ชาติแรกอาเซียน! สิงคโปร์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย พุ่งเป้าสถาบันการเงิน-ส่งออก-คริปโทฯ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3216970
แฟ้มภาพ นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศต่างประเทศของสิงคโปร์ (รอยเตอร์)
ชาติแรกอาเซียน! สิงคโปร์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย พุ่งเป้าสถาบันการเงิน-ส่งออก-คริปโทฯ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม สิงคโปร์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ที่มีผลลครอบคลุมถึงธนาคาร 4 แห่ง และการห้ามส่งออกอุปกรณ์ คโปร์ระบุว่า จะไม่อนุญาตให้มีการส่งออกสิ่งของที่อาจทำอันตรายหรือใช้ในการปราบปรามชาวยูเครนหรือช่วยรัสเซียในการเปิดการโจมตีทางไซเบอร์
“
เราไม่สามารถยอมรับการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนต่อรัฐอธิปไตยอื่นของรัฐบาลรัสเซียได้” แถลงการณ์คว่ำบาตรที่ออกโดยกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ระบุ แต่ไม่ได้การระบุกำหนดกรอบเวลาชัดเจนว่าการคว่ำบาตรจะมีผลเมื่อใด
โดยยังระบุต่อไปว่า “
สำหรับรัฐชาติเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ นี่ไม่ใช่หลักการทางทฤษฎี แต่เป็นแบบอย่างที่เป็นอันตราย นี่คือเหตุผลที่สิงคโปร์ประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโดยปราศจากการยั่วยุของรัสเซีย”
มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวจะห้ามสถาบันการเงินต่างๆของสิงคโปร์ ที่รวมถึงธนาคารกลางสิงคโปร์ ติดต่อทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกลางของรัสเซีย ตลอดจนธนาคารวีทีบี แบงก์ (วีทีบีอาร์.เอ็มเอ็ม), วีอีบี (Vnesheconombank), พรอมสวาซแบงก์ และ ธนาคารรอสซิยา ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของรัสเซีย นอกจากนี้ยังจำกัดการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลด้วย
ก่อนหน้านั้น นาย
วิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศต่างประเทศของสิงคโปร์ กล่าวต่อรัฐสภาว่า สิงคโปร์ตั้งใจดำเนินการร่วมกับประเทศอื่นๆ ที่มีแนวคิดคล้ายกันที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดที่เหมาะสมกับรัสเซีย
ทั้งนี้ จุดยืนของสิงคโปร์ในการต่อต้านการรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น เป็นท่าทีที่แข็งกร้าวที่สุดในขณะนี้ในบรรดาชาติสมาชิกอาเซียนด้วย โดยสิงคโปร์ยังเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ออกมาประณามการบุกรุกรานยูเครนของรัสเซียก่อนด้วย
ขณะที่แถลงการณ์ท่าทีของอาเซียนที่มีต่อสถานการณ์สู้รบในยูเครน เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุเรียกร้องให้หยุดยิงในวิกฤตยูเครน แต่ไม่ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของรัสเซียแต่อย่างใด
ราคาสินค้าตลาดสดเริ่มปรับขึ้นหลังน้ำมันแพง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_301192/
สถานการณ์ราคาสินค้าตลาดสดเริ่มปรับขึ้น หลังราคาน้ำมันแพง โดยเนื้อหมูราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท ไข่ไก่ ราคาขายแพงละ 76-115 บาท
จากการลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมูที่ ตลาดพรานนก พบว่า ราคาเนื้อหมูยังทรงตัวจากเมื่อวานโดยราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท ตามชนิดของเนื้อที่มีการตกแต่งแล้ว หมูสันนอก กิโลกรัมละ 220 บาท คอหมู 250 บาท สามชั้น250 บาท หมูเนื้อแดง 200 บาทไข่ไก่ ราคาขายแพงละ 76-115 บาท ด้านตามขนาดเบอร์ 5 ถึงเบอร์ 0 ขายปลีก 10 ฟอง 26-45 บาท ขณะราคาผักปรับเพิ่มขึ้นบางรายการ จากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าในตลาดส่วนใหญ่ พบว่าราคาสินค้าเริ่มปรับขึ้นหลายรายการหลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นซึ่งถือเป็นต้นทุนทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคา อาทิ ไข่ไก่ เนื้อหมู และเนื้อไก่ โดยยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าราคาจะปรับขึ้นไปอีกมากน้อยเพียงใดเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่องซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลกับค่าของชีพของประชาชน
