เป็นเรื่องที่อยากเล่าให้เพื่อนฟัง ขอเริ่มก่อนเป็นตัวอย่าง
ระหว่างทริปท่องเที่ยว ๔ จังหวัดในภาคเหนือ เน้นท่องเที่ยวชมวัดล้านนา และเมื่อเราเข้าไปกราบไหว้พระประธานในอุโบสถ และเรา(ทั้ง ๔คน)ก็จะทำกันเสมอคือ การสวดมนต์บทอิติปิโส และสวดตามคำบอกที่ป้ายหน้าพระหรือองค์พระธาตุ
จนมาถึงวัดๆหนึ่ง ระหว่างที่สวดกันด้วยเสียงที่พอจะได้ยินกันแค่ระหว่างเรา ในขณะนั้นเราก็ได้ยินเสียงที่แหลมเล็กแทรกเข้ามาเป็นการสวดมนต์เช่นกันแต่เป็นบทสวดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต ยอมรับเลยว่าสมาธิที่เดิมจดจ่ออยู่กับบทสวดของเรานั้น ถูกเสียงสวดที่แทรกเข้ามาดึงดูดความสนใจ และเสียงที่มีแค่คนสวดคนเดียวก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แทบจะกลบเสียงของคน ๔ คน สวดเป็นท่วงทำนองที่น่าฟังมาก เมื่อเราสวดจบก็จึงได้หันไปดู ก็พบสาวนุ่งขาวพนมมือสวดอยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นชาวเขา ชนเผ่า หรือจะเป็นชาวพม่า ที่เราคุยกันในรถคือ มันกล้ามาก มาคนเดียวแต่เสียงข่มกลบ พาลคิดไปถึงที่เคยดูตลกเล่นบทงานวัดที่มัคทายกพูดชักชวนคนทำบุญ แต่ถูกเสียงโฆษกอื่นในงานพูดได้เร้าใจกว่าจนตัวเองหลงพูดตาม
อีกเรื่องเป็นวัดกลางเมืองเชียงใหม่ ด้วยความที่วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ดังแต่พอมีที่จอดรถ จึงมักจะมีคนอาศัยไปที่จอดแล้วไปทำบุญวัดอื่น สิ่งที่เราเจอคือประตูกลหยอดเหรียญกั้นทางเข้าสุขา ๑ใน๔ คนมีคนที่ปวดปัสสาวะก็จะเข้าส้วมไปทำธุระ ก็หาเศษเหรียญเพื่อหยอดให้ประตูเปิด ที่ช่องหยอดเขียนว่า ๓บาท ๕ บาท เราก็หยอดทดลองกันตั้งแต่ใส่เหรียญ ๑ บาทประตูก็ผลักเข้าไม่ได้ ใส่จนครบ ๓ บาทก็ยังผลักไม่ได้ พอเอาเหรียญ ๕ ใส่กลไกประตูก็สามารถผลักเข้าได้ก็เลยผลักภรรยาที่ตัวเล็กที่สุดเข้าไปหวังว่าจะแทรกเข้าได้เพิ่มอีกคนในแบบโกงๆ สุดท้ายไม่สามารถเพิ่มแทรกเข้าไปได้ กลายเป็นว่า คนที่ไม่ได้ปวดปัสสาวะได้เข้าไปแทน เหรียญก็ไม่มีเหลือแล้วด้วย เลยบอกให้ภรรยาเข้าไปทำธุระ(ในแบบจำใจ) แล้วกะว่าตอนขาออกจะสามารถแทรกตัวเข้าไปได้ แต่ไม่เป็นผลครับ กลไกทำงานได้ดีมาก โกงมันไม่สำเร็จ คนที่ปวดก็ต้องอั้นฉี่ไปอีกวัด ๕๕ ก็เอามาเล่าขบขันกันไป จะโกงวัดเลยถูกวัดโกง ๘บาทได้ฉี่คนเดียว สม....
