ตามหัวข้อเลยค่ะ เราอยากมาปรึกษาเรื่องเรียนต่อดีไหม แต่ก่อนหน้านั้นเราอยากให้ทุกคนอ่านเรื่องราวของเราก่อนเข้าหัวข้อหน่อยนะคะ เราตั้งกระทู้นี้เพื่อถามก็จริงแต่เราคิดว่าที่เขียนๆมามันเหมือนระบายมากกว่า ยังไงก็ขอบคุณล่วงหน้านะคะ🙏
คือตั้งแต่เด็กเราถูกตั้งความหวังเอาไว้ตลอด ฐานะทางบ้านเราปานกลางแต่มีหนี้สินเยอะมากประมาณ3ล้านได้ค่ะ ใช้หนี้ไปจำนวนนึงก็กู้มาใช้อีกวนๆไปแล้วหนี้ก็ค่อยๆทบเพิ่มขึ้น หนี้ที่เพิ่มขึ้นก็ค่าเรียนหนังสือให้เรากับพี่ชายค่ะ เราได้เรียนรร.ดีๆตั้งแต่ป.4เป็นโรงเรียนเอกชนค่าเทอม2หมื่น พอขึ้นม.1เปลี่ยนรร.ค่าเทอมก็หมื่นแปด พี่ชายเรายิ่งใหญ่เลย แถมยังมีค่าเรียนพิเศษให้เราอีก
ถึงพวกเขาจะบอกว่าไม่ได้คาดหวังแต่เราก็รู้ว่าเขาคาดหวังให้เรามีอนาคตที่ดีค่ะ ตอนนี้เราอยู่ม.2แล้วแต่เราไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เรียนออนไลน์ก็เหมือนไม่ได้เรียน ถ้าเรียนแบบออนไซด์ปกติเราก็คงไม่ว่างเปล่าขนาดนี้หรอกค่ะ ถึงจะขี้เกียจทำการบ้านบ้างแต่ก็ยังต้องทำเพราะวันต่อมาต้องไปเจอหน้าครูโหดๆทวงงาน แต่พอมาเรียนออนไลน์แล้วหน้าใครก็ไม่ได้เจอเลยค่ะ เรียนก็สบายมากจนโดดบ่อยๆ แล้วสุดท้ายก็เรียนไม่รู้เรื่อง พอเรียนไม่รู้เรื่องก็ไม่เรียนไปเลยค่ะ ไม่เข้าเรียนซักคาบ ติดโทรศัพท์จนไม่ทำงาน คนเตือนสติก็ไม่มีพ่อแม่ก็ไปทำงานใช้เวลาส่วนตัวของเขา ไม่ได้มานั่งจ้องเราเรียน เพื่อนก็ไม่มี ตัวเราเองก็ขาดความกระตือรือร้นมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ใกล้สอบปลายภาคแล้วงานทั้งเทอมยังไม่ได้ทำเลยค่ะ ตอนนี้ถ้าให้เราโดดสอบยังทำได้เลยค่ะ(ทำไปแล้ว) เพราะรู้สึกชีวิตช่วงนี้มันว่างเปล่ามากๆ ไม่อยากทำอะไร แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยเราจะคิดฟุ้งซ่านอารมณ์แปรปรวนมากๆค่ะ ทั้งวันเราเลยเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์อ่านนิยายอ่านการ์ตูน อ่านได้ทั้งวันเป็นเดือนๆถ้าเบื่อก็เปลี่ยนไปเล่นเกม ทั้งชีวิตมีแค่นี้แหละค่ะ
