JJNY : 4in1 แฉ!ธ.เครดิตสวิส│ผวาภัยแล้ง!หยุดเลี้ยงปลาในกระชัง│เสนอลดภาษี-ยกเลิกผสมเอทานอล│ชลน่านเชื่อกม.ลูกลต.ส.ส.ผ่านแน่

แฉ! ธ.เครดิตสวิส บริการเก็บเงินผิดกม.ทั่วโลกอื้อ พบของคนไทยกว่า 1,000 บัญชี
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3194977
 
 
 ภาพ เดอะการ์เดียน
 
แฉ! ธ.เครดิตสวิส บริการเก็บเงินผิดกม.ทั่วโลกอื้อ พบของคนไทยกว่า 1,000 บัญชี
 
เดอะการ์เดียน รายงานเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุว่า จากข้อมูลที่รั่วไหลออกมาครั้งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งหนึ่งของธนาคารเอกชน อย่างธนาคาร “เครดิตสวิส” เปิดเผยให้เห็นลูกค้าจำนวนมากที่ต้องการซุกซ่อนความร่ำรวย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทารุนกรรม, ยาเสพติด, ฟอกเงิน, การทุจริต รวมไปถึง การค้ามนุษย์ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของธนาคารที่เคยประกาศว่าจะขจัดลูกค้าที่นำเงินผิดกฎหมายมาฝากไว้กับธนาคาร
 
ข้อมูลดังกล่าวที่มีการเปิดเผยเป็นข้อมูลของลูกค้า 30,000 รายจากทั่วโลก ซึ่งเก็บเงินในธนาคารเครดิตสวิส รวม 100,000 ล้านสวิสฟรัง หรือราว 3.5 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้มีบัญชีนักค้ามนุษย์ในฟิลิปปินส์, กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกงที่ถูกจำคุกข้อหารับสินบน มหาเศรษฐีผู้ต้องคดีฆาตกรรมแฟนสาว, ผู้บริหารบริษัทน้ำมันเวเนซุเอลาที่ทุจริตเงินมูลค่ามหาศาล รวมถึง นักการเมืองทุจริตจากอียิปต์ และยูเครน ไม่เว้นแม้แต่บัญชีของสำนักวาติกัน ที่มีบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนผิดกฎหมายในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ
 
จากข้อมูลระบุว่าประเทศที่มีลูกค้ามากที่สุดคือประเทศเวเนซุเอลา อียิปต์ ยูเครน และประเทศไทย โดยรายงานระบุว่าประเทศเหล่านี้ต้องเจอปัญหามากมายเมื่อบรรดานักการเมืองและเศรษฐีที่นำเงินไปซุกซ่อนนอกประเทศ โดยประเทศไทยนั้นมีคนเป็นลูกค้าธนาคารเครดิตสวิส มากถึงกว่า 1,000 บัญชี
รายงานยกตัวอย่างลูกค้ารายหนึ่งของเครดิตสวิส ที่ปรากฏชื่อในข้อมูลหลุดดังกล่าวคือนายสเตฟาน เซเดอร์ฮอล์ม ช่างคอมพิวเตอร์ ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตข้อหาค้ามนุษย์ในประเทศฟิลิปปินส์ จากการเปิดเครือข่ายเว็บแคมโชว์ลามกอนาจาร พร้อมกับผู้หญิงในเครือข่ายถึง 17 คน โดยนายเซเดอร์ฮอล์ม เปิดบัญชีกับธนาคารเครดิตสวิส เอาไว้ และยังสามารถใช้งานบัญชีได้เป็นเวลาถึง 2 ปีครึ่งหลังการตัดสินคดี
  
ตัวแทนของนายเซเดอร์ฮอล์ม เปิดเผยว่า เครดิสสวิสไม่เคยระงับบัญชี และไม่ได้ปิดบัญชีของเขาจนถึงปี 2013 เมื่อเดอะการ์เดียนถามว่า ทำไมนายเซเดอร์ฮอล์มถึงต้องมีบัญชีของเครดิตสวิส ซึ่งได้รับคำตอบว่าเมื่อตอนที่เขาอยู่ประเทศไทยได้ทำการเปิดบัญชีนี้ ดังนั้นช่วยบอกได้ไหม “ถ้าเป็นคุณต้องการฝากเงิน จะเปิดบัญชีกับธนาคารไทยหรือธนาคารสวิส
 
ทั้งนี้ข้อมูลลูกค้าของธนาคารจำนวนมากรั่วไหลไปถึงมือหนังสือพิมพ์ “ซูดดอยท์เชอ ไซตุง” ในประเทศเยอรมนี โดยแหล่งข่าวได้ระบุเอาไว้ว่า ตนมองว่ากฎหมายปกป้องข้อมูลลูกค้าธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์ นั้นไม่ถูกต้อง
 
ขณะที่ธนาคารเครดิตสวิส ออกมาเปิดเผยว่า  ด้วยข้อจำกัดของกฎหมายปกป้องข้อมูลส่วนตัวของธนาคารทำให้ไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับกระแสข่าวข้อมูลรั่วไหลครั้งนี้ได้
 

