คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
แม่เอาน้องเข้าเร็วไปค่ะ เด็กวัยนี้ยังไม่พร้อมห่างแม่ เป็นช่วงวัยที่กำลังติดแม่หนักด้วยซ้ำ แน่นอนถ้าไปร.ร.ครูเค้าก็จะบอกว่าเป็นเรื่องปกติ ปกติหรือไม่ ดูที่ลูกค่ะ ไม่ใช่ฟังที่ครู จำไว้เสมอไม่มีใครรู้จักลูกเรา เท่าตัวลูกเราเอง+คนที่อยู่ใกล้ชิดและเลี้ยงเค้าตั้งแต่เกิด
แชร์ประสบการณ์นะคะ เราเอาลูกเข้าเนอสตอน 1.9 ปี เราต้องการให้เค้าไปทำกิจกรรม แต่สิ่งที่เราทำแลกกับผลกระทบทางใจลูกระยะยาว (ทุกวันนี้ยังโทษตัวเองอยู่) ไปแค่ 2 วันแรก อาการก็เป็นแบบลูกคุณแม่เลยค่ะ คือ ร้องไห้จ๊าก มีอาการเหวี่ยงวีน งอแงหนักตอนอยู่กับคนที่บ้าน แต่หนักกว่าตรงที่ละเมอตอนดึก สะดุ้งตอนกลางคืน กินอาหารแล้วอวก แน่นอนครูบอก โอ้ย..เป็นเรื่องปกติค่ะแม่ (มารู้ที่หลังที่ไม่ปกติอ่ะคือครู เพราะครูไม่มีความเข้าใจพัฒนาการเด็กเลย ถึงขั้นร้องจนอ้วก เรียกว่า trauma แล้วค่ะ) ที่สำคัญติดแม่หนักมาก ติดชนิดที่ว่า ขนาดพาไปสวนสนุกที่เดิมที่เคยเห็นของเล่นแล้วรีบวิ่งเข้าไปเล่น กลายเป็นให้แม่อุ้มตลอด ระหว่างเล่นต้องมองตลอดว่าแม่อยู่ด้วยมั๊ย ยัง...แม่ยังไม่รู้ตัวว่าลูกเปลี่ยนไปเพราะการพาไปเนอสตอน ไปห่างแม่ตอนไม่พร้อม เราเอาลูกออกมา ไปสมัครเรียนเสริมพัฒนาการต่ออีก เรียนแค่ 1 ช.ม. เค้าไม่ให้แม่อยู่ด้วย เค้าก็บอกแบบนี้แหละเด็กร้องทุกคน ต้องฝึก แต่เราอยู่ด้วยค่ะ เพราะเราดูแล้วว่าถ้าเราปล่อยลูกไว้ ครูที่นั่นก็จะปล่อยลูกร้อง คือพูดง่ายๆเอาเด็กไม่อยู่ ไม่มีจิตวิทยาในการ calm เด็ก ดูจากที่เค้าปล่อยให้เด็กอื่นร้องเป็นชั่วโมง เราจึงไม่ปล่อยค่ะ แล้วลูกก็มองหาเราตลอดเวลา เช่น ถ้าเราเดินไปห้องน้ำเค้าก็ร้องตาม
เราแอบหนักใจว่าทำไมลูกเราไม่เหมือนเด็กคนอื่น ทำไมติดแม่จัง เราจึงหาข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก ศึกษาเยอะมาก หาอ่านบทความ ฟัง การบรรยายของนักจิตวิทยาเด็กของ ตปท. มากมาย เราจึงได้เข้าใจว่า พฤติกรรมลูกที่ติดแม่เป็นพิเศษ เกิดจาก
1. ลูกเราเป็นเด็ก sensitive / slow to warm up เด็กกลุ่มนี้ฉลาดค่ะ รู้เรื่อง พูดจา คิดเหมือนเด็กโต แต่...แต่เค้าอ่อนไหวทางความรู้สึกง่าย ปรับตัวยากในสภาพแวดล้อมกับคนและที่ๆไม่คุ้น คนไม่รู้จักจะมองว่าเป็นเด็กขี้อาย ขี้แย อ่อนแอ