เราพยายามเปลี่ยนตัวเองมาหลายครั้งแล้วแต่มันก็ล้มเหลวค่ะ เราไม่อยากเป็นคนแบบนี้เลย เรามักจะร้องไห้ซ้ำๆถ้าคิดฟุ้งซ่านหรือการที่พ่อแม่เหนื่อยใจกับเราตอนนี้ ทุกๆวันเอาแต่บอกให้เราทำการบ้านทุกครั้งที่เจอหน้าเลยหละค่ะ แต่พอนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมา เหมือนเรื่องพวกนั้นถูกรีเซ็ต ความเศร้าและความตั้งใจเปลี่ยนตัวเองทั้งหมดหายไปเลย แล้วก็กลับมาเล่นโทรศัพท์ทั้งวันเหมือนเดิม ทำทุกๆอย่างเหมือนเดิม เรารู้สึกแย่กับตัวเองตอนนี้มากๆเลยค่ะ ทั้งบ้านก็เหนื่อยกับเรามากๆ จนช่วงนี้เรากลับมาคิดเรื่องฆ่าตัวตายบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้จะตายจริงๆหรอกค่ะ แบบ 'ถ้าเราตายไปทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องมีใครมานั่งเหนื่อยใจ' แต่อีกใจนึงก็คิด 'แต่ถ้าเราตายไปเหมือนเอาเอาความทุ่มเทของพ่อแม่ไปทิ้งเลย เงินตั้งมากมายที่เอามาเลี้ยงเราเสียไปโดยเรายังทำอะไรตอบแทนให้ไม่ได้เลย แล้วก็ถ้าตายไปทั้งทียังหมกตัวอยู่แต่บ้าน กับรร.ที่ทำมาทั้งชีวิตมันก็น่าเสียดาย เสียดายที่ยังไม่ได้ออกไปท่องโลกก็ตายซะแล้ว' แต่การอยู่อย่างว่างเปล่าแบบนี้มันทรมาณมากเลยค่ะ วันๆเอาแต่ท่องโลกในนิยายไปเรื่อยๆเพื่อลืมความเป็นจริง ทำให้เวลาผ่านไปเร็วๆโดยไปอยู่ในโลกจินตนาการ อยากหลุดจากอะไรแบบนี้จังค่ะ ทุกวันมันผ่านไปแบบไร้ประโยชน์ไร้จุดหมาย มันว่างเปล่ามากเลยค่ะ
เราติดโทรศัพท์มาตั้งแต่เด็กค่ะ ดังนั้นการดึงความสนใจจากสิ่งต่างๆมาเพ่งกับโทรศัพท์นั้นทำง่ายมาก ทำได้นานมากๆด้วยและเราช่ำชองมากเพราะแม่ด่าพ่อทุกวันตั้งแต่เราจำความได้ก็ตั้งแต่ป.1-2 เราในตอนเด็กที่ไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้ก็ต้องมารับรู้ พอมีทศ.เลยหันมาสนใจทศ.แทนแต่หูมันก็ยังรับเสียงได้อยู่ดีค่ะฮรือt-t ยิ่งช่วง2ปีมานี้แม่ทะเลาะกับพ่อหนักมากๆเพราะเรื่องเงินกับงานที่หนักเกินไปนี่แหละค่ะ เจอหน้ากันถ้าพ่อทำอะไรไม่ดีนิ้ดดดเดียวก็ตะคอกโวยวายใหญ่แล้วค่ะ พ่อก็เครียดสวยแม่ไปบ้างแต่ก็ไม่ใส่อารมณ์หมดเหมือนแม่หรอกค่ะ และช่วงนั้นจำได้ว่าแม่เอาแต่พูดว่าอยากตายๆๆๆ รู้งี้ไม่เอาคนแบบนี้มาเป็นสามีหรอก ถ้าไม่มีลูกหย่าไปนานแล้ว ทำไมมีแต่ลูกไม่ได้เรื่อง เลี้ยงมากี่คนก็เป็นงี้ อยากตาย ตายๆไปก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งใช้หนี้ไม่หมดไม่สิ้น ดูซิ้ไม่มีกูจะอยู่กันยังไง และสารพัดอีกมากมายก่ายกองจนเราไม่ไหวต้องแมสเสจไปบอกแม่ว่า แม่เอาแต่พูดอยากตายๆอยู่นั่นแหละหนูไม่อยากได้ยินเลย และระบายเรื่องบางเรื่องไปนิดหน่อย เรากับแม่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้พูดกันอยู่แล้ว เพราะเจอหน้ากันก็เอาแต่บอกให้ทำการบ้านถ้านิ่งก็จะถอนหายใจแรงๆใส่แล้วก็บ่นๆ ดังนั้นการไปบอกอะไรแบบนี้กับแม่ตรงๆเลยตัดไปได้เลย
