เราจะขอทำรีวิวแบบบันทึกการเดินทาง เพื่อแบ่งปันข้อมูลเป็นแนวทางในการวางแผนท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะนะคะ
โดยกระทู้นี้อาจจะมีรูปภาพรีวิว ต่างๆไม่ละเอียดมากนัก เพราะระหว่างที่เราไปเที่ยวเรามักจะสัมผัสบรรยากาศและประสบการณ์ตรงหน้าจนมักจะลืมที่จะบันทึกภาพไว้ค่ะ
จึงทำให้เป็นกระทู้รีวิวที่อาจจะมีตัวอักษรเยอะสักหน่อย กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวครั้งแรก ผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยค่ะ
ทริปนี้เริ่มจากหลังจากคลายล็อกและเพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่เกาะกูด เมื่อต้นธ.ค. 64
เราและน้องสาวยังติดใจในบรรยากาศทะเลสวยๆ ที่คนยังไม่เยอะ
เลยลองไปส่องหาข้อมูลเที่ยวอันดามันต่อ จากที่เขาล่ำลือว่าสวยงามสุดบรรยาย โดยช่วงที่คนยังไม่หนาแน่นเหมือนยามปกติ โดยหนึ่งในที่ใฝ่ฝันคือ เกาะหลีเป๊ะ
ก็เลยไปลองส่องราคาช่วงเราเที่ยวด้วยกันเสียหน่อยจึงเกิดเป็นทริปแบบ คุยปุ๊บ วางแผนปั๊บ โอนเงินจบครบภายในไม่ถึง 48 ชั่วโมง
หลังจากเพิ่งกลับจากเที่ยวเกาะกูดไม่ถึง 1 สัปดาห์ แต่ด้วยตารางงานและตารางเที่ยวที่หนาแน่นไปจนถึงสิ้นปี เลยสะดวกไปช่วงกลางเดือน ม.ค. เป็นต้นไป
บทที่ 1 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง
เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเที่ยวหลีเป๊ะเลย เลยหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต พบว่าเป็นเกาะที่ไม่ได้ใหญ่มาก ที่พักหลักๆ จะกระจายอยู่ตาม 3 หาด ซึ่งแต่ละหาดมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน
- หาดพัทยาหรือหาดบันดาหยา จุดเด่นคือความมีชีวิตชีวา และร้านอาหารเยอะ เรือมักจะจอดที่หาดนี้เยอะ
- หาดซันไรส์จะมีหาดทรายแนวยาวและมุมทางพระอาทิตย์ขึ้น
- หาดซันเซ็ท ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นทิวทัศน์แบบโขดหินหรือผาและเป็นมุมทางพระอาทิตย์ตก จะเงียบสงบกว่าส่วนอื่น
ขั้นแรก) เราวางแผนหาที่พัก
โดยเมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้น เราเลยไปหาข้อมูลที่พักที่เข้าร่วมเราเที่ยวด้วยกันจากทำเลที่เราอยากจะเข้าพัก และเข้าไปติดตามทางช่องทางต่างๆของที่พักว่ามีโปรโมชั่น หรือแพคเกจยังไง ซึ่งเราพบว่ามันราคาไม่สูงเหมือนอย่างที่เคยคิดไว้
เพราะเราเคยนึกเบื้องต้นว่าไหนจะราคาที่พัก ไหนจะค่าเดินทางที่ต้องมาจากหาดใหญ่และลงเรืออีก ไหนจะค่ากิจกรรมดำน้ำ รวมๆแล้วคงราคาพอสมควร
เราเจอโฆษณาแพคเกจแบบรวมทุกอย่าง 3 วัน 2 คืน แค่คนละสองพันถึงสามพันกว่าบาท ตอนแรกคือรู้สึกตกใจว่าไม่แพงเหมือนที่คิดเลย ราคาแทบจะพอๆกับประมาณการค่าโดยสารที่เราคิดไว้เอง
เมื่อลองดูไปค่าตั๋วเครื่องบินว่าถ้าราคาที่ตรงกับวันหยุดจะแพงมากไหม ซึ่งพบว่าไปกลับก็ประมาณเกือบสองพันบาทไม่ได้แพงจนไม่ไหว
