แฉรัสเซียใช้ “ระเบิดสุญญากาศ” คาร์คีฟโดนถล่มซ้ำ-สลดไฟคลอกดับคารถยกครัว (คลิป)
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6915052
แฉรัสเซียใช้ “ระเบิดสุญญากาศ”– วันที่ 1 มี.ค. เออฟพี
บีบีซี และการ์เดียนรายงานสถานการณ์ความไม่สงบใน ประเทศยูเครน ซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 6 หลังจากกองกำลังรัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางการทหารในยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ว่า ยังมีปะทะต่อเนื่องในหลายเมืองทั่วยูเครน
ทั้งที่ประธานาธิบดี
วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี
เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ในการหารืออีกครั้งว่า พร้อมจะยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในยูเครน
และเกิดขึ้นหลังจากคณะผู้แทนรัฐบาลยูเครนนำโดยนาย
โอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน เพิ่งหารือกับคณะผู้แทนรัฐบาลรัสเซียนำโดยนาย
วลาดิมีร์ เมดินสกี ผู้ช่วยประธานาธิบดี
วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และนาย
ลีโอนิด สลัตสกี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาดูมา ที่เมืองกอเมล ประเทศเบลารุส ติดชายแดนยูเครนทางตอนเหนือ เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 28 ก.พ.
ทางการยูเครนแถลงว่ากองกำลังรัสเซียยิงจรวดโจมตีเมืองคาร์คีฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และอย่างน้อย 37 คนได้รับบาดเจ็บ
นาย
อิฮอร์ เทเรกฮอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คีฟ ระบุผ่านข้อความทางแอพพลิเคชั่นเทเลแกรมว่าเป็นอีกวันที่ยากลำบากมาก การโจมตีนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นแค่สงคราม แต่นี่คือความพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน
ขีปนาวุธหลายลูกถล่มอาคารที่อยู่อาศัยและสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในจำนวนนี้มี 4 คนเสียชีวิตหลังเพิ่งออกจากหลุมหลบภัยเพื่อหาน้ำดื่ม และอีกครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อแม่และลูกซึ่งยังเป็นเด็กอีก 3 คน ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาที่ในรถยนต์
ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์บนโลกออนไลน์เผยให้เห็นจรวดแกรดหลายลูกพุ่งใส่พื้นที่ชุมชนเมืองคาร์คีฟอีกคลิป เป็นเหตุการณ์หลังการโจมตีเผยให้เห็นสภาพถูกทำลายล้างของถนนโคลชคิฟสกา ใจกลางเมืองคาร์คีฟ จรวดแกรดลูกหนึ่งตกลงด้านนอกอาคารหลังหนึ่ง ทำให้หญิงเคระห์ร้ายซึ่งกำลังเดินทางไปซื้อของในช่วงผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิว ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนขาขาด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ด้านบริษัท มาซาร์ เทคโนโลยีส์ เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่สมรภูมิยูเครนและพบว่ากองกำลังรัสเซียตั้งทัพเป็นระยะทางยาวเกือบ 65 กิโลเมตร ใกล้เมืองอีวานคีฟ ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า กองกำลังรัสเซียมีแผนเตรียมบุกกรุงเคียฟในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังมีภาพกองกำลังรัสเซียตั้งทัพใกล้สนามบินฮอสโตเมล ชานกรุงเคียฟ สถานที่จอดเครื่องบินอันโตนอฟ เอเอ็น-225 มรียา อากาศยานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งถูกกองกำลังรัสเซียทำลายด้วยขีปนาวุธหรือการโจมตีทางอากาศ และอีกภาพจากมาซาร์ เทคโนโลยีส์ เป็นภาพความเสียหายมีรถหุ้มเกราะถูกยิงและสะพานถูกถล่มยับใกล้เมืองเออร์ปินและเขตสโตยันกา
ด้านนาง
ออกซานา มาร์คาโรวา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกา ชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐว่ากองกำลังรัสเซียใช้ “
ระเบิดสุญญากาศ” ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในอนุสัญญาเจนีวา ระเบิดสุญญากาศเป็นอาวุธเทอร์โมบาริก โดยข้างในอัดแน่นไปด้วยระเบิดแรงดันสูงที่จะดูดออกซิเจนจากอากาศโดยรอบ ส่งผลให้เกิดแรงอัดอากาศและมวลคลื่นที่มีความรุนแรงมหาศาล
องค์การฮิวแมนไรตส์วอตช์ระบุว่า รัสเซียเคยใช้อาวุธเทอร์โมบาริกมาแล้วในสาธารณรัฐเชชเนียของรัสเซีย และเมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.พ. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า พบว่า เห็นเครื่องยิงจรวดเทอร์โมบาริกใกล้กับเมืองเบลโกรอด ในแคว้นเบลโกรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย
https://www.dailymail.co.uk/embed/video/2626065.html
กระทบถึงไทย! สงครามรัสเซีย-ยูเครน พ่นพิษ ราคาไข่คละหน้าฟาร์ม ขึ้นอีกฟองละ 30 สต.