สาเหตุอีกอย่างที่ติดโทรศัพนอกจากเอาไว้เบี่ยงแบนความสนใจเวลาแม่พูดจาแย่ๆ ก็คือเพราะไม่มีอะไรให้ทำค่ะ- คือเราค่อนข้างชอบเรียนรู้สนใจสิ่งต่างๆมาแต่เด็กแล้ว ก็เลยสนใจอะไรได้ง่ายๆ แต่เกือบทุกสิ่งที่สนใจเราก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะบ้านเราไม่ได้มีเงินซื้อสิ่งนั้นๆหรือเรียนสิ่งนั้นๆที่เราต้องการ ดังนั้นการเล่นเน็ตดูสิ่งที่สนใจมันเลยเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ค่ะ เรามักจะเพ้อฝันอยู่ในโลกของโทรศัพท์ไปวันๆตั้งแต่เด็ก แล้วบอกตัวเองให้ตั้งใจเรียนให้จบๆหางานทำจะได้มีเงินทำสิ่งที่ชอบ แต่มันติดที่เราชอบขี้เกียจทำงานแล้วเอาแต่เล่นโทรศัพท์นี่แหละค่ะ~ ตอนเด็กๆก็ไม่เท่าไหร แต่พอเราป.5ก็ได้รู้ว่ารร.ดีที่เราเรียนอยู่เนียปล่อยเกรดขนาดไหน ถึงแทบไม่ส่งงานแต่สอบได้คะแนนดีๆก็ได้เกรด4แล้ว(ซึ่งเราหัวค่อนข้างดีค่ะ เรียนให้ห้องแล้วอ่านทบทวนก่อนสอบก็จำได้แล้ว) ยิ่งทำให้เราโคตรรรขี้เกียจทำงานเลยค่ะ พอขึ้นม.1เปลี่ยนโรงเรียนมาก็เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ปล่อยเกรดแต่ว่าเวลานร.ไม่ส่งงานก็ตามหนักหน่วงมาก ถึงไม่ทำส่งยันวันสุดท้ายก็ให้แค่ติดร. ไม่เคยมีคนซ้ำชั้นหรือเรียนเสริมพิเศษเพราะไม่ส่งงานแบบที่อจ.ขู่ๆไว้เลยค่ะ และนั่นทำให้ยิ่งเรียนออนไลน์เราขี้เกียจโคตรๆๆๆแบบไม่แตะการเรียนเลยค่ะ
แต่ตอนขึ้นม.1มันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนตอนประฐมขนาดนั้นหรอกค่ะ สังคมรร.เก่ากับรร.ใหม่มันต่างกันมากเลยหละค่ะ รร.เก่าเราเป็นรร.คริส ต้องแต่งตัวเรียนร้อยถักเปียทำตามกฏและที่สำคัญสุดๆคือห้ามเอาทศ.มารร.ไม่งั้นปรับค่ะ พอไม่มีโทรศัพท์สิ่งสร้างความสนุกก็มีแต่ของเล่นที่แอบเอามา ไม่ก็เล่นแบต และสุดท้ายคือคุยกันทั้งวันค่ะ! คือทุกชั้นปีนี่เลยขี้คุยกันทุกคนเลย แต่โรงเรียนใหม่ไม่เป็นงั้นค่ะ เปิดเทอมมาก็โดนแบ่งครึ่งห้องทุกคนก็ใส่แมสกันหมดและนั่งเล่นมือถือกันเป็นอาทิตย์ๆเลยหละค่ะ เราเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง และยิ่งสังคมนี้มีมือถือเป็นสื่อกลางยิ่งทำให้เราที่ตอนนั้นมือถือกากมาก ไม่เล่นเฟส ทวิตเตอร์หรือไอจี เกมก็มีแค่เกมเดียว