เราเลยตัดสินใจชวนก๊วนประจำของเราทันที แต่ไม่มีใครสนใจและสะดวกไป มีเพียงเราและน้องสาวแค่สองคน ซึ่งโดยปกติเราไม่เคยไปเที่ยวกันเองแค่ 2 คน ส่วนใหญ่จะต้องมีน้องเขยไปด้วยเสมอเพื่อความรู้สึกปลอดภัย แต่ในเมื่อน้องเขยไม่สะดวก และความอยากไปมีมากกว่าเลยตัดสินใจเดินทางกันเองแค่ 2 สาว
เราติดต่อกับที่พักผ่านทาง Facebook ของ อันดารีสอร์ท ที่ตอบความต้องการเรื่องทำเลที่เราอยากพัก และในราคาที่รับได้ โดย แพคเกจที่ทางที่พักโฆษณาไว้คือเริ่มต้นคนละ 3,300 + 60 บาท ต่อคน จบครบ สิ่งที่จะได้รับคือ
- ที่พัก 3 วัน 2 คืน ห้องละ 2 คน (ซึ่งราคา 3,300 เป็นราคาห้องเริ่มต้น ถ้าสนใจจะเปลี่ยนประเภทห้องพักก็มีหลายรูปแบบและราคาให้เลือกตามความต้องการ)
- เรือสปี๊ดโบ๊ทข้ามเกาะไป-กลับ
- รถตู้ ไป-กลับ (สนามบินหาดใหญ่/บขส./ในเมือง)
- ฟรีอาหารเช้า 2 มื้อ และอาหารในวันที่ดำน้ำ 1 มื้อ
- ทริปดำน้ำโซนในแบบจอยกรุ๊ป ฟรีเช่าอุปกรณ์และประกันภัยทางทะเล
และสิทธิจากโครงการคือ คูปองอาหารอีกวันละ 600 จำนวน 2 วัน และสิทธิ์ขอคืนส่วนลดตั๋วอีก 40%
ส่วนที่ 2) เราหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำน้ำตื้นที่เกาะหลีเป๊ะ
พบว่า โดยปกติจะมีการดำน้ำแบ่งเป็น 2 โซนคือ โซนนอกและโซนใน ซึ่งจุดสวยๆ ส่วนใหญ่จะอยู่โซนนอก
เราเลยสอบถามเกี่ยวกับทริปดำน้ำกับทางที่พักไป และได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถ้าตามแพคเกจที่รวมไว้คือ การดำน้ำจอยกรุ๊ป ประมาณ 6-8 คน บริเวณโซนใน
ถ้าเราจะเหมาเรือส่วนตัวทั้งวัน สามารถเลือกจุดที่เราอยากจะแวะตรงไหนได้ทั้งโซนนอกและใน ในราคา 2500 บาท ซึ่งทางรีสอร์ทจะคืน ค่าดำน้ำในแพคเกจที่เราจะไม่รับคนละ 300 บาท และนำส่วนนี้ไปจ่ายเป็นค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าประกัน และค่าอาหารกลางวัน
ซึ่งจากข้อมูลตามที่หามาคือราคาปกติโดยทั่วไปค่ะ ปกติเหมาลำเรือเล็ก ในราคา 2500 บาท (เรือจะมีขนาดต่างๆตามจำนวนคน และราคาจะสูงขึ้น) และต้องจ่ายค่าอื่นๆเพิ่มคนละ 300 บาทเพื่อเป็นค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าประกัน และค่าอาหารกลางวัน
โดยเราสามารถใช้คูปองส่วนลดวันละ 600 ได้ด้วย ดังนั้นเท่ากับเราจะต้องจ่ายเพิ่ม 2500 x 60% = 1,500 บาท หารต่อคนแล้วคนละ 750 บาท ซึ่งเราคิดว่าคุ้มค่ามาก
ส่วนที่ 3) เราหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
ซึ่งได้รับคำแนะนำมาว่า ควรเลือกไปเที่ยวช่วงเวลาที่ตรงกับช่วงน้ำตาย หรือก็คือช่วงที่มีระดับน้ำขึ้นและลงน้อยเนื่องจากอิทธิพลของดวงจันทร์อยู่เกือบแนวตั้งฉากกับโลก
คิดง่ายๆคือ ไม่ข้างแรม/ขึ้น 8 ค่ำแล้วบวกลบไม่เกิน 2 วัน เราเลยได้ช่วงเวลาดังกล่าวที่ตรงกับวันหยุด โดยพยายามให้ใกล้ 7 ค่ำมากที่สุดที่จะไปดำน้ำ อยากเจอน้ำใสๆ เนื่องจากน้ำจะไม่ขึ้นลงรุนแรง ตะกอนต่างๆจะได้ไม่กวนจนน้ำขุ่น
