สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
อะไรคือ สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม “แก่” แล้ว
ในด้านความคิด เริ่มเห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้มีแพสชั่นกับอะไรเป็นพิเศษ เริ่มรู้ถึงสันดาu ของคนรอบตัว มีเพื่อนน้อยลง ทุกๆสิ่งอย่างตกผลึกออกมาเหลือแต่สิ่งที่เป็นของจริงเท่านั้น และรู้ว่าใครควรอยู่หรือใครไม่ควรอยู่ ในชีวิต
ในด้านกายภาพ ความว่องไวลดลง สกิลบางอย่างลดลง บางทีอาจจะไม่ได้แก่แต่เด็กรุ่นใหม่พัฒนาได้เร็วกว่า แต่แน่นอนว่าบางอย่างก็สู้ไม่ได้จริงๆในแง่ของพละกำลัง
ในด้านความคิด เริ่มเห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้มีแพสชั่นกับอะไรเป็นพิเศษ เริ่มรู้ถึงสันดาu ของคนรอบตัว มีเพื่อนน้อยลง ทุกๆสิ่งอย่างตกผลึกออกมาเหลือแต่สิ่งที่เป็นของจริงเท่านั้น และรู้ว่าใครควรอยู่หรือใครไม่ควรอยู่ ในชีวิต
ในด้านกายภาพ ความว่องไวลดลง สกิลบางอย่างลดลง บางทีอาจจะไม่ได้แก่แต่เด็กรุ่นใหม่พัฒนาได้เร็วกว่า แต่แน่นอนว่าบางอย่างก็สู้ไม่ได้จริงๆในแง่ของพละกำลัง
ความคิดเห็นที่ 153
จากโพลทั้งหมด
ธาราสินธุ์ขอสรุปว่า เพื่อนสมาชิกที่มีปัญหาและสิ่งที่เหมือนกันคือ
1. สายตายาว ต้องใช้แว่น หรือบางคนก็สั้นปนยาว ต้องถอด ๆ ใส่ ๆ แว่นสลับกันเวลาขับรถกับอ่านหนังสือ (อิชั้นก็เป็นค่ะ)
2. เหนื่อยง่าย
3. เริ่มมีริ้วรอย
4. ตื่นเช้าเองโดยไม่มีสาเหตุ
5. อ้วนขึ้นง่ายมาก
6. ลุกก็โอย นั่งก็โอย
ข้อนี้ ตรงใจเอาไปเต็ม 10
7. ปวดหลัง เข่ากร๊อบแกร๊บ อันนี้ หมอเค้าเขียนในใบรับรองแพทย์ให้อิชั้นว่า popping knees ค่ะ นึกถึงข้าวโพดคั่วดังเป๊าะแป๊ะ แบบนั้นเลย
หรือ บางครั้งหมอใช้คำว่า snapping tendon คือ อาการกร๊อบแกร๊บของข้อกระดูกอ่ะค่ะ
8. ความจำสั้น ลืมชื่อคน ลืมว่าจะพูดว่าอะไร ลืมอะไรต่อมิอะไรง่ายไปหมด
9. เรื่องบนเตียงก็อาจจะสั้นลง หรือลดลง
วัยที่เริ่มมีอายุมากขึ้น เวลาที่ได้ยินเสียงโอย โอย มาจากห้องนอน ก็ไม่ต้องคิดมากค่ะ
น่าจะเกิดจากตื่นนอนผิดท่าทาง หรือขยับแข้งขาแล้วมันเมื่อยจัด ๆ หรือปวดหลัง ปวดเข่าจนต้องอุทานออกมา
10. แต่ข้อดีก็มีเยอะนะคะ
คือ เราหันมาเอ็นจอยความสุขที่เรียบง่ายขึ้น ชีวิตที่มัน real ขึ้น เช่น ดูทีวี กินข้าวที่บ้าน นั่งเล่นนอนเล่นโง่ ๆ ที่บ้าน (แบบไม่ต้องทำอะไรมากมาย) ฟังน้อง ฟังลูกคุยหรือเล่าอะไรให้เราฟัง ทำสวน ฟังภรรยาบ่นบ้าง ไม่ต้องสนใจห่วงหล่อ ห่วงเท่ หรือห่วงแบรนด์เนมอะไรให้มากนัก
ดิฉันมีเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมหาลัย มานั่ง reflect ถึงความมีอายุ
เธอเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ ชอบใช้แต่ถุงผ้า พกแต่ถุงผ้า เพราะเบาดี จุของได้มาก และพยายามไม่ใช้ถุงพลาสติก
ดิฉันได้แต่นึกขำ ย้อนความหลังให้เพื่อนฟังว่า
"สมัยก่อนเรียนมหาลัย ต้องถือ Celine นะ ส้น 2.5 นิ้วถือว่าต่ำสุด 4 นิ้วเรื่องปกติ"
เพื่อนก็ขำว่า ยิ่งอายุมาก ยิ่งปล่อยวาง เอาความสบาย เอาสุขภาพ เอาความ practical ไว้ก่อน
ข้อดีของอายุที่มากขึ้นมีมากมาย
คุณผ่านประสบการณ์มามากขึ้น
เห็นแล้วว่ากฎแห่งกรรมมีจริง
เห็นความขึ้นลงของมนุษย์หลายจำพวก และอาจนึกขอบคุณตัวเองหรือคนรอบข้างด้วยที่บางทีช่วยดึงคุณไม่ให้ตกลงไปอยู่ในกลุ่มมนุษย์ที่คุณจะไม่ชอบเห็นตัวเองเป็นแบบนั้น
คุณพบว่า เงินสำคัญมาก มาก มาก มากพอให้คุณต้องระมัดระวังและวางแผนกับการ หา ใช้ เก็บอยู่พอสมควร
แต่มันไม่ได้สำคัญที่สุด ไม่ได้สำคัญไปกว่ามิตรภาพที่ดี ความจริงใจ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณกับเพื่อน หรือคนในครอบครัว
คุณปล่อยวางได้มากขึ้น ช่างmang ได้มากขึ้น โนสน โนแคร์ กับเรื่องไร้สาระได้มากขึ้น
เพื่อนอาจน้อยลง แต่ในจำนวนที่น้อยนั้น คุณภาพของเพื่อนหรือคนแวดล้อมกลับสูงขึ้นมาก
บางคนอาจพบว่า ตัวเองสะดวกใจที่จะใช้เวลากับตัวเองมากขึ้นด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีมิตรสหายที่รู้ใจหรือถูกใจ
ในอายุที่มากขึ้น บางทีคุณจะพบว่า สิ่งที่คุณทำมาตลอดชีวิตนั้น บางครั้งให้ผลเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจและปลื้มใจอย่างเหลือประมาณ
คุณน้าที่นับถือของดิฉันคนหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า
แม้ว่าสามีท่าน (ที่เคยมีตำแหน่งยิ่งใหญ่พอสมควรในวงการสีกากี) จะสิ้นไปแล้วเป็นสิบปี
ครบรอบวันจากไป ลูกน้องท่านยังรวมตัวกันทำบุญให้ทุกปี
และแม้ลูกน้องบางคนจะไปได้ไกลถึงขั้นเป็นเบอร์รอง ๆ ของสำนักงานที่ยิ่งใหญ่แห่งนั้น
ก็ยังแวะมาสวัสดีและเอ่ยปากว่า หากมีอะไรที่พอจะช่วยได้ขอให้แจ้ง
มันน่าชื่นใจนะคะ ในวันที่คุณหรือคู่ของคุณหมดจากยศศักดิ์อำนาจแล้ว ให้คุณให้โทษใครไม่ได้อีกต่อไป