https://ch3plus.com/news/economy/morning/281041
เมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 65) สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ รวมทั้งสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ได้ส่งหนังสือถึงสมาชิก ปรับขึ้นราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม เป็น 3 บาท 20 สตางค์ เท่ากับเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ จากราคาปัจจุบัน 2 บาท 90 สตางค์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
โดยการขึ้นราคาครั้งนี้ ยังคงเป็นไปตามที่สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ได้ตกลงกับทางกระทรวงพาณิชย์ ให้ตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้ไม่ให้เกิน 3 บาท หลังจากที่มีความพยายามจะขึ้นราคามาแล้วครั้งหนึ่ง ในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา จาก 2 บาท 80 สตางค์ เป็น 3 บาท
แต่ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ก็ระบุว่า ตอนนี้ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้อีก เนื่องจากอาหารสัตว์สูงขึ้น โดยเป็นผลจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จนกระทบต่อวัตถุดิบที่กำลังจะขาดตลาด และทำให้ราคาอาหารสัตว์สูงขึ้นอีก
นาย
มาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ระบุว่า ราคาที่มีการปรับขึ้นในขณะนี้ ยังเป็นไปตามเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ ที่ให้กำหนดราคาบวกจากต้นทุน 20 % คือ ต้นทุน 2 บาท 90 สตางค์ ถ้าบวก 20 % จะอยู่ที่ 58 สตางค์ สามารถขึ้นราคาได้ถึง 3 บาท 48 สตางค์ แต่ขณะนี้ปรับขึ้นแค่ 3 บาท 20 สตางค์เท่านั้น
ไม่ใช่แต่ผู้เลี้ยงไก่เท่านั้น ผู้ผลิตอาหารสัตว์ก็แสดงความเป็นห่วงว่า วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์กำลังจะขาดตลาด จากสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ต้องเร่งออกมาตรการแก้ไข ด้วยการนำเข้าอาหารสัตว์จากประเทศอื่น นำเข้าข้าวโพดเป็นการชั่วคราว และยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือ รวมทั้งรัฐบาลต้องยกเลิกมาตรการบังคับด้วยการตรึงราคา ที่ทำให้ผู้ผลิตต้องแบกรับปัญหาภาวะขาดทุน
ทั้งนี้ ห่วงโซ่สุดท้ายซึ่งคือ 'ประชาชน' จะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเดือดร้อนที่สุด ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ไม่ใช่เพียงแค่การพิจารณาตามข้อเรียกร้องของเอกชน แต่ยังต้องดูโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภคด้วย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/wJ6x7ReImTc
ประชาชน 'ค้าน' ขึ้นภาษีสรรพสามิตรถใช้น้ำมัน
https://www.nationtv.tv/news/378865158
หลัง ครม.อนุมัติปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถอีวีมากขึ้น ปรับขึ้นภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปหรือรถที่ใช้น้ำมัน โดยจะเก็บภาษีสูงขึ้นตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
