...ถ้าดูในภาพรวม ความรู้ต้องสำคัญกว่าจินตนาการแน่นอน...
...เหตุผล คือ ถ้าไม่มีความรู้เป็นฐานอยู่ในใจก่อน แล้วจะเอาข้อมูลอะไรมาใช้ในการสร้างจินตนาการ ? .. ก็ลองนึกภาพดู ถ้าคุณไม่มีความจำอะไร ไม่มีความรู้อะไรเก็บสะสมไว้ในใจเลย คุณจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก จะจินตนาการยังไงก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ และการจินตนาการ ส่วนมากก็มักจะผิด ที่จินตนาการออกมาถูกต้อง ใช้งานได้จริง มีน้อยมาก นานๆจะมีสักครั้ง..ลองดูในใจพวกคุณเองก็ได้..ในชีวิตคุณได้จินตนาการอะไรๆแปลกๆไปกี่ร้อยกี่พันเรื่อง แล้วเป็นจริงกี่เรื่อง ??
...ความรู้ในระดับสูง ที่เรียกว่า " ญาณ " หรือความรู้พิเศษอื่นๆในระดับนี้ จะรู้ขึ้นมาได้เอง โดยไม่ต้องใช้จินตนาการเลย และต้องระงับจินตนาการให้สงบนิ่งลงไปก่อน ความรู้พิเศษเหล่านั้นจึงจะปรากฏได้
...ตัวอย่างในวงการวิทยาศาสตร์ก็มีมากมาย ที่สูตรและทฤษฏีสำคัญๆ โผล่ปรากฏขึ้นมาในใจของนักวิทยาศาสตร์เอง โดยไม่ใช้จินตนาการ เช่น กรณีของ รามานุจันทร์ ที่ได้สูตรคณิตศาสตร์ Modular Funtions ปรากฏขึ้นมาเองจากความฝันว่า มีเทพที่เป็นเจ้าแม่มาเข้าฝัน แล้วบอกสูตรนี้ให้ ซึ่งรามานุจันทร์ ก็ไม่รู้ว่า ที่ไปที่มา และขั้นตอนการพิสูจน์ของสูตรนี้มาได้ยังไง ? เจ้าแม่ไม่ได้บอกวิธีให้ บอกแค่สูตรสรุปขั้นสุดท้าย เท่านั้น...และ ก็ปรากฏว่า สูตรนี้เอาไปใช้งานได้จริงๆ ในการแก้ปัญหาในทางวิทยาศาสตร์ระดับสูงๆ ลึกๆ เช่น ในระดับควอนตั๊ม ฯฯ..
...ความรู้พิเศษในระดับญาณอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดเองจากบุญเก่าในชาติก่อนส่งมา หรือ มาฝึกได้เองในชาตินี้ เช่น การมีตาทิพย์ ได้เห็นและได้ติดต่อผีสางเทวดาได้ , การหยั่งรู้อนาคต , การรู้ใจคนหรือสัตว์ , การระลึกชาติ ..และการทำปาฏิหาริย์ต่างๆ ฯลฯ อื่นๆ...ล้วนเกิดมาโดยไม่ต้องอาศับจินตนาการเลย
&&& ที่ไอน์สไตน์บอกว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ผมว่ามีส่วนถูกแค่บางส่วน บางกรณี เท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด &&&
...เหตุผล คือ ถ้าไม่มีความรู้เป็นฐานอยู่ในใจก่อน แล้วจะเอาข้อมูลอะไรมาใช้ในการสร้างจินตนาการ ? .. ก็ลองนึกภาพดู ถ้าคุณไม่มีความจำอะไร ไม่มีความรู้อะไรเก็บสะสมไว้ในใจเลย คุณจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก จะจินตนาการยังไงก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ และการจินตนาการ ส่วนมากก็มักจะผิด ที่จินตนาการออกมาถูกต้อง ใช้งานได้จริง มีน้อยมาก นานๆจะมีสักครั้ง..ลองดูในใจพวกคุณเองก็ได้..ในชีวิตคุณได้จินตนาการอะไรๆแปลกๆไปกี่ร้อยกี่พันเรื่อง แล้วเป็นจริงกี่เรื่อง ??
...ความรู้ในระดับสูง ที่เรียกว่า " ญาณ " หรือความรู้พิเศษอื่นๆในระดับนี้ จะรู้ขึ้นมาได้เอง โดยไม่ต้องใช้จินตนาการเลย และต้องระงับจินตนาการให้สงบนิ่งลงไปก่อน ความรู้พิเศษเหล่านั้นจึงจะปรากฏได้
...ตัวอย่างในวงการวิทยาศาสตร์ก็มีมากมาย ที่สูตรและทฤษฏีสำคัญๆ โผล่ปรากฏขึ้นมาในใจของนักวิทยาศาสตร์เอง โดยไม่ใช้จินตนาการ เช่น กรณีของ รามานุจันทร์ ที่ได้สูตรคณิตศาสตร์ Modular Funtions ปรากฏขึ้นมาเองจากความฝันว่า มีเทพที่เป็นเจ้าแม่มาเข้าฝัน แล้วบอกสูตรนี้ให้ ซึ่งรามานุจันทร์ ก็ไม่รู้ว่า ที่ไปที่มา และขั้นตอนการพิสูจน์ของสูตรนี้มาได้ยังไง ? เจ้าแม่ไม่ได้บอกวิธีให้ บอกแค่สูตรสรุปขั้นสุดท้าย เท่านั้น...และ ก็ปรากฏว่า สูตรนี้เอาไปใช้งานได้จริงๆ ในการแก้ปัญหาในทางวิทยาศาสตร์ระดับสูงๆ ลึกๆ เช่น ในระดับควอนตั๊ม ฯฯ..
...ความรู้พิเศษในระดับญาณอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดเองจากบุญเก่าในชาติก่อนส่งมา หรือ มาฝึกได้เองในชาตินี้ เช่น การมีตาทิพย์ ได้เห็นและได้ติดต่อผีสางเทวดาได้ , การหยั่งรู้อนาคต , การรู้ใจคนหรือสัตว์ , การระลึกชาติ ..และการทำปาฏิหาริย์ต่างๆ ฯลฯ อื่นๆ...ล้วนเกิดมาโดยไม่ต้องอาศับจินตนาการเลย