ลูกน้องเก่าที่ไปได้ดีมาก ยังกลับมาแสดงความคาราวะด้วยมิตรจิตมิตรใจอันดีงาม
ดิฉันก็ได้แต่หวังว่า จะสามารถประคองตัวไปจนในอายุที่แก่หงำกว่านี้อีกหลายปี
ก็ยังคงได้รับมิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนในทุกรุ่นที่ได้เคยรู้จัก
ปิดท้ายด้วย quote ของเพื่อนลูกสาวค่ะ
ลูกลิงของดิฉันเคยคุยกับเพื่อน
เธอถามเพื่อนว่า อีกหน่อยโตขึ้น นึกอยากเห็นตัวเองเป็นยังไง
เพื่อนบอกว่า
"อยากให้ตัวเอง ไม่กลายเป็นผู้ใหญ่ประเภทที่ตัวเองในวัยนี้เคยไม่ชอบ"
#ใครว่าเด็ก ๆ ไม่ลึกซึ้งคะ
ธาราสินธุ์ขอสรุปว่า เพื่อนสมาชิกที่มีปัญหาและสิ่งที่เหมือนกันคือ
1. สายตายาว ต้องใช้แว่น หรือบางคนก็สั้นปนยาว ต้องถอด ๆ ใส่ ๆ แว่นสลับกันเวลาขับรถกับอ่านหนังสือ (อิชั้นก็เป็นค่ะ)
2. เหนื่อยง่าย
3. เริ่มมีริ้วรอย
4. ตื่นเช้าเองโดยไม่มีสาเหตุ
5. อ้วนขึ้นง่ายมาก
6. ลุกก็โอย นั่งก็โอย
ข้อนี้ ตรงใจเอาไปเต็ม 10
7. ปวดหลัง เข่ากร๊อบแกร๊บ อันนี้ หมอเค้าเขียนในใบรับรองแพทย์ให้อิชั้นว่า popping knees ค่ะ นึกถึงข้าวโพดคั่วดังเป๊าะแป๊ะ แบบนั้นเลย
หรือ บางครั้งหมอใช้คำว่า snapping tendon คือ อาการกร๊อบแกร๊บของข้อกระดูกอ่ะค่ะ
8. ความจำสั้น ลืมชื่อคน ลืมว่าจะพูดว่าอะไร ลืมอะไรต่อมิอะไรง่ายไปหมด
9. เรื่องบนเตียงก็อาจจะสั้นลง หรือลดลง
วัยที่เริ่มมีอายุมากขึ้น เวลาที่ได้ยินเสียงโอย โอย มาจากห้องนอน ก็ไม่ต้องคิดมากค่ะ
น่าจะเกิดจากตื่นนอนผิดท่าทาง หรือขยับแข้งขาแล้วมันเมื่อยจัด ๆ หรือปวดหลัง ปวดเข่าจนต้องอุทานออกมา
10. แต่ข้อดีก็มีเยอะนะคะ
คือ เราหันมาเอ็นจอยความสุขที่เรียบง่ายขึ้น ชีวิตที่มัน real ขึ้น เช่น ดูทีวี กินข้าวที่บ้าน นั่งเล่นนอนเล่นโง่ ๆ ที่บ้าน (แบบไม่ต้องทำอะไรมากมาย) ฟังน้อง ฟังลูกคุยหรือเล่าอะไรให้เราฟัง ทำสวน ฟังภรรยาบ่นบ้าง ไม่ต้องสนใจห่วงหล่อ ห่วงเท่ หรือห่วงแบรนด์เนมอะไรให้มากนัก
ดิฉันมีเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมหาลัย มานั่ง reflect ถึงความมีอายุ
เธอเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ ชอบใช้แต่ถุงผ้า พกแต่ถุงผ้า เพราะเบาดี จุของได้มาก และพยายามไม่ใช้ถุงพลาสติก
ดิฉันได้แต่นึกขำ ย้อนความหลังให้เพื่อนฟังว่า
"สมัยก่อนเรียนมหาลัย ต้องถือ Celine นะ ส้น 2.5 นิ้วถือว่าต่ำสุด 4 นิ้วเรื่องปกติ"
เพื่อนก็ขำว่า ยิ่งอายุมาก ยิ่งปล่อยวาง เอาความสบาย เอาสุขภาพ เอาความ practical ไว้ก่อน