ป.ล. ขอแท็กชีวิตหลังเกษียณ เพราะเป็นทริปเดินทางท่องเที่ยวเดินสายทำบุญได้ส่วนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันก็เลยสามารถไปเที่ยวได้ไกลขึ้น
ชวนแชร์เรื่องขำขัน หรือเรื่องที่ประทับใจ เน้นเป็นเรื่องที่เจอในแบบย่อๆ ระหว่างท่องเที่ยวกัน
ระหว่างทริปท่องเที่ยว ๔ จังหวัดในภาคเหนือ เน้นท่องเที่ยวชมวัดล้านนา และเมื่อเราเข้าไปกราบไหว้พระประธานในอุโบสถ และเรา(ทั้ง ๔คน)ก็จะทำกันเสมอคือ การสวดมนต์บทอิติปิโส และสวดตามคำบอกที่ป้ายหน้าพระหรือองค์พระธาตุ
จนมาถึงวัดๆหนึ่ง ระหว่างที่สวดกันด้วยเสียงที่พอจะได้ยินกันแค่ระหว่างเรา ในขณะนั้นเราก็ได้ยินเสียงที่แหลมเล็กแทรกเข้ามาเป็นการสวดมนต์เช่นกันแต่เป็นบทสวดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต ยอมรับเลยว่าสมาธิที่เดิมจดจ่ออยู่กับบทสวดของเรานั้น ถูกเสียงสวดที่แทรกเข้ามาดึงดูดความสนใจ และเสียงที่มีแค่คนสวดคนเดียวก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แทบจะกลบเสียงของคน ๔ คน สวดเป็นท่วงทำนองที่น่าฟังมาก เมื่อเราสวดจบก็จึงได้หันไปดู ก็พบสาวนุ่งขาวพนมมือสวดอยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นชาวเขา ชนเผ่า หรือจะเป็นชาวพม่า ที่เราคุยกันในรถคือ มันกล้ามาก มาคนเดียวแต่เสียงข่มกลบ พาลคิดไปถึงที่เคยดูตลกเล่นบทงานวัดที่มัคทายกพูดชักชวนคนทำบุญ แต่ถูกเสียงโฆษกอื่นในงานพูดได้เร้าใจกว่าจนตัวเองหลงพูดตาม
อีกเรื่องเป็นวัดกลางเมืองเชียงใหม่ ด้วยความที่วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ดังแต่พอมีที่จอดรถ จึงมักจะมีคนอาศัยไปที่จอดแล้วไปทำบุญวัดอื่น สิ่งที่เราเจอคือประตูกลหยอดเหรียญกั้นทางเข้าสุขา ๑ใน๔ คนมีคนที่ปวดปัสสาวะก็จะเข้าส้วมไปทำธุระ ก็หาเศษเหรียญเพื่อหยอดให้ประตูเปิด ที่ช่องหยอดเขียนว่า ๓บาท ๕ บาท เราก็หยอดทดลองกันตั้งแต่ใส่เหรียญ ๑ บาทประตูก็ผลักเข้าไม่ได้ ใส่จนครบ ๓ บาทก็ยังผลักไม่ได้ พอเอาเหรียญ ๕ ใส่กลไกประตูก็สามารถผลักเข้าได้ก็เลยผลักภรรยาที่ตัวเล็กที่สุดเข้าไปหวังว่าจะแทรกเข้าได้เพิ่มอีกคนในแบบโกงๆ สุดท้ายไม่สามารถเพิ่มแทรกเข้าไปได้ กลายเป็นว่า คนที่ไม่ได้ปวดปัสสาวะได้เข้าไปแทน เหรียญก็ไม่มีเหลือแล้วด้วย เลยบอกให้ภรรยาเข้าไปทำธุระ(ในแบบจำใจ) แล้วกะว่าตอนขาออกจะสามารถแทรกตัวเข้าไปได้ แต่ไม่เป็นผลครับ กลไกทำงานได้ดีมาก โกงมันไม่สำเร็จ คนที่ปวดก็ต้องอั้นฉี่ไปอีกวัด ๕๕ ก็เอามาเล่าขบขันกันไป จะโกงวัดเลยถูกวัดโกง ๘บาทได้ฉี่คนเดียว สม....
ป.ล. ขอแท็กชีวิตหลังเกษียณ เพราะเป็นทริปเดินทางท่องเที่ยวเดินสายทำบุญได้ส่วนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันก็เลยสามารถไปเที่ยวได้ไกลขึ้น