JJNY : แฉรัสเซียใช้“ระเบิดสุญญากาศ”│ไข่คละหน้าฟาร์ม ขึ้น30สต.│ปชช.'ค้าน'ขึ้นภาษีรถใช้น้ำมัน│ชัชชาติโพสต์อาลัยพนง.กวาดถนน

แฉรัสเซียใช้ “ระเบิดสุญญากาศ” คาร์คีฟโดนถล่มซ้ำ-สลดไฟคลอกดับคารถยกครัว (คลิป)
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6915052
 
 
แฉรัสเซียใช้ “ระเบิดสุญญากาศ”– วันที่ 1 มี.ค. เออฟพี บีบีซี และการ์เดียนรายงานสถานการณ์ความไม่สงบใน ประเทศยูเครน ซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 6 หลังจากกองกำลังรัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางการทหารในยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ว่า ยังมีปะทะต่อเนื่องในหลายเมืองทั่วยูเครน
 
ทั้งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ในการหารืออีกครั้งว่า พร้อมจะยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในยูเครน
 
และเกิดขึ้นหลังจากคณะผู้แทนรัฐบาลยูเครนนำโดยนายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน เพิ่งหารือกับคณะผู้แทนรัฐบาลรัสเซียนำโดยนายวลาดิมีร์ เมดินสกี ผู้ช่วยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และนายลีโอนิด สลัตสกี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาดูมา ที่เมืองกอเมล ประเทศเบลารุส ติดชายแดนยูเครนทางตอนเหนือ เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 28 ก.พ.

ทางการยูเครนแถลงว่ากองกำลังรัสเซียยิงจรวดโจมตีเมืองคาร์คีฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และอย่างน้อย 37 คนได้รับบาดเจ็บ
 
นายอิฮอร์ เทเรกฮอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คีฟ ระบุผ่านข้อความทางแอพพลิเคชั่นเทเลแกรมว่าเป็นอีกวันที่ยากลำบากมาก การโจมตีนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นแค่สงคราม แต่นี่คือความพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน
 
ขีปนาวุธหลายลูกถล่มอาคารที่อยู่อาศัยและสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในจำนวนนี้มี 4 คนเสียชีวิตหลังเพิ่งออกจากหลุมหลบภัยเพื่อหาน้ำดื่ม และอีกครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อแม่และลูกซึ่งยังเป็นเด็กอีก 3 คน ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาที่ในรถยนต์
 
ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์บนโลกออนไลน์เผยให้เห็นจรวดแกรดหลายลูกพุ่งใส่พื้นที่ชุมชนเมืองคาร์คีฟอีกคลิป เป็นเหตุการณ์หลังการโจมตีเผยให้เห็นสภาพถูกทำลายล้างของถนนโคลชคิฟสกา ใจกลางเมืองคาร์คีฟ จรวดแกรดลูกหนึ่งตกลงด้านนอกอาคารหลังหนึ่ง ทำให้หญิงเคระห์ร้ายซึ่งกำลังเดินทางไปซื้อของในช่วงผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิว ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนขาขาด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 
ด้านบริษัท มาซาร์ เทคโนโลยีส์ เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่สมรภูมิยูเครนและพบว่ากองกำลังรัสเซียตั้งทัพเป็นระยะทางยาวเกือบ 65 กิโลเมตร ใกล้เมืองอีวานคีฟ ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า กองกำลังรัสเซียมีแผนเตรียมบุกกรุงเคียฟในเร็วๆ นี้
 
นอกจากนี้ยังมีภาพกองกำลังรัสเซียตั้งทัพใกล้สนามบินฮอสโตเมล ชานกรุงเคียฟ สถานที่จอดเครื่องบินอันโตนอฟ เอเอ็น-225 มรียา อากาศยานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งถูกกองกำลังรัสเซียทำลายด้วยขีปนาวุธหรือการโจมตีทางอากาศ และอีกภาพจากมาซาร์ เทคโนโลยีส์ เป็นภาพความเสียหายมีรถหุ้มเกราะถูกยิงและสะพานถูกถล่มยับใกล้เมืองเออร์ปินและเขตสโตยันกา
 
ด้านนางออกซานา มาร์คาโรวา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกา ชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐว่ากองกำลังรัสเซียใช้ “ระเบิดสุญญากาศ” ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในอนุสัญญาเจนีวา ระเบิดสุญญากาศเป็นอาวุธเทอร์โมบาริก โดยข้างในอัดแน่นไปด้วยระเบิดแรงดันสูงที่จะดูดออกซิเจนจากอากาศโดยรอบ ส่งผลให้เกิดแรงอัดอากาศและมวลคลื่นที่มีความรุนแรงมหาศาล
 
องค์การฮิวแมนไรตส์วอตช์ระบุว่า รัสเซียเคยใช้อาวุธเทอร์โมบาริกมาแล้วในสาธารณรัฐเชชเนียของรัสเซีย และเมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.พ. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า พบว่า เห็นเครื่องยิงจรวดเทอร์โมบาริกใกล้กับเมืองเบลโกรอด ในแคว้นเบลโกรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย
 
https://www.dailymail.co.uk/embed/video/2626065.html
 

 
กระทบถึงไทย! สงครามรัสเซีย-ยูเครน พ่นพิษ ราคาไข่คละหน้าฟาร์ม ขึ้นอีกฟองละ 30 สต.
https://ch3plus.com/news/economy/morning/281041