ข้อดีของอายุที่มากขึ้นมีมากมาย
คุณผ่านประสบการณ์มามากขึ้น
เห็นแล้วว่ากฎแห่งกรรมมีจริง
เห็นความขึ้นลงของมนุษย์หลายจำพวก และอาจนึกขอบคุณตัวเองหรือคนรอบข้างด้วยที่บางทีช่วยดึงคุณไม่ให้ตกลงไปอยู่ในกลุ่มมนุษย์ที่คุณจะไม่ชอบเห็นตัวเองเป็นแบบนั้น
คุณพบว่า เงินสำคัญมาก มาก มาก มากพอให้คุณต้องระมัดระวังและวางแผนกับการ หา ใช้ เก็บอยู่พอสมควร
แต่มันไม่ได้สำคัญที่สุด ไม่ได้สำคัญไปกว่ามิตรภาพที่ดี ความจริงใจ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณกับเพื่อน หรือคนในครอบครัว
คุณปล่อยวางได้มากขึ้น ช่างmang ได้มากขึ้น โนสน โนแคร์ กับเรื่องไร้สาระได้มากขึ้น
เพื่อนอาจน้อยลง แต่ในจำนวนที่น้อยนั้น คุณภาพของเพื่อนหรือคนแวดล้อมกลับสูงขึ้นมาก
บางคนอาจพบว่า ตัวเองสะดวกใจที่จะใช้เวลากับตัวเองมากขึ้นด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีมิตรสหายที่รู้ใจหรือถูกใจ
ในอายุที่มากขึ้น บางทีคุณจะพบว่า สิ่งที่คุณทำมาตลอดชีวิตนั้น บางครั้งให้ผลเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจและปลื้มใจอย่างเหลือประมาณ
คุณน้าที่นับถือของดิฉันคนหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า
แม้ว่าสามีท่าน (ที่เคยมีตำแหน่งยิ่งใหญ่พอสมควรในวงการสีกากี) จะสิ้นไปแล้วเป็นสิบปี
ครบรอบวันจากไป ลูกน้องท่านยังรวมตัวกันทำบุญให้ทุกปี
และแม้ลูกน้องบางคนจะไปได้ไกลถึงขั้นเป็นเบอร์รอง ๆ ของสำนักงานที่ยิ่งใหญ่แห่งนั้น
ก็ยังแวะมาสวัสดีและเอ่ยปากว่า หากมีอะไรที่พอจะช่วยได้ขอให้แจ้ง
มันน่าชื่นใจนะคะ ในวันที่คุณหรือคู่ของคุณหมดจากยศศักดิ์อำนาจแล้ว ให้คุณให้โทษใครไม่ได้อีกต่อไป
ลูกน้องเก่าที่ไปได้ดีมาก ยังกลับมาแสดงความคาราวะด้วยมิตรจิตมิตรใจอันดีงาม
ดิฉันก็ได้แต่หวังว่า จะสามารถประคองตัวไปจนในอายุที่แก่หงำกว่านี้อีกหลายปี
ก็ยังคงได้รับมิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนในทุกรุ่นที่ได้เคยรู้จัก
ปิดท้ายด้วย quote ของเพื่อนลูกสาวค่ะ
ลูกลิงของดิฉันเคยคุยกับเพื่อน
เธอถามเพื่อนว่า อีกหน่อยโตขึ้น นึกอยากเห็นตัวเองเป็นยังไง
เพื่อนบอกว่า
"อยากให้ตัวเอง ไม่กลายเป็นผู้ใหญ่ประเภทที่ตัวเองในวัยนี้เคยไม่ชอบ"
#ใครว่าเด็ก ๆ ไม่ลึกซึ้งคะ
แสดงความคิดเห็น
อะไรคือ สัญญาณที่บอกว่าคุณเริ่ม “แก่” แล้ว ?