ส่วนที่ 4) การวางแผนเลือกด้านการเดินทาง
ตามแผนที่ทางรีสอร์ทได้ส่งข้อมูลมาให้ ตั้งแต่ 1 ธ.ค. รถและเรือจะมีวิ่งวันละ 2 รอบ โดย
ขาไป
รอบที่ 1 : รถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ รอบ 9.00 น. และขึ้นเรือที่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล รอบ 11.30 น. จะมีแวะเที่ยวที่เกาะตะรุเตาและเกาะไข่
รอบที่ 2 : รถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ รอบ 11.00 น. และขึ้นเรือที่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล รอบ 13.30 น. เรือจะวิ่งตรงไปหลีเป๊ะไม่มีแวะเที่ยว
ขากลับ
รอบที่ 1 : เรือรอบแรก 9.30 น. ขึ้นรถตู้จากท่าเรือ 11.00 น. จะถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 13.00-13.30 น.
รอบที่ 2 : เรือรอบสอง 11.30 น. ขึ้นรถตู้จากท่าเรือ 13.00 น. จะถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 15.00-15.30 น.
ซึ่งจากการหาข้อมูลเพิ่มเติม จากสนามบินหาดใหญ่เข้าตัวเมืองหาดใหญ่ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง
จากข้อมูลเบื้องต้นเราจึงได้ตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินและวางแผนการเดินทางคือ
ขาไป เราเลือกบินไฟล์ทเช้า ให้ถึงหาดใหญ่ไม่เกิน 8.30 น. เพื่อขึ้นเรือให้ทันรอบแรก เพื่อแวะเที่ยวเกาะตะรุเตาและเกาะไข่
ขากลับ เราเลือกกลับเรือรอบแรก เพื่อแวะไปเที่ยวในเมืองหาดใหญ่ก่อนเลือกไฟล์ทกลับช่วงเย็น
ส่วนที่ 5) หาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะเพิ่มเติม
เมื่อได้จองที่พักและตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย มีเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลาไปเที่ยว เราเลยลองหาข้อมูลการท่องเที่ยวบนเกาะสักหน่อย ว่าเดินทางบนเกาะยังไง ค่าใช้จ่ายประมาณไหน ร้านอาหารน่าสนใจมีอะไรบ้าง มีข้อมูลที่น่าสนใจสรุปได้ดังนี้
- จากที่พักที่เราอยู่ (อันดารีสอร์ท) อยู่ไปทางท้ายๆของหาดซันไรส์ จากที่ส่องสตรีทวิว และเจอรีวิวในยูทูป พบว่าแถวๆ นั้นมีหาดเล็กและมีแนวปะการังหน้าหาด จึงไม่มีเรือหางยาวจอดบริเวณนี้ จึงน่าสนใจที่จะลองเดินไปชมวิว
- การเดินทางบนเกาะหลีเป๊ะ จะใช้รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ซึ่งจะคิดราคาเท่ากันหมดคือคนละ 50 บาท ส่งได้ทั่วเกาะ
- เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะไม่กว้างมาก วัดจากถ้าเดินสุดถนนตามแนวยาวของหาดซันไรส์ จะมีระยะทางประมาณ 1.5 กม. หรือเดินประมาณ 20 นาที ถ้าวัดตามแนวจากถนนคนเดินจากหาดพัทยาจะประมาณ 500 เมตร ถ้าจะไปทางหาดซันเซ็ทอาจจะไกลหน่อยแต่รวมๆแล้วรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตรก็ทั่วเกาะ
- จากที่พัก เดินไปทางถนนคนเดิน ระหว่างทางมีร้านอาหารค่อนข้างหลากหลาย
