้เราดีกว่าตอนทำงานประจำอีกค่ะ ได้บ้านได้รถได้เที่ยวต่างประเทศก็จากอาชีพขายของออนไลน์นี่แหละค่ะ ทุกวันนี้เราภูมิใจในอาชีพของเรามากๆ
เราว่าทุกการเปลี่ยนแปลงของชีวิตมันอาจจะมีจังหวะดีๆ รอในนี้เสมอ สู้ๆ ค่ะ
ประมาณช่วงปี 2546-2548 ช่วงอายุเราประมาณ 28 ปี เราทำงานบริษัทซึ่งงานค่อนข้างดี รายได้ดี หัวหน้าดีเพื่อนร่วมงานดีสรุปทุกอย่างดีหมด จัดว่าตอนนั้นชีวิตเราดีมาก เรารักชีวิตเราตอนนั้นมากๆ เลย แต่อยู่ๆ เราก็มาทราบข่าวว่าแม่เราเริ่มป่วยเป็นมะเร็ง และทีนี้เราต้องทำงานไกลบ้านมาก ตอนนั้นแม่ต้องรักษาตัวต่อเนื่องต้องไปให้คีโมบ่อยๆ เราเองทำงานไกลบ้านก็เริ่มห่วงแม่เริ่มไม่เป็นอันทำงาน จริงๆบ้านเรามีพี่น้อง 4 คน เราเองเป็นลูกคนสุดท้อง
พอปี 2548 เราเลยลาออกจากงานกะทันหันเลยเพราะทำงานไม่ได้แล้วห่วงแม่มากกับการรักษาตัว ลาออกโดยที่ยังไม่รู้หรอกว่าจะกินใช้อย่างไรตอนนั้นมีหนี้ต้องผ่อนโน้ตบุ๊คด้วย แต่เราโชคดีที่ๆ บ้านฐานะปานกลางคือเรื่องค่ากินซื้อของใช้ส่วนตัวก็กินกับที่บ้าน ประกอบกับโชคดีตอนนั้นแฟนเราส่งให้เราใช้เดือนละ 10,000 บาทไว้สำหรับผ่อนโน้ตบุ๊คส่วนเงินที่เหลือก็ไว้กินใช้ส่วนตัว
ที่บ้านไม่ได้ให้ให้เงินรายเดือนเรานะคะ เราเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพราะถือว่าทำเพื่อแม่เพราะแค่ค่ารักษาแม่ของใช้แม่ต่างๆ ที่บ้านก็รับผิดชอบไป ต่อมาแม่เราป่วยหนักป่วยแบบติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เราก็เป็นหลักที่ต้องดูแลแม่เพราะเราตั้งใจอยู่แล้วว่าที่เราลาออกจากงานก็เพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียง ต่อมามันก็จะมีบางช่วงที่เราว่างมากเพราะอยู่บ้านดูแลแม่ทั้งวัน เราก็คิดเหมือนตัวเองหัวจะฝ่อๆ เอา เราก็เริ่มหาของใช้ส่วนตัวมาขายก็เริ่มรู้สึกดีสนุกที่ได้เงินที่สำคัญคือได้เคลียร์ของที่ไม่ได้ใช้มาแปรรูปเป็นเงินได้
เราก็ดูแลแม่ไปพร้อมๆ กับขายของออนไลน์ไปด้วย มีของอะไรเราก็ขายหมดทั้งของมือสองหรือของใหม่ๆ ที่เราคิดว่าน่าจะขายได้และมันก็ขายได้ เราชอบขายของค่ะ เราว่ามันถูกจริตเราที่สุด จนพอเราผ่อนโน้ตบุ๊คหมดทีนี้ก็เกรงใจแฟนละค่ะไม่ขอเงินรายเดือนจากแฟนแล้ว เราก็เริ่มหาเงินเองได้แล้วจากการขายของออนไลน์นี่แหละค่ะ
ต่อมาเราเริ่มวางแผนคิดขายของออนไลน์เป็นเรื่องเป็นราว ทีนี้ให้แฟนเราส่งของมาให้ขายเลยทีนี้ก็เลยเริ่มทำยึดเป็นอาชีพจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ
เราว่าอาชีพออนไลน์นี่แหละเหมาะกับคนที่อยู่บ้านมากๆ เรามาย้อนนึกตอนนี้ให้ไปทำงานประจำไม่เอาแล้ว บอกตรงๆ รายได้เราดีกว่าตอนทำงานประจำอีกค่ะ ได้บ้านได้รถได้เที่ยวต่างประเทศก็จากอาชีพขายของออนไลน์นี่แหละค่ะ ทุกวันนี้เราภูมิใจในอาชีพของเรามากๆ
เราว่าทุกการเปลี่ยนแปลงของชีวิตมันอาจจะมีจังหวะดีๆ รอในนี้เสมอ สู้ๆ ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 11
ครอบครัวคนรู้จัก แม่เค้าไม่สบาย ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา เค้าตกลงกันในหมู่พี่น้อง ใครสมัครใจออกจากงานมาดูแลแม่ คนที่ทำงานจะต้องรวมกันให้เงินเดือนคนที่เสียสละตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ จนตอนนี้แม่เค้าเสียมาหลายปีละ ทุกคนก็ยังคงให้เงินเดือนคนที่เสียสละคนนี้อยู่ แถมบ้านของแม่ก็ยกให้คนคนนี้ไปเลย
แสดงความคิดเห็น
เราทำถูกไหม ทิ้งอนาคตตัวเอง กลับมาอยู่บ้านดูแลยาย
ตอนนี้เราอายุ 27 แล้ว
บอกก่อนว่าเราไม่ได้ทำงานประจำตั้งแต่เรียนจบ ต้องกลับบ้านมาดูแลยายที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทำงานบ้าน หุงหาอาหารให้ทุกอย่าง ส่วนคนอื่นๆอยู่ ตจว กันหมดไม่มีคนดูแลแก
ตอนนี้ขายของออนไลน์ไปด้วย ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ที่บ้านไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ฐานะปานกลาง แต่ก็ไม่ได้มีเงินเดือนจับจ่ายใช้สอยเหมือนคนอื่นเขา ที่อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ เพราะบางเดือนมันก็ไม่ได้เลย แต่เราก็พยายามหางานที่ทำที่ wfh ที่บ้านได้ ไม่อยากอยู่เฉยๆแล้วดูแลยายอย่างเดียว
แบบนี้เราพลาดโอกาสในชีวิตไหม ถ้าเราทิ้งยายที่เลี้ยงเรามาเพื่อออกไปแสวงหาอนาคตตัวเองแบบนี้จะเห็นแก่ตัวไหม? เพราะเราเองก็อยากออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเองเหมือนกัน แต่ติดอยู่ที่ว่าต้องดูแลยาย