ไม่ได้เป็นติ่งเกาหลี ไม่ได้มีคอนเนคชั่นรู้จักกับคนต่างรร. เลยไม่มีอะไรคุย ปรับตัวได้ยากมากๆค่ะ เพื่อนกลุ่มแรกของเราก็เอิ่ม คนนึงไม่ค่อยพูดต้องชวนคุยก่อน อีกคนเราก็ไม่ชอบหน้าแปลกๆแถมเขาก็ไม่ชอบหน้าเราด้วย แล้วมันก็ยิ่งแย่มากๆที่พอเวลาผ่านไปทุกคนเข้ากันได้แต่เรายังเข้ากับใครไม่ได้เลย นี่คือยังคิดกับตัวเองอยู่ว่าโควิดมันทำให้เราเป็นคนเก็บตัวขึ้นมาก เราที่เขากับเพื่อนๆไม่ได้ก็เหมือนโดนทิ้งไว้ข้างหลัง หายไปก็ไม่มีใครพูดถึง ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็จมดิ่งกับตัวเองมากขึ้น จนเป็นซึมเศร้า โดดเรียนติดกันเกือบอาทิตย์ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโดดเลย เรียนก็ไม่รู้เรื่อง จนจบม.1มาได้เพราะปั่นงานท้ายเทอมล้วนๆ เรื่องสอบนี่ไม่ต้องหวัง
พอขึ้นม.2นี่ยิ่งหนัก หยุดยาวววววๆ จนสภาพเรากลายเป็นแบบปัจจุบันนี่แหละค่ะ
เราอยากเป็นคนที่เข้มแข็งต่อสู้กับเรื่องพวกนี้ให้ได้มากๆเลยค่ะ แต่เราเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอมากค่ะ เรื่องที่ทำให้เราร้องไห้ง่ายมีแค่เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว เรื่องตัวเองแล้วก็เรื่องเพื่อนค่ะ เอาจริงๆแค่ดูการ์ตูนแนวมิตรภาพ แนวครอบครัวซึ้งๆก็ร้องไห้แล้วค่ะ แล้วยิ่งพอเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเราร้องไห้เป็นชั่วโมงเลยค่ะเวลาที่นึกถึงเรื่องพวกนั้น
เอาหละเหมือนพิมพ์นอกชื่อหัวข้อมาเกินครึ่งแล้ว555 กลับมาปัญหาปัจจุบันของเราที่อยากถามทุกคนค่ะ เราควรเรียนต่อหรือพอก่อนดีคะ คือแบบตั้งแต่เด็กก็ถูกปลูกฝังมาว่าให้เรียนดีๆจะได้งานดีๆ ไม่เคยได้ทำอย่างอื่นเลยค่ะ และเราไม่รู้ว่าถ้าเราเลิกเรียนพ่อแม่จะสนับสนุนเราในทางอื่นๆไหม หรือถ้าเราเลิกเรียนไปเราจะมาเสียใจมั้ย แล้วก็ถ้าเราเลิกเรียนพ่อแม่ต้องผิดหวังแน่ๆ แต่ถ้าจะให้เรียนต่อไม่ว่าจะย้ายโรงเรียนสภาพเราตอนนี้ก็ไท่พร้อมเรียนเลยค่ะ คือเราอยากถามความเห็นทุกคนที่อ่านเรื่องราวของเราแล้วคิดว่าเราควรจะเรียนรร.เดิมต่อ ย้ายรร. พักการเรียนหรือไม่เรียนมันไปเลยดีคะ? ส่วนลึกในใจเราอยากเรียนต่อค่ะแต่อะไรหลายๆอย่างมันทำให้เราเรียนไม่ได้ค่ะ เรียนไปก็ไม่เข้าหัว
อ่าา จบแล้วค่า เรารู้สึกเหมือนได้เขียนระบายจนพอโล่งใจระดับนึงแล้ว ใครที่ผ่านเข้ามาก็ขอบคุณที่อ่านเรื่องของเรานะคะ ถึงไม่ตอบคำถามเราก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ผ่านเข้ามานะคะ