เราไม่เคยคิดว่าตัวเองแก่ อยู่กับเพื่อนเก่าก็สนุกสนานบ้าบอ เหมือนตอนเด็ก ๆ กินไอศกรีมแบบเดินไปกินไป กระดกดื่มจากขวด
แต่บางที มันก็มีอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างเหมือนกันที่พร้อมใจกันชี้บ่งว่า สงสัยเราจะเริ่มสูงอายุแล้วจริง ๆ แหละ
สำหรับเรา มีดังนี้
1.ไปโรงพยาบาล เจอคุณหมอ ยกมือไหว้เราก่อน เกิน 3 คนขึ้นไป
ครั้งแรก ๆ นี่ culture shock มาก ชีวิตนี้ มีแต่ต้องยกมือไหว้หมอก่อน หมอจะมีแต่รุ่นป้า รุ่นอา รุ่นพี่ สี่ห้าปีหลังมานี่ เห็นหน้าหมอแล้วรู้สึกว่า น่าจะแก่กว่าลูกเราไม่กี่ปี หรือหลานอา หลานน้าเราบางคนยังน่าจะแก่กว่าหมออีก
ล่าสุด เจอหมอท่านหนึ่ง ผมสีดอกเลา ท่าทางน่านับถือ พูดคุยดีมาก อธิบายถึงอาการที่ดิฉันเป็น มาสะดุดหูกับคำพูดหมอที่ว่า “อาการแบบนี้เป็นปกติ ของวัยอย่างพวกเรา”
เฮ้ยยยยยย... ดิฉันอยู่กลุ่มอายุเดียวกับคุณหมอหรือคะ ?
มานั่งนึก ... คงใช่มั้ง หมอมีประวัติเราหนิ คงอ่านจากประวัติแล้วให้คำปรึกษาแหละ
2.ไปวัด เจอเด็กน้อยเรียกเราว่าป้าอย่างเต็มเสียงและจริงใจ “ป้าครับ ปักธูปที่นี่ได้ไหมครับ” สาบานว่าครั้งแรกที่ได้ยิน มองไปรอบ ๆ คิดว่า เด็กน้อยหลงทางกับลุงป้าที่มาด้วยกัน กำลังจะช่วยเด็กหาว่าลุงป้าอยู่ไหน จนมาเห็น eye contact ที่เด็กจ้องตาเราอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ ถึงยืนยันได้ว่าเด็กคุยกับเรา งงไป 3 วิ ก่อนจะตอบออกไปเบา ๆ ว่า “ได้ครับ”
3.เปิดไลน์ เปิดเฟส เจอคลิปยอดนิยมที่แชร์กันให้ว่อนถึงวิธีใช้ คะ และ ค่ะ ให้ถูกต้อง
เห็นทีแรกนึกว่าล้อเล่นรึเปล่า ? เรื่องพรรค์นี้มันเบสิคจะตาย ต้องสอนกันด้วยหรือ ?
4.งง ๆ กับไวยากรณ์และศัพท์ใหม่ ๆของเด็ก ๆเวลาใช้ก็อาจจะใช้ผิด ๆ ถูก ๆ
เช่น อรุ่มเจ๊าะ หน้าตาอรุ่มเจ๊าะ นี่มันประมาณไหน ใช้แล้วงง ๆ
เบียว ลูกเคยใช้คำนี้กับเรา พอเราใช้กลับบ้าง
ลูกบอกว่าผิดบริบท แหม... พอจับผิดแม่ล่ะก็พูดภาษาทางการได้เชียวนะ “ผิดบริบท “
คับจ่า เอาไว้ใช้ตอบรับเวลาเราบ่น ๆ ๆ หรือสั่งอะไรเป็นชุด
ทำไมต้องคับจ่า ?