2. เราเอาลูกเข้าเนอสเร็วไป สภาพจิตใจเค้าไม่พร้อม+ ความ sensitive ทำให้เค้าเสียใจหนักมาก และฝังใจ กลัวการห่างแม่ กลัวถูกแม่ทิ้ง เหมือนที่เราทิ้งเค้าให้อยู่กับใครไม่รู้ (ที่ร.ร ) เดิมทีติดแม่อยู่แล้ว พอเข้าเนอส ติดแม่หนักกว่าเดิม เค้ารู้สึกโดนทิ้ง และกลัวจะโดนทิ้งอีก อย่าลืมว่าเด็กเล็กไม่เข้าใจ concept ของเวลา เค้านึกภาพไม่ออกว่าแม่ไปทำงานแล้วค่อยมารับเป็นยังไง 3 ช.ม ที่แม่ทิ้งให้เค้าอยู่กับคนแปลกหน้า แปลกที่ เค้ารู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน
3. นักจิตวิทยา นักพัฒนาการเด็กทุกคน ไม่มีใครแนะนำให้เอาเด็กเข้าร.ร ก่อน 3 ขวบ หากเป็นนานาชาติ หรือ ตปท เด็กเล็กๆเค้าให้ไปทำกิจกรรมแค่ 2-3 ช.ม. แรกๆให้แม่ไปด้วยให้เด็กคุ้นกับสถานที่คุ้นกับคนดูแล ก่อนจะปล่อยให้อยู่เอง โดยเริ่มจาก 1 ชมก่อน แล้วค่อยขยายเวลสไปเรื่อยๆ นี่คือวิธีที่ข่วย transition เด็กให้ปรับตัวจากการห่างแม่ได้ดีที่สุด
4. หลังจาก ร.ร.เสริมพัฒนาการช่วง 2 ขวบเศษ เราเอาลูกออกมาและไม่เอาเข้าเรียนที่ไหนเลย ยิ่งศึกษาเรื่องเด็ก ยิ่งรู้สึกว่าเราพลาดมากๆ ที่เอาลูกไปเข้าเนอส+ไปซ้ำเติมลูกด้วยการให้เค้าไปเรียนสถาบันเสริมพัฒนาการในขณะที่ลูกไม่พร้อม เพราะหากเด็กเกิดความกังวล เกิดความเครียด ส่งผลต่อสมอง ต่อการรับรู้ของเด็ก เด็กจะเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ ในที่ๆเค้าไม่มีความสุข ในที่ๆเค้ารู้สึกกังวลใจ หรือในขณะที่เค้าร้องไห้หาแม่ เหมือนไปปล่อยให้เค้าทรมานมากกว่า
5. 3 ขวบครึ่ง ลองเอาไปเรียนครึ่งวัน โชคดีที่นี่ครูผู้ช่วยเข้าใจ เด็กร้องในห้องเรียน เค้าก็พาออกมาเดินเล่น เดินสนามสงบใจด้านนอก ให้เด็กผ่อนคลาย วันแรกไป ร้อง 15 นาทีก็หยุด พอติดเรื่องอาจมีเรียนออนไลน์ เลยพาไปเรียนอีกทีเป็นกลุ่มเล็กๆ โชคดีอีกเจอครูที่มีประสบการณ์และจิตวิทยาเด็กดีมากๆ + ลูกอายุถึงวัยที่พร้อมแล้วที่จะห่างแม่ จากเด็กที่เคยกลัวคนแปลกหน้า ห่างแม่ไม่ได้ ลูกไปเรียนทุกวัน ครูชมให้ฟังว่าตั้งใจเรียนดีมาก ไม่เคยร้องไห้สักครั้ง แฮปปี้กลับมาทุกวัน