เราควรเรียนต่อดีไหมคะ?(ปรึกษาปัญหาชีวิตวัยรุ่น)
คือตั้งแต่เด็กเราถูกตั้งความหวังเอาไว้ตลอด ฐานะทางบ้านเราปานกลางแต่มีหนี้สินเยอะมากประมาณ3ล้านได้ค่ะ ใช้หนี้ไปจำนวนนึงก็กู้มาใช้อีกวนๆไปแล้วหนี้ก็ค่อยๆทบเพิ่มขึ้น หนี้ที่เพิ่มขึ้นก็ค่าเรียนหนังสือให้เรากับพี่ชายค่ะ เราได้เรียนรร.ดีๆตั้งแต่ป.4เป็นโรงเรียนเอกชนค่าเทอม2หมื่น พอขึ้นม.1เปลี่ยนรร.ค่าเทอมก็หมื่นแปด พี่ชายเรายิ่งใหญ่เลย แถมยังมีค่าเรียนพิเศษให้เราอีก
ถึงพวกเขาจะบอกว่าไม่ได้คาดหวังแต่เราก็รู้ว่าเขาคาดหวังให้เรามีอนาคตที่ดีค่ะ ตอนนี้เราอยู่ม.2แล้วแต่เราไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เรียนออนไลน์ก็เหมือนไม่ได้เรียน ถ้าเรียนแบบออนไซด์ปกติเราก็คงไม่ว่างเปล่าขนาดนี้หรอกค่ะ ถึงจะขี้เกียจทำการบ้านบ้างแต่ก็ยังต้องทำเพราะวันต่อมาต้องไปเจอหน้าครูโหดๆทวงงาน แต่พอมาเรียนออนไลน์แล้วหน้าใครก็ไม่ได้เจอเลยค่ะ เรียนก็สบายมากจนโดดบ่อยๆ แล้วสุดท้ายก็เรียนไม่รู้เรื่อง พอเรียนไม่รู้เรื่องก็ไม่เรียนไปเลยค่ะ ไม่เข้าเรียนซักคาบ ติดโทรศัพท์จนไม่ทำงาน คนเตือนสติก็ไม่มีพ่อแม่ก็ไปทำงานใช้เวลาส่วนตัวของเขา ไม่ได้มานั่งจ้องเราเรียน เพื่อนก็ไม่มี ตัวเราเองก็ขาดความกระตือรือร้นมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ใกล้สอบปลายภาคแล้วงานทั้งเทอมยังไม่ได้ทำเลยค่ะ ตอนนี้ถ้าให้เราโดดสอบยังทำได้เลยค่ะ(ทำไปแล้ว) เพราะรู้สึกชีวิตช่วงนี้มันว่างเปล่ามากๆ ไม่อยากทำอะไร แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยเราจะคิดฟุ้งซ่านอารมณ์แปรปรวนมากๆค่ะ ทั้งวันเราเลยเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์อ่านนิยายอ่านการ์ตูน อ่านได้ทั้งวันเป็นเดือนๆถ้าเบื่อก็เปลี่ยนไปเล่นเกม ทั้งชีวิตมีแค่นี้แหละค่ะ
เราพยายามเปลี่ยนตัวเองมาหลายครั้งแล้วแต่มันก็ล้มเหลวค่ะ เราไม่อยากเป็นคนแบบนี้เลย เรามักจะร้องไห้ซ้ำๆถ้าคิดฟุ้งซ่านหรือการที่พ่อแม่เหนื่อยใจกับเราตอนนี้ ทุกๆวันเอาแต่บอกให้เราทำการบ้านทุกครั้งที่เจอหน้าเลยหละค่ะ แต่พอนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมา เหมือนเรื่องพวกนั้นถูกรีเซ็ต ความเศร้าและความตั้งใจเปลี่ยนตัวเองทั้งหมดหายไปเลย