ศัพท์ที่ฮิตสมัยเรา เด็กสมัยนี้ก็ไม่เข้าใจแล้ว
เช่น ถ้าพูดว่า จ๊าบ รับรองเด็กเดี๋ยวนี้มีงงในงง
หรืออาจจะมีศัพท์อีกกลุ่มที่เคยเป็นแสลงแต่อยู่มานานจนกลายเป็นความคลาสิค ความหมายแสลงนั้น มันเป็นที่รับรู้กันในวงกว้างแล้ว
เช่น คำว่า เก๋ นัยว่าคำนี้ มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
หรือคำว่าเชย มาจากตัวละครลุงเชยใน ป.อินทรปาลิต ที่มีบุคลิกเปิ่น ๆ หรือไม่เข้าสมัย
แต่คนอายุน้อยคงไม่รู้ที่มา
ไวยากรณ์ที่เราเคยถูกสอนตอนเด็ก ๆ ตอนนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว
เราถูกสอนมาว่า “มัน” ใช้กับสัตว์และสิ่งของ
แต่ปัจจุบัน ผู้คนเรียกภรรยา เรียกสามี เรียกเพื่อนว่า “มัน” เรียกแมว เรียกหมาว่า “น้อง”
เรียกตะไคร้ ใบมะกรูด โซฟา เสื้อผ้า กระเป๋า สิ่งไม่มีชีวิตว่า “เค้า” อยากให้น่าเอ็นดู ต้องมีคำว่า “น้อง”ขึ้นหน้าด้วย
เช่น “ค่อย ๆ ฉีกใบมะกรูดออกนะคะ สังเกตนะคะว่าเค้ามีกลิ่นหอม ๆ โชยขึ้นมาตอนเราฉีก”
ถ้าอยากจะได้อะไร แบบเป็นของมีมูลค่าสูงนิดนึงต้องพูดว่า “ถอย”
“เดี๋ยวโบนัสออก ว่าจะไปถอยกุชชี่มาสักใบ”
5.ภาษาพูด สรรพนามก็เปลี่ยนไปหมด
สมัยเราเด็ก ๆ ถ้าเด็กผู้หญิงพูด กรู มุง แม้จะหลุดออกมาบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้พูดเป็นอาจิณ ก็จะถูกมองแรงมากกกกกกก
เราก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกมองแรง
แต่สมัยนี้เป็นเรื่องปกติ
เวลาอยู่ต่อหน้าอาจารย์หรือผู้ใหญ่ ถ้ามีเพื่อนอยู่ด้วยแล้วคุยกัน แม้เราจะพูดกับเพื่อนว่า “ชั้น” กับ “แก” แต่ถ้ามีอาจารย์อยู่ด้วย ห้ามเรียกเพื่อนว่า “แก” ต่อหน้าอาจารย์ เดี๋ยวจะไม่สุภาพ
แต่เดี๋ยวนี้ ไม่เป็นไร คุยกับอาจารย์ หันมาคุย “กรู” “มุง” กับเพื่อนในวงคุยเดียวกันได้ อาจารย์จะได้ยินคำว่า กรู กรู มุง มุง ก็ไม่เป็นไร
เล่าอะไรขำ ๆ ให้ฟัง
เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของเราคนหนึ่ง ที่เป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี ตอนนี้ เธอน่าจะตำแหน่งประมาณ VP อยู่แบงค์เก่าแก่ย่านสีลม เคยถูกเราถามว่า “ทำไมเลิกกับสามี”
เธอก็ร่ายเหตุผลมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยเหตุผลที่น่าจะทำให้เธอชิงชังที่สุด (ดูจากสีหน้านะ) และบอกเราว่า
“บางที พี่*** (สามี) ก็เรียก ***(ชื่อเล่นเพื่อนเรา) ว่า “แก” ด้วย”
เลิกเลยสิคะ รอไร ?