6. วันนี้เราเข้าใจแล้วว่า เอาลูกเข้าเรียนในวัยที่พร้อม มันดียังไง ตอน 2 ขวบ บอกไปเถอะว่าเดี๋ยวมารับ ไปแค่ 15 นาที หรือว่าแม่ต้องไปทำงาน เด็กก็ไม่เข้าใจ นึกภาพไม่ออกว่า 15 นาที คือแป๊บเดียว ไม่เข้าใจ concept / 3 ขวบ รู้แล้วว่า คำว่าทำงาน คือเข้าออฟฟิศ นั่งพิมพ์งานกับคอมพิวเตอร์ รู้ว่าพ่อต้องพิมพ์อีเมลล์ รู้ว่าเสร็จงานแล้วมารับ รู้ว่าทำงานเพื่อหาเงิน เค้านึกภาพทั้งหมดได้มากกว่าตอนเล็ก
7. Transition สำคัญมาก แทนที่จะปล่อยลูกไปทรมานในที่ๆเค้าไม่ชอบ ไม่คุ้น เริ่มจาก 2 ชม ก่อน ค่อยๆขยายไปครึ่งวัน แล้วค่อยๆไปอยู่เต็มวัย ทุกร.ร.ที่เราติดต่อ เราขอก่อนเลยว่าจะขอไปรับครึ่งวันนะช่วงแรกๆ ถ้าน้องปรับตัวได้แฮปปี้ดี ให้อยู่เต็มวัน ปัจจุบัน 3.8 ปี ก็ยังไปแค่ครึ่งวันอยู่ ตอนนี้แฮปปี้มากๆแล้วกำลังจะขยายให้อยูเต็มวัน (เด็กวัยอนุบาลไม่ควรไปอยู่ร.ร.เกิน 5 ช.ม.)
แนะนำให้แม่เอาน้องออกมา หาพี่เลี้ยงใหม่ที่พาน้องทำกิจกรรมระหว่างวันได้ วัย 2 ขวบ ไม่ควรให้เข้าโรงเรียนค่ะ เชื่อมั๊ยว่าเด็กฝังใจ เรายังจำภาพที่พ่อเดินจากกลับบ้านไปตอนอยู่อนุบาล เราเสียใจนึกว่าพ่อทิ้ง เราจำได้ว่าเราอยู่ อ.1 ถามหาพี่ชายซึ่งอยู่ อ.2 ทั้งวัน ทุกวัน ขอให้เห็นหน้าพี่ ไม่มีพ่อ แม่ ที่ร.ร. เราก็รู้สึกอุ่นใจ บางครั้งผู้ใหญ่คิดถึงเด็กในมุมผู้ใหญ่ จนลืมเข้าไปนั่งในใจเด็ก ลืมไปว่าความรู้สึกเด็กก็มีค่า บางเรื่องเค้าอาจฝังใจไปจนโต ตอนนี้เค้ามี Trust Issue เค้าไม่ไว้ใจคุณ เพราะคุณไปทิ้งเค้าที่ร.ร. เค้าจึงติดคุณแจตลอด เอาลูกออกมา ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆเพื่อให้แม่ได้เรียกความไว้ใจ ความเชื่อใจในตัวแม่กลับคืนมา ว่าแม่อยู่ตรงนี้ไม่ได้ทิ้งหนูไปไหน ส่วนตัวเห็นผลดีขึ้น ตามหลักพัฒนาการเลย คือ หลัง 3 ขวบค่ะ
แชร์ประสบการณ์นะคะ เราเอาลูกเข้าเนอสตอน 1.9 ปี เราต้องการให้เค้าไปทำกิจกรรม แต่สิ่งที่เราทำแลกกับผลกระทบทางใจลูกระยะยาว (ทุกวันนี้ยังโทษตัวเองอยู่) ไปแค่ 2 วันแรก อาการก็เป็นแบบลูกคุณแม่เลยค่ะ คือ ร้องไห้จ๊าก มีอาการเหวี่ยงวีน งอแงหนักตอนอยู่กับคนที่บ้าน แต่หนักกว่าตรงที่ละเมอตอนดึก สะดุ้งตอนกลางคืน กินอาหารแล้วอวก แน่นอนครูบอก โอ้ย..