เพื่อไทย ยันคิดส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หาร 500 ไม่ได้ ขัดหลักการ ย้ำกมธ.เริ่มนัดแรก 9 มี.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3216902
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับในชั้นกมธ. ว่า ขณะนี้นอกจากประเด็นการคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อและระบบบัตรเลือกตั้งสองใบแต่ใช้เบอร์เดียวกัน ประเด็นอื่นก็ยังมีเข้ามาน้อยมาก ซึ่งพรรค พท.ได้เสนอระบบบัตรเลือกตั้งสองใบเบอร์เดียวกัน ทั้งประเทศ เนื่องจากคนไทยได้เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ยังดูท่าทีว่าจะอย่างไร ทั้งนี้ กมธ. เริ่มพิจารณาในวันที่ 9 มีนาคม โดยจะเริ่มพูดคุยกันเป็นวงกว้างๆ และไล่รายมาตรา
นาย
สมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีการคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทางพรรคพท.ยังยืนยันว่า ใช้วิธีคำนวณคล้ายรัฐธรรมนูญปี 40 คือ ให้นำผลคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองได้รับมาหารด้วย 100 หากไม่พอจะใช้เศษจากพรรคต่างๆ ลงมาให้ครบ 100 ทั้งนี้ ตนได้ข่าวว่า มีสมาชิกบางคนจะแปรญัตติเป็นระบบสัดส่วนหารด้วย 500 ซึ่งตนมองว่า คงทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนด บัตรเลือกตั้งสองใบคือส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งชัดเจนแล้วคงจะไปทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะจะขัดหลักการ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคุยกันในชั้นกมธ. รวมถึงรอรายละเอียดจากผู้ที่จะขอแปรญัตติด้วย
JJNY : สิงคโปร์คว่ำบาตรรัสเซีย│ราคาสินค้าตลาดสดเริ่มขึ้น│พท.ยันคิดปาร์ตี้ลิสต์หาร500ไม่ได้│ก.ก.พร้อมสู้ส.ว.ปมยุบพรรค
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3216970
ชาติแรกอาเซียน! สิงคโปร์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย พุ่งเป้าสถาบันการเงิน-ส่งออก-คริปโทฯ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม สิงคโปร์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ที่มีผลลครอบคลุมถึงธนาคาร 4 แห่ง และการห้ามส่งออกอุปกรณ์ คโปร์ระบุว่า จะไม่อนุญาตให้มีการส่งออกสิ่งของที่อาจทำอันตรายหรือใช้ในการปราบปรามชาวยูเครนหรือช่วยรัสเซียในการเปิดการโจมตีทางไซเบอร์
“เราไม่สามารถยอมรับการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนต่อรัฐอธิปไตยอื่นของรัฐบาลรัสเซียได้” แถลงการณ์คว่ำบาตรที่ออกโดยกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ระบุ แต่ไม่ได้การระบุกำหนดกรอบเวลาชัดเจนว่าการคว่ำบาตรจะมีผลเมื่อใด
โดยยังระบุต่อไปว่า “สำหรับรัฐชาติเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ นี่ไม่ใช่หลักการทางทฤษฎี แต่เป็นแบบอย่างที่เป็นอันตราย นี่คือเหตุผลที่สิงคโปร์ประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโดยปราศจากการยั่วยุของรัสเซีย”
มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวจะห้ามสถาบันการเงินต่างๆของสิงคโปร์ ที่รวมถึงธนาคารกลางสิงคโปร์ ติดต่อทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกลางของรัสเซีย ตลอดจนธนาคารวีทีบี แบงก์ (วีทีบีอาร์.เอ็มเอ็ม), วีอีบี (Vnesheconombank), พรอมสวาซแบงก์ และ ธนาคารรอสซิยา ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของรัสเซีย นอกจากนี้ยังจำกัดการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลด้วย