แล้วก็กลับมาเล่นโทรศัพท์ทั้งวันเหมือนเดิม ทำทุกๆอย่างเหมือนเดิม เรารู้สึกแย่กับตัวเองตอนนี้มากๆเลยค่ะ ทั้งบ้านก็เหนื่อยกับเรามากๆ จนช่วงนี้เรากลับมาคิดเรื่องฆ่าตัวตายบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้จะตายจริงๆหรอกค่ะ แบบ 'ถ้าเราตายไปทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องมีใครมานั่งเหนื่อยใจ' แต่อีกใจนึงก็คิด 'แต่ถ้าเราตายไปเหมือนเอาเอาความทุ่มเทของพ่อแม่ไปทิ้งเลย เงินตั้งมากมายที่เอามาเลี้ยงเราเสียไปโดยเรายังทำอะไรตอบแทนให้ไม่ได้เลย แล้วก็ถ้าตายไปทั้งทียังหมกตัวอยู่แต่บ้าน กับรร.ที่ทำมาทั้งชีวิตมันก็น่าเสียดาย เสียดายที่ยังไม่ได้ออกไปท่องโลกก็ตายซะแล้ว' แต่การอยู่อย่างว่างเปล่าแบบนี้มันทรมาณมากเลยค่ะ วันๆเอาแต่ท่องโลกในนิยายไปเรื่อยๆเพื่อลืมความเป็นจริง ทำให้เวลาผ่านไปเร็วๆโดยไปอยู่ในโลกจินตนาการ อยากหลุดจากอะไรแบบนี้จังค่ะ ทุกวันมันผ่านไปแบบไร้ประโยชน์ไร้จุดหมาย มันว่างเปล่ามากเลยค่ะ
เราติดโทรศัพท์มาตั้งแต่เด็กค่ะ ดังนั้นการดึงความสนใจจากสิ่งต่างๆมาเพ่งกับโทรศัพท์นั้นทำง่ายมาก ทำได้นานมากๆด้วยและเราช่ำชองมากเพราะแม่ด่าพ่อทุกวันตั้งแต่เราจำความได้ก็ตั้งแต่ป.1-2 เราในตอนเด็กที่ไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้ก็ต้องมารับรู้ พอมีทศ.เลยหันมาสนใจทศ.แทนแต่หูมันก็ยังรับเสียงได้อยู่ดีค่ะฮรือt-t ยิ่งช่วง2ปีมานี้แม่ทะเลาะกับพ่อหนักมากๆเพราะเรื่องเงินกับงานที่หนักเกินไปนี่แหละค่ะ เจอหน้ากันถ้าพ่อทำอะไรไม่ดีนิ้ดดดเดียวก็ตะคอกโวยวายใหญ่แล้วค่ะ พ่อก็เครียดสวยแม่ไปบ้างแต่ก็ไม่ใส่อารมณ์หมดเหมือนแม่หรอกค่ะ และช่วงนั้นจำได้ว่าแม่เอาแต่พูดว่าอยากตายๆๆๆ รู้งี้ไม่เอาคนแบบนี้มาเป็นสามีหรอก ถ้าไม่มีลูกหย่าไปนานแล้ว ทำไมมีแต่ลูกไม่ได้เรื่อง เลี้ยงมากี่คนก็เป็นงี้ อยากตาย ตายๆไปก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งใช้หนี้ไม่หมดไม่สิ้น ดูซิ้ไม่มีกูจะอยู่กันยังไง และสารพัดอีกมากมายก่ายกองจนเราไม่ไหวต้องแมสเสจไปบอกแม่ว่า แม่เอาแต่พูดอยากตายๆอยู่นั่นแหละหนูไม่อยากได้ยินเลย และระบายเรื่องบางเรื่องไปนิดหน่อย เรากับแม่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้พูดกันอยู่แล้ว เพราะเจอหน้ากันก็เอาแต่บอกให้ทำการบ้านถ้านิ่งก็จะถอนหายใจแรงๆใส่แล้วก็บ่นๆ ดังนั้นการไปบอกอะไรแบบนี้กับแม่ตรงๆเลยตัดไปได้เลย