เป็นเรื่องปกติค่ะแม่ (มารู้ที่หลังที่ไม่ปกติอ่ะคือครู เพราะครูไม่มีความเข้าใจพัฒนาการเด็กเลย ถึงขั้นร้องจนอ้วก เรียกว่า trauma แล้วค่ะ) ที่สำคัญติดแม่หนักมาก ติดชนิดที่ว่า ขนาดพาไปสวนสนุกที่เดิมที่เคยเห็นของเล่นแล้วรีบวิ่งเข้าไปเล่น กลายเป็นให้แม่อุ้มตลอด ระหว่างเล่นต้องมองตลอดว่าแม่อยู่ด้วยมั๊ย ยัง...แม่ยังไม่รู้ตัวว่าลูกเปลี่ยนไปเพราะการพาไปเนอสตอน ไปห่างแม่ตอนไม่พร้อม เราเอาลูกออกมา ไปสมัครเรียนเสริมพัฒนาการต่ออีก เรียนแค่ 1 ช.ม. เค้าไม่ให้แม่อยู่ด้วย เค้าก็บอกแบบนี้แหละเด็กร้องทุกคน ต้องฝึก แต่เราอยู่ด้วยค่ะ เพราะเราดูแล้วว่าถ้าเราปล่อยลูกไว้ ครูที่นั่นก็จะปล่อยลูกร้อง คือพูดง่ายๆเอาเด็กไม่อยู่ ไม่มีจิตวิทยาในการ calm เด็ก ดูจากที่เค้าปล่อยให้เด็กอื่นร้องเป็นชั่วโมง เราจึงไม่ปล่อยค่ะ แล้วลูกก็มองหาเราตลอดเวลา เช่น ถ้าเราเดินไปห้องน้ำเค้าก็ร้องตาม
เราแอบหนักใจว่าทำไมลูกเราไม่เหมือนเด็กคนอื่น ทำไมติดแม่จัง เราจึงหาข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก ศึกษาเยอะมาก หาอ่านบทความ ฟัง การบรรยายของนักจิตวิทยาเด็กของ ตปท. มากมาย เราจึงได้เข้าใจว่า พฤติกรรมลูกที่ติดแม่เป็นพิเศษ เกิดจาก
1. ลูกเราเป็นเด็ก sensitive / slow to warm up เด็กกลุ่มนี้ฉลาดค่ะ รู้เรื่อง พูดจา คิดเหมือนเด็กโต แต่...แต่เค้าอ่อนไหวทางความรู้สึกง่าย ปรับตัวยากในสภาพแวดล้อมกับคนและที่ๆไม่คุ้น คนไม่รู้จักจะมองว่าเป็นเด็กขี้อาย ขี้แย อ่อนแอ
2. เราเอาลูกเข้าเนอสเร็วไป สภาพจิตใจเค้าไม่พร้อม+ ความ sensitive ทำให้เค้าเสียใจหนักมาก และฝังใจ กลัวการห่างแม่ กลัวถูกแม่ทิ้ง เหมือนที่เราทิ้งเค้าให้อยู่กับใครไม่รู้ (ที่ร.ร ) เดิมทีติดแม่อยู่แล้ว พอเข้าเนอส ติดแม่หนักกว่าเดิม เค้ารู้สึกโดนทิ้ง และกลัวจะโดนทิ้งอีก อย่าลืมว่าเด็กเล็กไม่เข้าใจ concept ของเวลา เค้านึกภาพไม่ออกว่าแม่ไปทำงานแล้วค่อยมารับเป็นยังไง 3 ช.ม ที่แม่ทิ้งให้เค้าอยู่กับคนแปลกหน้า แปลกที่ เค้ารู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน
3. นักจิตวิทยา นักพัฒนาการเด็กทุกคน ไม่มีใครแนะนำให้เอาเด็กเข้าร.ร ก่อน 3 ขวบ หากเป็นนานาชาติ หรือ ตปท เด็กเล็กๆเค้าให้ไปทำกิจกรรมแค่ 2-3 ช.ม. แรกๆให้แม่ไปด้วยให้เด็กคุ้นกับสถานที่คุ้นกับคนดูแล ก่อนจะปล่อยให้อยู่เอง โดยเริ่มจาก 1 ชมก่อน แล้วค่อยขยายเวลสไปเรื่อยๆ นี่คือวิธีที่ข่วย transition เด็กให้ปรับตัวจากการห่างแม่ได้ดีที่สุด