กระทรวงการคลังประเมินว่า หากมีการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์อีวีในปี 2565-2568 ทดแทนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในตามเป้าหมายของบอร์ดอีวี จะส่งผลกระทบทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลดลงในช่วงปี 2565-2568 ปีละประมาณ 1,800 ล้านบาท หากจะทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์กลับมาใกล้เคียงกับที่จัดเก็บได้ในปี 2564 จะต้องทยอยปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
ซึ่งโครงสร้างภาษีใหม่รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะต้องมีอัตราภาษีที่สูงขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตหันมาผลิตรถอีวีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้มีรายได้ภาษีมาชดเชยส่วนที่หายไปจากการส่งเสริมการใช้รถอีวี โดยจะปรับภาษีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเพิ่มขึ้น ทดแทนภาษีรถยนต์อีวีที่ต้องการส่งเสริม
ด้านประชาชนบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะขึ้นภาษีรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะคนส่วนใหญ่ยังใช้อยู่ มองว่าการจะเปลี่ยนให้คนมาใช้รถอีวีจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี และยังไม่เปลี่ยนมาใช้รถอีวีเนื่องจากสถานีบริการชาร์จไฟฟ้ายังมีไม่ทั่วถึงทำให้ไม่สะดวกในการใช้งาน
ด้านกรมสรรพสามิต ระบุว่า โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ จะทำให้รถยนต์ที่ยังใช้น้ำมันอยู่ต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอร์นไดออกไซด์ลง เพื่อรับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี แต่ถ้าไม่มีการปรับตัวก็จะเสียภาษีแพงขึ้น คาดว่าค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะเร่งปรับตัว ปรับเทคโนโลยี เพื่อให้สอดรับกับโครงสร้างภาษี และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในอัตราที่ต่ำลง ให้สามารถทำราคาสู้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้
JJNY : แฉรัสเซียใช้“ระเบิดสุญญากาศ”│ไข่คละหน้าฟาร์ม ขึ้น30สต.│ปชช.'ค้าน'ขึ้นภาษีรถใช้น้ำมัน│ชัชชาติโพสต์อาลัยพนง.กวาดถนน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6915052
แฉรัสเซียใช้ “ระเบิดสุญญากาศ”– วันที่ 1 มี.ค. เออฟพี บีบีซี และการ์เดียนรายงานสถานการณ์ความไม่สงบใน ประเทศยูเครน ซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 6 หลังจากกองกำลังรัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางการทหารในยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ว่า ยังมีปะทะต่อเนื่องในหลายเมืองทั่วยูเครน
ทั้งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ในการหารืออีกครั้งว่า พร้อมจะยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในยูเครน
และเกิดขึ้นหลังจากคณะผู้แทนรัฐบาลยูเครนนำโดยนายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน เพิ่งหารือกับคณะผู้แทนรัฐบาลรัสเซียนำโดยนายวลาดิมีร์ เมดินสกี ผู้ช่วยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และนายลีโอนิด สลัตสกี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาดูมา ที่เมืองกอเมล ประเทศเบลารุส ติดชายแดนยูเครนทางตอนเหนือ เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 28 ก.พ.