- มีจุดชมวิวมุมสูงที่นิยมไปคือ ผาชะโด ที่อยู่บนเกาะอาดัง จากข้อมูลคือต้องใช้บริการ Taxi เรือหางยาวเพื่อข้ามไปเกาะอาดังโดยราคา 100 บาท ต่อคน ต่อเที่ยว
และระยะทางขึ้นไปจุดชมวิวประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีแล้วแต่ความฟิต
มีจุดชมวิวอยู่ 3 จุดแต่จุดที่สวยที่สุดคือ จุดชมวิวที่2 เส้นทางไม่ถึงกับลำบากและอันตรายแต่ต้องระมัดระวัง มีทางลาดชันเป็นช่วงๆ
ควรเตรียมพร้อมการเดินทางพอควรเพราะต้องเดินท่ามกลางต้นไม้และป่าไผ่
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลและข้อจำกัดทางด้านสังขารและเวลาของเราเลยขอผ่านจุดนี้ดีกว่า
- การล่องเรือเพื่อทริปดำน้ำนั้น ต้องอยู่กับสภาพลมและคลื่นเป็นหลัก ซึ่งถึงแม้จะเหมาเรือหรือซื้อทริปโซนนอกไว้ ถ้าสภาพอากาศไม่เป็นใจก็อาจจะไม่สามารถไปยังจุดดำน้ำที่อยู่ไกลๆได้ และถึงแม้จะเป็นช่วงไฮซีซั่นก็ยังอาจจะมีโอกาสเจอฝนหรือคลื่นลมแรงได้
เกาะหลีเป๊ะ บันทึกการเดินทางแบบสาวๆสองศรีพี่น้อง… How to วางแผนยังให้ได้เที่ยวแบบเป๊ะและปังตามใจหวัง
โดยกระทู้นี้อาจจะมีรูปภาพรีวิว ต่างๆไม่ละเอียดมากนัก เพราะระหว่างที่เราไปเที่ยวเรามักจะสัมผัสบรรยากาศและประสบการณ์ตรงหน้าจนมักจะลืมที่จะบันทึกภาพไว้ค่ะ
จึงทำให้เป็นกระทู้รีวิวที่อาจจะมีตัวอักษรเยอะสักหน่อย กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวครั้งแรก ผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยค่ะ
ทริปนี้เริ่มจากหลังจากคลายล็อกและเพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่เกาะกูด เมื่อต้นธ.ค. 64
เราและน้องสาวยังติดใจในบรรยากาศทะเลสวยๆ ที่คนยังไม่เยอะ
เลยลองไปส่องหาข้อมูลเที่ยวอันดามันต่อ จากที่เขาล่ำลือว่าสวยงามสุดบรรยาย โดยช่วงที่คนยังไม่หนาแน่นเหมือนยามปกติ โดยหนึ่งในที่ใฝ่ฝันคือ เกาะหลีเป๊ะ
ก็เลยไปลองส่องราคาช่วงเราเที่ยวด้วยกันเสียหน่อยจึงเกิดเป็นทริปแบบ คุยปุ๊บ วางแผนปั๊บ โอนเงินจบครบภายในไม่ถึง 48 ชั่วโมง
หลังจากเพิ่งกลับจากเที่ยวเกาะกูดไม่ถึง 1 สัปดาห์ แต่ด้วยตารางงานและตารางเที่ยวที่หนาแน่นไปจนถึงสิ้นปี เลยสะดวกไปช่วงกลางเดือน ม.ค. เป็นต้นไป
บทที่ 1 การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง
เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเที่ยวหลีเป๊ะเลย เลยหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต พบว่าเป็นเกาะที่ไม่ได้ใหญ่มาก ที่พักหลักๆ จะกระจายอยู่ตาม 3 หาด ซึ่งแต่ละหาดมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน
- หาดพัทยาหรือหาดบันดาหยา จุดเด่นคือความมีชีวิตชีวา และร้านอาหารเยอะ เรือมักจะจอดที่หาดนี้เยอะ
- หาดซันไรส์จะมีหาดทรายแนวยาวและมุมทางพระอาทิตย์ขึ้น