4. หลังจาก ร.ร.เสริมพัฒนาการช่วง 2 ขวบเศษ เราเอาลูกออกมาและไม่เอาเข้าเรียนที่ไหนเลย ยิ่งศึกษาเรื่องเด็ก ยิ่งรู้สึกว่าเราพลาดมากๆ ที่เอาลูกไปเข้าเนอส+ไปซ้ำเติมลูกด้วยการให้เค้าไปเรียนสถาบันเสริมพัฒนาการในขณะที่ลูกไม่พร้อม เพราะหากเด็กเกิดความกังวล เกิดความเครียด ส่งผลต่อสมอง ต่อการรับรู้ของเด็ก เด็กจะเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ ในที่ๆเค้าไม่มีความสุข ในที่ๆเค้ารู้สึกกังวลใจ หรือในขณะที่เค้าร้องไห้หาแม่ เหมือนไปปล่อยให้เค้าทรมานมากกว่า
5. 3 ขวบครึ่ง ลองเอาไปเรียนครึ่งวัน โชคดีที่นี่ครูผู้ช่วยเข้าใจ เด็กร้องในห้องเรียน เค้าก็พาออกมาเดินเล่น เดินสนามสงบใจด้านนอก ให้เด็กผ่อนคลาย วันแรกไป ร้อง 15 นาทีก็หยุด พอติดเรื่องอาจมีเรียนออนไลน์ เลยพาไปเรียนอีกทีเป็นกลุ่มเล็กๆ โชคดีอีกเจอครูที่มีประสบการณ์และจิตวิทยาเด็กดีมากๆ + ลูกอายุถึงวัยที่พร้อมแล้วที่จะห่างแม่ จากเด็กที่เคยกลัวคนแปลกหน้า ห่างแม่ไม่ได้ ลูกไปเรียนทุกวัน ครูชมให้ฟังว่าตั้งใจเรียนดีมาก ไม่เคยร้องไห้สักครั้ง แฮปปี้กลับมาทุกวัน
6. วันนี้เราเข้าใจแล้วว่า เอาลูกเข้าเรียนในวัยที่พร้อม มันดียังไง ตอน 2 ขวบ บอกไปเถอะว่าเดี๋ยวมารับ ไปแค่ 15 นาที หรือว่าแม่ต้องไปทำงาน เด็กก็ไม่เข้าใจ นึกภาพไม่ออกว่า 15 นาที คือแป๊บเดียว ไม่เข้าใจ concept / 3 ขวบ รู้แล้วว่า คำว่าทำงาน คือเข้าออฟฟิศ นั่งพิมพ์งานกับคอมพิวเตอร์ รู้ว่าพ่อต้องพิมพ์อีเมลล์ รู้ว่าเสร็จงานแล้วมารับ รู้ว่าทำงานเพื่อหาเงิน เค้านึกภาพทั้งหมดได้มากกว่าตอนเล็ก
7. Transition สำคัญมาก แทนที่จะปล่อยลูกไปทรมานในที่ๆเค้าไม่ชอบ ไม่คุ้น เริ่มจาก 2 ชม ก่อน ค่อยๆขยายไปครึ่งวัน แล้วค่อยๆไปอยู่เต็มวัย ทุกร.ร.ที่เราติดต่อ เราขอก่อนเลยว่าจะขอไปรับครึ่งวันนะช่วงแรกๆ ถ้าน้องปรับตัวได้แฮปปี้ดี ให้อยู่เต็มวัน ปัจจุบัน 3.8 ปี ก็ยังไปแค่ครึ่งวันอยู่ ตอนนี้แฮปปี้มากๆแล้วกำลังจะขยายให้อยูเต็มวัน (เด็กวัยอนุบาลไม่ควรไปอยู่ร.ร.เกิน 5 ช.ม.)