ทางการยูเครนแถลงว่ากองกำลังรัสเซียยิงจรวดโจมตีเมืองคาร์คีฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และอย่างน้อย 37 คนได้รับบาดเจ็บ
นายอิฮอร์ เทเรกฮอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คีฟ ระบุผ่านข้อความทางแอพพลิเคชั่นเทเลแกรมว่าเป็นอีกวันที่ยากลำบากมาก การโจมตีนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นแค่สงคราม แต่นี่คือความพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน
ขีปนาวุธหลายลูกถล่มอาคารที่อยู่อาศัยและสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในจำนวนนี้มี 4 คนเสียชีวิตหลังเพิ่งออกจากหลุมหลบภัยเพื่อหาน้ำดื่ม และอีกครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อแม่และลูกซึ่งยังเป็นเด็กอีก 3 คน ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาที่ในรถยนต์
ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์บนโลกออนไลน์เผยให้เห็นจรวดแกรดหลายลูกพุ่งใส่พื้นที่ชุมชนเมืองคาร์คีฟอีกคลิป เป็นเหตุการณ์หลังการโจมตีเผยให้เห็นสภาพถูกทำลายล้างของถนนโคลชคิฟสกา ใจกลางเมืองคาร์คีฟ จรวดแกรดลูกหนึ่งตกลงด้านนอกอาคารหลังหนึ่ง ทำให้หญิงเคระห์ร้ายซึ่งกำลังเดินทางไปซื้อของในช่วงผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิว ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนขาขาด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ด้านบริษัท มาซาร์ เทคโนโลยีส์ เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่สมรภูมิยูเครนและพบว่ากองกำลังรัสเซียตั้งทัพเป็นระยะทางยาวเกือบ 65 กิโลเมตร ใกล้เมืองอีวานคีฟ ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า กองกำลังรัสเซียมีแผนเตรียมบุกกรุงเคียฟในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังมีภาพกองกำลังรัสเซียตั้งทัพใกล้สนามบินฮอสโตเมล ชานกรุงเคียฟ สถานที่จอดเครื่องบินอันโตนอฟ เอเอ็น-225 มรียา อากาศยานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งถูกกองกำลังรัสเซียทำลายด้วยขีปนาวุธหรือการโจมตีทางอากาศ และอีกภาพจากมาซาร์ เทคโนโลยีส์ เป็นภาพความเสียหายมีรถหุ้มเกราะถูกยิงและสะพานถูกถล่มยับใกล้เมืองเออร์ปินและเขตสโตยันกา
ด้านนางออกซานา มาร์คาโรวา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกา ชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐว่ากองกำลังรัสเซียใช้ “ระเบิดสุญญากาศ” ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในอนุสัญญาเจนีวา ระเบิดสุญญากาศเป็นอาวุธเทอร์โมบาริก โดยข้างในอัดแน่นไปด้วยระเบิดแรงดันสูงที่จะดูดออกซิเจนจากอากาศโดยรอบ ส่งผลให้เกิดแรงอัดอากาศและมวลคลื่นที่มีความรุนแรงมหาศาล
องค์การฮิวแมนไรตส์วอตช์ระบุว่า รัสเซียเคยใช้อาวุธเทอร์โมบาริกมาแล้วในสาธารณรัฐเชชเนียของรัสเซีย และเมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.พ. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า พบว่า เห็นเครื่องยิงจรวดเทอร์โมบาริกใกล้กับเมืองเบลโกรอด ในแคว้นเบลโกรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย
https://www.dailymail.co.uk/embed/video/2626065.html
กระทบถึงไทย! สงครามรัสเซีย-ยูเครน พ่นพิษ ราคาไข่คละหน้าฟาร์ม ขึ้นอีกฟองละ 30 สต.
https://ch3plus.com/news/economy/morning/281041
เมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 65) สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ รวมทั้งสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ได้ส่งหนังสือถึงสมาชิก ปรับขึ้นราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม เป็น 3 บาท 20 สตางค์ เท่ากับเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ จากราคาปัจจุบัน 2 บาท 90 สตางค์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
โดยการขึ้นราคาครั้งนี้ ยังคงเป็นไปตามที่สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ได้ตกลงกับทางกระทรวงพาณิชย์ ให้ตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้ไม่ให้เกิน 3 บาท หลังจากที่มีความพยายามจะขึ้นราคามาแล้วครั้งหนึ่ง ในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา จาก 2 บาท 80 สตางค์ เป็น 3 บาท
แต่ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ก็ระบุว่า ตอนนี้ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้อีก เนื่องจากอาหารสัตว์สูงขึ้น โดยเป็นผลจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จนกระทบต่อวัตถุดิบที่กำลังจะขาดตลาด และทำให้ราคาอาหารสัตว์สูงขึ้นอีก
นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ระบุว่า ราคาที่มีการปรับขึ้นในขณะนี้ ยังเป็นไปตามเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ ที่ให้กำหนดราคาบวกจากต้นทุน 20 % คือ ต้นทุน 2 บาท 90 สตางค์ ถ้าบวก 20 % จะอยู่ที่ 58 สตางค์ สามารถขึ้นราคาได้ถึง 3 บาท 48 สตางค์ แต่ขณะนี้ปรับขึ้นแค่ 3 บาท 20 สตางค์เท่านั้น
ไม่ใช่แต่ผู้เลี้ยงไก่เท่านั้น ผู้ผลิตอาหารสัตว์ก็แสดงความเป็นห่วงว่า วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์กำลังจะขาดตลาด จากสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ต้องเร่งออกมาตรการแก้ไข ด้วยการนำเข้าอาหารสัตว์จากประเทศอื่น นำเข้าข้าวโพดเป็นการชั่วคราว และยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือ รวมทั้งรัฐบาลต้องยกเลิกมาตรการบังคับด้วยการตรึงราคา ที่ทำให้ผู้ผลิตต้องแบกรับปัญหาภาวะขาดทุน
ทั้งนี้ ห่วงโซ่สุดท้ายซึ่งคือ 'ประชาชน' จะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเดือดร้อนที่สุด ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ไม่ใช่เพียงแค่การพิจารณาตามข้อเรียกร้องของเอกชน แต่ยังต้องดูโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภคด้วย
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/wJ6x7ReImTc
ประชาชน 'ค้าน' ขึ้นภาษีสรรพสามิตรถใช้น้ำมัน
https://www.nationtv.tv/news/378865158
หลัง ครม.อนุมัติปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถอีวีมากขึ้น ปรับขึ้นภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปหรือรถที่ใช้น้ำมัน โดยจะเก็บภาษีสูงขึ้นตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
กระทรวงการคลังประเมินว่า หากมีการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์อีวีในปี 2565-2568 ทดแทนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในตามเป้าหมายของบอร์ดอีวี จะส่งผลกระทบทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลดลงในช่วงปี 2565-2568 ปีละประมาณ 1,800 ล้านบาท หากจะทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์กลับมาใกล้เคียงกับที่จัดเก็บได้ในปี 2564 จะต้องทยอยปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
ซึ่งโครงสร้างภาษีใหม่รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะต้องมีอัตราภาษีที่สูงขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตหันมาผลิตรถอีวีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้มีรายได้ภาษีมาชดเชยส่วนที่หายไปจากการส่งเสริมการใช้รถอีวี โดยจะปรับภาษีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเพิ่มขึ้น ทดแทนภาษีรถยนต์อีวีที่ต้องการส่งเสริม
ด้านประชาชนบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะขึ้นภาษีรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะคนส่วนใหญ่ยังใช้อยู่ มองว่าการจะเปลี่ยนให้คนมาใช้รถอีวีจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี และยังไม่เปลี่ยนมาใช้รถอีวีเนื่องจากสถานีบริการชาร์จไฟฟ้ายังมีไม่ทั่วถึงทำให้ไม่สะดวกในการใช้งาน
ด้านกรมสรรพสามิต ระบุว่า โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ จะทำให้รถยนต์ที่ยังใช้น้ำมันอยู่ต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอร์นไดออกไซด์ลง เพื่อรับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี แต่ถ้าไม่มีการปรับตัวก็จะเสียภาษีแพงขึ้น คาดว่าค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะเร่งปรับตัว ปรับเทคโนโลยี เพื่อให้สอดรับกับโครงสร้างภาษี และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในอัตราที่ต่ำลง ให้สามารถทำราคาสู้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้