- หาดซันเซ็ท ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นทิวทัศน์แบบโขดหินหรือผาและเป็นมุมทางพระอาทิตย์ตก จะเงียบสงบกว่าส่วนอื่น
ขั้นแรก) เราวางแผนหาที่พัก
โดยเมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้น เราเลยไปหาข้อมูลที่พักที่เข้าร่วมเราเที่ยวด้วยกันจากทำเลที่เราอยากจะเข้าพัก และเข้าไปติดตามทางช่องทางต่างๆของที่พักว่ามีโปรโมชั่น หรือแพคเกจยังไง ซึ่งเราพบว่ามันราคาไม่สูงเหมือนอย่างที่เคยคิดไว้
เพราะเราเคยนึกเบื้องต้นว่าไหนจะราคาที่พัก ไหนจะค่าเดินทางที่ต้องมาจากหาดใหญ่และลงเรืออีก ไหนจะค่ากิจกรรมดำน้ำ รวมๆแล้วคงราคาพอสมควร
เราเจอโฆษณาแพคเกจแบบรวมทุกอย่าง 3 วัน 2 คืน แค่คนละสองพันถึงสามพันกว่าบาท ตอนแรกคือรู้สึกตกใจว่าไม่แพงเหมือนที่คิดเลย ราคาแทบจะพอๆกับประมาณการค่าโดยสารที่เราคิดไว้เอง
เมื่อลองดูไปค่าตั๋วเครื่องบินว่าถ้าราคาที่ตรงกับวันหยุดจะแพงมากไหม ซึ่งพบว่าไปกลับก็ประมาณเกือบสองพันบาทไม่ได้แพงจนไม่ไหว
เราเลยตัดสินใจชวนก๊วนประจำของเราทันที แต่ไม่มีใครสนใจและสะดวกไป มีเพียงเราและน้องสาวแค่สองคน ซึ่งโดยปกติเราไม่เคยไปเที่ยวกันเองแค่ 2 คน ส่วนใหญ่จะต้องมีน้องเขยไปด้วยเสมอเพื่อความรู้สึกปลอดภัย แต่ในเมื่อน้องเขยไม่สะดวก และความอยากไปมีมากกว่าเลยตัดสินใจเดินทางกันเองแค่ 2 สาว
เราติดต่อกับที่พักผ่านทาง Facebook ของ อันดารีสอร์ท ที่ตอบความต้องการเรื่องทำเลที่เราอยากพัก และในราคาที่รับได้ โดย แพคเกจที่ทางที่พักโฆษณาไว้คือเริ่มต้นคนละ 3,300 + 60 บาท ต่อคน จบครบ สิ่งที่จะได้รับคือ
- ที่พัก 3 วัน 2 คืน ห้องละ 2 คน (ซึ่งราคา 3,300 เป็นราคาห้องเริ่มต้น ถ้าสนใจจะเปลี่ยนประเภทห้องพักก็มีหลายรูปแบบและราคาให้เลือกตามความต้องการ)
- เรือสปี๊ดโบ๊ทข้ามเกาะไป-กลับ
- รถตู้ ไป-กลับ (สนามบินหาดใหญ่/บขส./ในเมือง)
- ฟรีอาหารเช้า 2 มื้อ และอาหารในวันที่ดำน้ำ 1 มื้อ
- ทริปดำน้ำโซนในแบบจอยกรุ๊ป ฟรีเช่าอุปกรณ์และประกันภัยทางทะเล
และสิทธิจากโครงการคือ คูปองอาหารอีกวันละ 600 จำนวน 2 วัน และสิทธิ์ขอคืนส่วนลดตั๋วอีก 40%
ส่วนที่ 2) เราหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำน้ำตื้นที่เกาะหลีเป๊ะ
พบว่า โดยปกติจะมีการดำน้ำแบ่งเป็น 2 โซนคือ โซนนอกและโซนใน ซึ่งจุดสวยๆ ส่วนใหญ่จะอยู่โซนนอก
เราเลยสอบถามเกี่ยวกับทริปดำน้ำกับทางที่พักไป และได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถ้าตามแพคเกจที่รวมไว้คือ การดำน้ำจอยกรุ๊ป ประมาณ 6-8 คน บริเวณโซนใน
ถ้าเราจะเหมาเรือส่วนตัวทั้งวัน สามารถเลือกจุดที่เราอยากจะแวะตรงไหนได้ทั้งโซนนอกและใน ในราคา 2500 บาท ซึ่งทางรีสอร์ทจะคืน ค่าดำน้ำในแพคเกจที่เราจะไม่รับคนละ 300 บาท และนำส่วนนี้ไปจ่ายเป็นค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าประกัน และค่าอาหารกลางวัน