ก่อนหน้านั้น นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศต่างประเทศของสิงคโปร์ กล่าวต่อรัฐสภาว่า สิงคโปร์ตั้งใจดำเนินการร่วมกับประเทศอื่นๆ ที่มีแนวคิดคล้ายกันที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดที่เหมาะสมกับรัสเซีย
ทั้งนี้ จุดยืนของสิงคโปร์ในการต่อต้านการรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น เป็นท่าทีที่แข็งกร้าวที่สุดในขณะนี้ในบรรดาชาติสมาชิกอาเซียนด้วย โดยสิงคโปร์ยังเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ออกมาประณามการบุกรุกรานยูเครนของรัสเซียก่อนด้วย
ขณะที่แถลงการณ์ท่าทีของอาเซียนที่มีต่อสถานการณ์สู้รบในยูเครน เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุเรียกร้องให้หยุดยิงในวิกฤตยูเครน แต่ไม่ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของรัสเซียแต่อย่างใด
ราคาสินค้าตลาดสดเริ่มปรับขึ้นหลังน้ำมันแพง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_301192/
สถานการณ์ราคาสินค้าตลาดสดเริ่มปรับขึ้น หลังราคาน้ำมันแพง โดยเนื้อหมูราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท ไข่ไก่ ราคาขายแพงละ 76-115 บาท
จากการลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมูที่ ตลาดพรานนก พบว่า ราคาเนื้อหมูยังทรงตัวจากเมื่อวานโดยราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท ตามชนิดของเนื้อที่มีการตกแต่งแล้ว หมูสันนอก กิโลกรัมละ 220 บาท คอหมู 250 บาท สามชั้น250 บาท หมูเนื้อแดง 200 บาทไข่ไก่ ราคาขายแพงละ 76-115 บาท ด้านตามขนาดเบอร์ 5 ถึงเบอร์ 0 ขายปลีก 10 ฟอง 26-45 บาท ขณะราคาผักปรับเพิ่มขึ้นบางรายการ จากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าในตลาดส่วนใหญ่ พบว่าราคาสินค้าเริ่มปรับขึ้นหลายรายการหลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นซึ่งถือเป็นต้นทุนทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคา อาทิ ไข่ไก่ เนื้อหมู และเนื้อไก่ โดยยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าราคาจะปรับขึ้นไปอีกมากน้อยเพียงใดเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่องซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลกับค่าของชีพของประชาชน
เพื่อไทย ยันคิดส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หาร 500 ไม่ได้ ขัดหลักการ ย้ำกมธ.เริ่มนัดแรก 9 มี.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3216902
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับในชั้นกมธ. ว่า ขณะนี้นอกจากประเด็นการคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อและระบบบัตรเลือกตั้งสองใบแต่ใช้เบอร์เดียวกัน ประเด็นอื่นก็ยังมีเข้ามาน้อยมาก ซึ่งพรรค พท.ได้เสนอระบบบัตรเลือกตั้งสองใบเบอร์เดียวกัน ทั้งประเทศ เนื่องจากคนไทยได้เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ยังดูท่าทีว่าจะอย่างไร ทั้งนี้ กมธ. เริ่มพิจารณาในวันที่ 9 มีนาคม โดยจะเริ่มพูดคุยกันเป็นวงกว้างๆ และไล่รายมาตรา
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีการคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทางพรรคพท.ยังยืนยันว่า ใช้วิธีคำนวณคล้ายรัฐธรรมนูญปี 40 คือ ให้นำผลคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองได้รับมาหารด้วย 100 หากไม่พอจะใช้เศษจากพรรคต่างๆ ลงมาให้ครบ 100 ทั้งนี้ ตนได้ข่าวว่า มีสมาชิกบางคนจะแปรญัตติเป็นระบบสัดส่วนหารด้วย 500 ซึ่งตนมองว่า คงทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนด บัตรเลือกตั้งสองใบคือส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งชัดเจนแล้วคงจะไปทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะจะขัดหลักการ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคุยกันในชั้นกมธ. รวมถึงรอรายละเอียดจากผู้ที่จะขอแปรญัตติด้วย