สาเหตุอีกอย่างที่ติดโทรศัพนอกจากเอาไว้เบี่ยงแบนความสนใจเวลาแม่พูดจาแย่ๆ ก็คือเพราะไม่มีอะไรให้ทำค่ะ- คือเราค่อนข้างชอบเรียนรู้สนใจสิ่งต่างๆมาแต่เด็กแล้ว ก็เลยสนใจอะไรได้ง่ายๆ แต่เกือบทุกสิ่งที่สนใจเราก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะบ้านเราไม่ได้มีเงินซื้อสิ่งนั้นๆหรือเรียนสิ่งนั้นๆที่เราต้องการ ดังนั้นการเล่นเน็ตดูสิ่งที่สนใจมันเลยเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ค่ะ เรามักจะเพ้อฝันอยู่ในโลกของโทรศัพท์ไปวันๆตั้งแต่เด็ก แล้วบอกตัวเองให้ตั้งใจเรียนให้จบๆหางานทำจะได้มีเงินทำสิ่งที่ชอบ แต่มันติดที่เราชอบขี้เกียจทำงานแล้วเอาแต่เล่นโทรศัพท์นี่แหละค่ะ~ ตอนเด็กๆก็ไม่เท่าไหร แต่พอเราป.5ก็ได้รู้ว่ารร.ดีที่เราเรียนอยู่เนียปล่อยเกรดขนาดไหน ถึงแทบไม่ส่งงานแต่สอบได้คะแนนดีๆก็ได้เกรด4แล้ว(ซึ่งเราหัวค่อนข้างดีค่ะ เรียนให้ห้องแล้วอ่านทบทวนก่อนสอบก็จำได้แล้ว) ยิ่งทำให้เราโคตรรรขี้เกียจทำงานเลยค่ะ พอขึ้นม.1เปลี่ยนโรงเรียนมาก็เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ปล่อยเกรดแต่ว่าเวลานร.ไม่ส่งงานก็ตามหนักหน่วงมาก ถึงไม่ทำส่งยันวันสุดท้ายก็ให้แค่ติดร. ไม่เคยมีคนซ้ำชั้นหรือเรียนเสริมพิเศษเพราะไม่ส่งงานแบบที่อจ.ขู่ๆไว้เลยค่ะ และนั่นทำให้ยิ่งเรียนออนไลน์เราขี้เกียจโคตรๆๆๆแบบไม่แตะการเรียนเลยค่ะ
แต่ตอนขึ้นม.1มันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนตอนประฐมขนาดนั้นหรอกค่ะ สังคมรร.เก่ากับรร.ใหม่มันต่างกันมากเลยหละค่ะ รร.เก่าเราเป็นรร.คริส ต้องแต่งตัวเรียนร้อยถักเปียทำตามกฏและที่สำคัญสุดๆคือห้ามเอาทศ.มารร.ไม่งั้นปรับค่ะ พอไม่มีโทรศัพท์สิ่งสร้างความสนุกก็มีแต่ของเล่นที่แอบเอามา ไม่ก็เล่นแบต และสุดท้ายคือคุยกันทั้งวันค่ะ! คือทุกชั้นปีนี่เลยขี้คุยกันทุกคนเลย แต่โรงเรียนใหม่ไม่เป็นงั้นค่ะ เปิดเทอมมาก็โดนแบ่งครึ่งห้องทุกคนก็ใส่แมสกันหมดและนั่งเล่นมือถือกันเป็นอาทิตย์ๆเลยหละค่ะ เราเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง และยิ่งสังคมนี้มีมือถือเป็นสื่อกลางยิ่งทำให้เราที่ตอนนั้นมือถือกากมาก ไม่เล่นเฟส ทวิตเตอร์หรือไอจี เกมก็มีแค่เกมเดียว ไม่ได้เป็นติ่งเกาหลี ไม่ได้มีคอนเนคชั่นรู้จักกับคนต่างรร. เลยไม่มีอะไรคุย ปรับตัวได้ยากมากๆค่ะ เพื่อนกลุ่มแรกของเราก็เอิ่ม คนนึงไม่ค่อยพูดต้องชวนคุยก่อน อีกคนเราก็ไม่ชอบหน้าแปลกๆแถมเขาก็ไม่ชอบหน้าเราด้วย แล้วมันก็ยิ่งแย่มากๆที่พอเวลาผ่านไปทุกคนเข้ากันได้แต่เรายังเข้ากับใครไม่ได้เลย นี่คือยังคิดกับตัวเองอยู่ว่าโควิดมันทำให้เราเป็นคนเก็บตัวขึ้นมาก เราที่เขากับเพื่อนๆไม่ได้ก็เหมือนโดนทิ้งไว้ข้างหลัง หายไปก็ไม่มีใครพูดถึง ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็จมดิ่งกับตัวเองมากขึ้น จนเป็นซึมเศร้า โดดเรียนติดกันเกือบอาทิตย์ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโดดเลย เรียนก็ไม่รู้เรื่อง จนจบม.1มาได้เพราะปั่นงานท้ายเทอมล้วนๆ เรื่องสอบนี่ไม่ต้องหวัง
พอขึ้นม.2นี่ยิ่งหนัก หยุดยาวววววๆ จนสภาพเรากลายเป็นแบบปัจจุบันนี่แหละค่ะ
เราอยากเป็นคนที่เข้มแข็งต่อสู้กับเรื่องพวกนี้ให้ได้มากๆเลยค่ะ แต่เราเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอมากค่ะ เรื่องที่ทำให้เราร้องไห้ง่ายมีแค่เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว เรื่องตัวเองแล้วก็เรื่องเพื่อนค่ะ เอาจริงๆแค่ดูการ์ตูนแนวมิตรภาพ แนวครอบครัวซึ้งๆก็ร้องไห้แล้วค่ะ แล้วยิ่งพอเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเราร้องไห้เป็นชั่วโมงเลยค่ะเวลาที่นึกถึงเรื่องพวกนั้น
เอาหละเหมือนพิมพ์นอกชื่อหัวข้อมาเกินครึ่งแล้ว555 กลับมาปัญหาปัจจุบันของเราที่อยากถามทุกคนค่ะ เราควรเรียนต่อหรือพอก่อนดีคะ คือแบบตั้งแต่เด็กก็ถูกปลูกฝังมาว่าให้เรียนดีๆจะได้งานดีๆ ไม่เคยได้ทำอย่างอื่นเลยค่ะ และเราไม่รู้ว่าถ้าเราเลิกเรียนพ่อแม่จะสนับสนุนเราในทางอื่นๆไหม หรือถ้าเราเลิกเรียนไปเราจะมาเสียใจมั้ย แล้วก็ถ้าเราเลิกเรียนพ่อแม่ต้องผิดหวังแน่ๆ แต่ถ้าจะให้เรียนต่อไม่ว่าจะย้ายโรงเรียนสภาพเราตอนนี้ก็ไท่พร้อมเรียนเลยค่ะ คือเราอยากถามความเห็นทุกคนที่อ่านเรื่องราวของเราแล้วคิดว่าเราควรจะเรียนรร.เดิมต่อ ย้ายรร. พักการเรียนหรือไม่เรียนมันไปเลยดีคะ? ส่วนลึกในใจเราอยากเรียนต่อค่ะแต่อะไรหลายๆอย่างมันทำให้เราเรียนไม่ได้ค่ะ เรียนไปก็ไม่เข้าหัว
อ่าา จบแล้วค่า เรารู้สึกเหมือนได้เขียนระบายจนพอโล่งใจระดับนึงแล้ว ใครที่ผ่านเข้ามาก็ขอบคุณที่อ่านเรื่องของเรานะคะ ถึงไม่ตอบคำถามเราก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ผ่านเข้ามานะคะ