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 65) สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ รวมทั้งสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ได้ส่งหนังสือถึงสมาชิก ปรับขึ้นราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม เป็น 3 บาท 20 สตางค์ เท่ากับเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ จากราคาปัจจุบัน 2 บาท 90 สตางค์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป 
   
โดยการขึ้นราคาครั้งนี้ ยังคงเป็นไปตามที่สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ได้ตกลงกับทางกระทรวงพาณิชย์ ให้ตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้ไม่ให้เกิน 3 บาท หลังจากที่มีความพยายามจะขึ้นราคามาแล้วครั้งหนึ่ง ในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา จาก 2 บาท 80 สตางค์ เป็น 3 บาท
 
แต่ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ก็ระบุว่า ตอนนี้ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้อีก เนื่องจากอาหารสัตว์สูงขึ้น โดยเป็นผลจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จนกระทบต่อวัตถุดิบที่กำลังจะขาดตลาด และทำให้ราคาอาหารสัตว์สูงขึ้นอีก
 
นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ระบุว่า ราคาที่มีการปรับขึ้นในขณะนี้ ยังเป็นไปตามเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ ที่ให้กำหนดราคาบวกจากต้นทุน 20 % คือ ต้นทุน 2 บาท 90 สตางค์ ถ้าบวก 20 % จะอยู่ที่ 58 สตางค์ สามารถขึ้นราคาได้ถึง 3 บาท 48 สตางค์ แต่ขณะนี้ปรับขึ้นแค่ 3 บาท 20 สตางค์เท่านั้น
 
ไม่ใช่แต่ผู้เลี้ยงไก่เท่านั้น ผู้ผลิตอาหารสัตว์ก็แสดงความเป็นห่วงว่า วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์กำลังจะขาดตลาด จากสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ต้องเร่งออกมาตรการแก้ไข ด้วยการนำเข้าอาหารสัตว์จากประเทศอื่น นำเข้าข้าวโพดเป็นการชั่วคราว และยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือ รวมทั้งรัฐบาลต้องยกเลิกมาตรการบังคับด้วยการตรึงราคา ที่ทำให้ผู้ผลิตต้องแบกรับปัญหาภาวะขาดทุน
 
ทั้งนี้ ห่วงโซ่สุดท้ายซึ่งคือ 'ประชาชน' จะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเดือดร้อนที่สุด ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ไม่ใช่เพียงแค่การพิจารณาตามข้อเรียกร้องของเอกชน แต่ยังต้องดูโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภคด้วย

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/wJ6x7ReImTc

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


ประชาชน 'ค้าน' ขึ้นภาษีสรรพสามิตรถใช้น้ำมัน
https://www.nationtv.tv/news/378865158

หลัง ครม.อนุมัติปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถอีวีมากขึ้น ปรับขึ้นภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปหรือรถที่ใช้น้ำมัน โดยจะเก็บภาษีสูงขึ้นตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

กระทรวงการคลังประเมินว่า หากมีการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์อีวีในปี 2565-2568 ทดแทนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในตามเป้าหมายของบอร์ดอีวี จะส่งผลกระทบทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลดลงในช่วงปี 2565-2568 ปีละประมาณ 1,800 ล้านบาท หากจะทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์กลับมาใกล้เคียงกับที่จัดเก็บได้ในปี 2564 จะต้องทยอยปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
  
ซึ่งโครงสร้างภาษีใหม่รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะต้องมีอัตราภาษีที่สูงขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตหันมาผลิตรถอีวีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้มีรายได้ภาษีมาชดเชยส่วนที่หายไปจากการส่งเสริมการใช้รถอีวี โดยจะปรับภาษีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเพิ่มขึ้น ทดแทนภาษีรถยนต์อีวีที่ต้องการส่งเสริม

ด้านประชาชนบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะขึ้นภาษีรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เพราะคนส่วนใหญ่ยังใช้อยู่ มองว่าการจะเปลี่ยนให้คนมาใช้รถอีวีจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี และยังไม่เปลี่ยนมาใช้รถอีวีเนื่องจากสถานีบริการชาร์จไฟฟ้ายังมีไม่ทั่วถึงทำให้ไม่สะดวกในการใช้งาน
 
ด้านกรมสรรพสามิต ระบุว่า โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ จะทำให้รถยนต์ที่ยังใช้น้ำมันอยู่ต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอร์นไดออกไซด์ลง เพื่อรับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี แต่ถ้าไม่มีการปรับตัวก็จะเสียภาษีแพงขึ้น คาดว่าค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะเร่งปรับตัว ปรับเทคโนโลยี เพื่อให้สอดรับกับโครงสร้างภาษี และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในอัตราที่ต่ำลง ให้สามารถทำราคาสู้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่