 
ผวาภัยแล้ง! เกษตรกรหยุดเลี้ยงปลาในกระชัง
https://www.nationtv.tv/news/378864449
 
คลองน้ำสายสำคัญไหลผ่าน 3 ตำบล ในอำเภอเมืองพิจิตร เริ่มแห้งขอด เกษตรกรต้องหยุดเลี้ยงกระชังปลาชั่วคราว ส่งผลกระทบพืชสวน ตามแนวสองฝั่งคลอง
 
          ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวีลงพื้นที่จังหวัดพิจิตรสำรวจสถานการณ์น้ำ พบว่าแหล่งน้ำหลายแห่ง ระดับน้ำยังคงลดลงต่อเนื่อง  ล่าสุดระดับน้ำในคลองข้าวตอกที่ไหลผ่าน 3 ตำบล ในเขตอำเภอเมืองพิจิตร เริ่มแห้งขอดจนเห็นพื้นดินที่แตกระแหงในคลอง กระทบประชาชนในพื้นที่ตำบลเมืองเก่า ตำบลดงกลาง และตำบลดงป่าคำ
 
ระดับน้ำที่ลดลงส่งผลให้เกษตรกรที่เลี้ยงปลาในกระชังในคลองข้าวตอก ต้องหยุดเลี้ยงปลาชั่วคราว และยังส่งผลต่อเกษตรกรที่ปลูกพืชผักสวนครัวตลอด 2 ฝั่งลำคลองอีกด้วย
 
คลองข้าวตอกถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชาวบ้านในตำบลเมืองเก่า ตำบลดงกลาง ตำบลดงป่าคำ เพราะเป็นคลองสายหลัก ชาวบ้านสองฝั่งคลองปลูกพืชผักสวนครัวนานาชนิด เมื่อน้ำในคลองแห้งขอดเหลือเพียงแอ่งน้ำขนาดเล็ก จึงส่งผลต่อการผลิตพืชผลการเกษตรทุกประเภท
 

 
นักวิชาการเสนอลดภาษี-ยกเลิกผสมเอทานอล ดูเเลผู้ใช้น้ำมันเบนซิน
https://ch3plus.com/news/category/280007

หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานออกมาส่งสัญญาณเตรียมออกมาตรการดูแลคนใช้น้ำมันเบนวิน เช่นเดียวกับดีเซล วันนี้ก็มีข้อเสนอแนะจากนักวิชาการด้านพลังงาน เสนอให้ลดภาษีสรรพสามิต และยกเลิการผสมเอทานอล เพื่อดุแลกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน  

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ แนะแนวทางการดูแลราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ เห็นว่า รัฐบาลควรใช้มาตรการดูแลผู้ใช้น้ำมันในกลุ่มนี้ เช่นเดียวกันกับดีเซล เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้เป็นจำนวนมาก รวมถึงภาคการขนส่งในปัจจุบัน เช่น กลุ่มไรเดอร์ หรือ จักรยานยนต์รับจ้าง
 
โดยแนวทางที่เหมาะสม ควรจะเป็นแนวทางเดียวกันกับการดูแลราคาน้ำมันดีเซล คือ ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ ในระดับที่ใกล้เคียงกันดีเซล คือ ลิตรละ 2-3 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจะทำให้ราคาของเบนซิน แก๊สโซฮอลล์ และดีเซล ไม่ต่างกันมาก และจะไม่เป็นการบิดเบือนตลาดในอนาคต แต่ยอมรับว่าอาจทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ แต่ก็ต้องยอมและเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ค่อยเรียกเก็บภาษีเข้ามาชดเชยในภายหลัง โดยแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ง่ายและทำได้เร็ว

ขณะที่ มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน เห็นว่า การดูแลราคาน้ำมัน โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันอุดหนุน หรือ ปรับลดภาษี เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ อนาคตประชาชนก็ต้องแบกรับภาระอยู่ดี โดยเห็นว่าแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร คือ การยกเลิกการใช้ส่วนผสมของเอทานอล หรือ น้ำมันปาล์ม ลงในน้ำมัน ซึ่งหากยกเลิกได้ จะทำให้ราคาน้ำมัน ลดลงได้ทันที 5 บาทต่อลิตร โดยไม่ต้องใช้เงินกองทุนอุดหนุนราคา

ตัวเลขจากกรมขนส่งทางบก พบว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้ใช้รถที่ใช้เบนซินมากถึง 28.9 ล้านคัน ส่วนใหญ่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล 21.7ล้านคัน รองลงมา คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 6.7 ล้านคัน และกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 1.56 แสนคัน

ส่วนรถที่ใช้ดีเซล มีจำนวน 12 ล้านคัน แยกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 6.96 ล้านคัน รถบรรทุก 6.6 ล้านคัน รถแทรกเตอร์ 6 แสนคัน และรถใช้ในงานเกษตรกรรม 1 แสนคัน

ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/P9kl9ndsYUk 
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่