แนะนำให้แม่เอาน้องออกมา หาพี่เลี้ยงใหม่ที่พาน้องทำกิจกรรมระหว่างวันได้ วัย 2 ขวบ ไม่ควรให้เข้าโรงเรียนค่ะ เชื่อมั๊ยว่าเด็กฝังใจ เรายังจำภาพที่พ่อเดินจากกลับบ้านไปตอนอยู่อนุบาล เราเสียใจนึกว่าพ่อทิ้ง เราจำได้ว่าเราอยู่ อ.1 ถามหาพี่ชายซึ่งอยู่ อ.2 ทั้งวัน ทุกวัน ขอให้เห็นหน้าพี่ ไม่มีพ่อ แม่ ที่ร.ร. เราก็รู้สึกอุ่นใจ บางครั้งผู้ใหญ่คิดถึงเด็กในมุมผู้ใหญ่ จนลืมเข้าไปนั่งในใจเด็ก ลืมไปว่าความรู้สึกเด็กก็มีค่า บางเรื่องเค้าอาจฝังใจไปจนโต ตอนนี้เค้ามี Trust Issue เค้าไม่ไว้ใจคุณ เพราะคุณไปทิ้งเค้าที่ร.ร. เค้าจึงติดคุณแจตลอด เอาลูกออกมา ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆเพื่อให้แม่ได้เรียกความไว้ใจ ความเชื่อใจในตัวแม่กลับคืนมา ว่าแม่อยู่ตรงนี้ไม่ได้ทิ้งหนูไปไหน ส่วนตัวเห็นผลดีขึ้น ตามหลักพัฒนาการเลย คือ หลัง 3 ขวบค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ลูกเปลี่ยนไปตั้งแต่ไปเข้าเรียนเตรียมอนุบาล
มีสิ่งที่น้องเปลี่ยนไปคือก่อนที่จะไปเรียนจะเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดูมากเชื่อฟังบอกสอนง่ายมาก แต่พอไปเรียนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจสุดสุด อารมณ์แปรปรวนกลายเป็นติดแม่มาก แม่แทบจะขยับตัวทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ร้องไห้ก่อนนอนทุกคืนแบบไม่มีเหตุผล ไม่ยอมอาบน้ำเพราะจะคิดว่าจะต้องไปโรงเรียน ทำอะไรให้ก็ไม่ถูกใจทุกอย่าง
แม่เหนื่อยมากค่ะ และก็แอบสงสารลูกคิดว่าเราคิดถูกไหมที่พาเขาเข้าร.ร.เร็วไป หรือมันเป็นแค่ช่วงวัยทองสองขวบ ปรึกษาครูครูบอกเป็นเรื่องปกติให้แม่อดทนสักพักเขาจะปรับตัวได้ บางคนใช้เวลานานกว่านี้
แม่ๆท่านไหนให้ลูกเข้าโรงเรียนเร็วแบบนี้ไหมคะ ใช้เวลาปรับตัวนานไหม หรือควรเปลี่ยนใจหาพี่เลี้ยงแทนดี คะ