ถ้าเอาเหตุผลนี้มาเล่าให้คนรุ่นนี้ฟัง เค้าคงคิดว่ามันไม่เป็นสาระเนอะ แต่สำหรับคนรุ่นเรา เรื่องนี้บางทีก็สำคัญมากนะ เราถือว่าสำหรับคนสำคัญของเรา มธุรสวาจา เป็นสิ่งที่ควรจะคงไว้ ... เราอาจจะหยาบคายได้กับคนทั้งโลก ... แต่แน่นอนว่า ต้องไม่ใช่กับคนใกล้ตัว
6.การอ่านหนังสือแบบดันมือที่ถือหนังสือออกไประยะสุดปลายแขนกลายเป็นเรื่องปกติ แว่นตา เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ และการคาดแว่นไว้บนหัวแล้วเที่ยวหาว่าแว่นอยู่ไหน กลายเป็นเรื่องชวนขันที่ทุกคนชาชินจนไม่มีใครขำอีกต่อไป
7.งง ๆ กับคำถามในห้องบางรัก ประเภท
จับได้ว่าเค้านอกใจมาหลายครั้งแล้ว จะเลิกหรือไม่เลิกดีคะ ?
ทำไงถึงจะเลิกตอแยแฟนเก่าได้ นี่ยังทำแอคหลุมตามไปฟอลเค้าอยู่เลย
คือ คำถามพวกนี้ ถ้าให้มาตอบตอนนี้ คำตอบคงจะ practical แบบตรงทิ่มหน้า และไม่อบอุ่น ปลอบประโลมแน่ ๆ เลย
เพราะตอนนี้ กลับรู้สึกว่า สิ่งสำคัญในชีวิตตอนนี้ คือ
1.เวลา --- เป็นทรัพยากรที่มีค่ามาก มีหนังอีกเป็นร้อยเรื่อง หนังสืออีกหลายร้อยเล่มที่ต้องดูต้องอ่าน มีคนอีกสิบที่ควรต้องโทร.หา เขียนจดหมายหา ติดต่อ หรือส่งความปรารถนาดีให้
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปเสียเวลาไปติดตามแฟนเก่าที่เลิกกันไปอยู่ตลอดเวลา
หรือ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทนทุกข์กับคนที่ไม่จริงใจกับเรา
2.สุขภาพจิตและสุขภาพกาย --- เรื่องที่เราสยองแทนน้อง ๆ หลาน ๆ ที่ยังอยากให้โอกาสแฟนหรือสามีที่นอกใจไปมีอะไรกับคนอื่นหลายครั้ง ไม่ใช่แค่เรื่องทางใจอย่างเดียวหรอก แต่เราคิดเตลิดไปถึง หูด มะเร็งปากมดลูก เอดส์ หรือบรรดา STD ทั้งหลายแหล่ที่จะกรูเข้ามาต่างหาก ถ้าต้องอยู่กะไอ่คนพรรค์นี้ต่อไปน่ะ
ส่วนเรื่องความซู่ซ่าซาบซ่านต่าง ๆ นั่น ในวัยขนาดนี้เราไม่คอมเมนท์ละ
แค่บอกได้สั้น ๆ ว่า เวลาเจออะไรที่ต้องตัดสินใจว่าควรทำหรือไม่ควรทำ คนรุ่นก่อน ๆ เคยสอนมาว่า
“ถ้าทำไปแล้ว จะกล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้ไหม ?” ถ้าเล่าได้ แบบไม่ขวยเขินอะไรเลย แปลว่า โอเค
“ถ้าทำไปแล้ว มองย้อนกลับมา จะรู้สึกภูมิใจ เฉย ๆ หรือ ละอายแก่ใจ” ตอบคำถามพวกนี้กับตัวเองให้ได้ แล้วจะทำอะไรก็ทำไป
ที่บ่นมาได้ยืดยาวขนาดนี้
ถ้าอายุไม่มากสักหน่อย เห็นทีจะทำไม่ได้จริง ๆ
คนอื่น ๆ ล่ะคะ ?
อะไรเป็นสัญญาณที่ทำให้คุณรู้สึกว่า คุณเริ่มแก่แล้ว ?