ซึ่งจากข้อมูลตามที่หามาคือราคาปกติโดยทั่วไปค่ะ ปกติเหมาลำเรือเล็ก ในราคา 2500 บาท (เรือจะมีขนาดต่างๆตามจำนวนคน และราคาจะสูงขึ้น) และต้องจ่ายค่าอื่นๆเพิ่มคนละ 300 บาทเพื่อเป็นค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าประกัน และค่าอาหารกลางวัน
โดยเราสามารถใช้คูปองส่วนลดวันละ 600 ได้ด้วย ดังนั้นเท่ากับเราจะต้องจ่ายเพิ่ม 2500 x 60% = 1,500 บาท หารต่อคนแล้วคนละ 750 บาท ซึ่งเราคิดว่าคุ้มค่ามาก
ส่วนที่ 3) เราหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
ซึ่งได้รับคำแนะนำมาว่า ควรเลือกไปเที่ยวช่วงเวลาที่ตรงกับช่วงน้ำตาย หรือก็คือช่วงที่มีระดับน้ำขึ้นและลงน้อยเนื่องจากอิทธิพลของดวงจันทร์อยู่เกือบแนวตั้งฉากกับโลก
คิดง่ายๆคือ ไม่ข้างแรม/ขึ้น 8 ค่ำแล้วบวกลบไม่เกิน 2 วัน เราเลยได้ช่วงเวลาดังกล่าวที่ตรงกับวันหยุด โดยพยายามให้ใกล้ 7 ค่ำมากที่สุดที่จะไปดำน้ำ อยากเจอน้ำใสๆ เนื่องจากน้ำจะไม่ขึ้นลงรุนแรง ตะกอนต่างๆจะได้ไม่กวนจนน้ำขุ่น
ส่วนที่ 4) การวางแผนเลือกด้านการเดินทาง
ตามแผนที่ทางรีสอร์ทได้ส่งข้อมูลมาให้ ตั้งแต่ 1 ธ.ค. รถและเรือจะมีวิ่งวันละ 2 รอบ โดย
ขาไป
รอบที่ 1 : รถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ รอบ 9.00 น. และขึ้นเรือที่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล รอบ 11.30 น. จะมีแวะเที่ยวที่เกาะตะรุเตาและเกาะไข่
รอบที่ 2 : รถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ รอบ 11.00 น. และขึ้นเรือที่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล รอบ 13.30 น. เรือจะวิ่งตรงไปหลีเป๊ะไม่มีแวะเที่ยว
ขากลับ
รอบที่ 1 : เรือรอบแรก 9.30 น. ขึ้นรถตู้จากท่าเรือ 11.00 น. จะถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 13.00-13.30 น.
รอบที่ 2 : เรือรอบสอง 11.30 น. ขึ้นรถตู้จากท่าเรือ 13.00 น. จะถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 15.00-15.30 น.
ซึ่งจากการหาข้อมูลเพิ่มเติม จากสนามบินหาดใหญ่เข้าตัวเมืองหาดใหญ่ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง
จากข้อมูลเบื้องต้นเราจึงได้ตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินและวางแผนการเดินทางคือ
ขาไป เราเลือกบินไฟล์ทเช้า ให้ถึงหาดใหญ่ไม่เกิน 8.30 น. เพื่อขึ้นเรือให้ทันรอบแรก เพื่อแวะเที่ยวเกาะตะรุเตาและเกาะไข่
ขากลับ เราเลือกกลับเรือรอบแรก เพื่อแวะไปเที่ยวในเมืองหาดใหญ่ก่อนเลือกไฟล์ทกลับช่วงเย็น
ส่วนที่ 5) หาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะเพิ่มเติม
เมื่อได้จองที่พักและตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย มีเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลาไปเที่ยว เราเลยลองหาข้อมูลการท่องเที่ยวบนเกาะสักหน่อย ว่าเดินทางบนเกาะยังไง ค่าใช้จ่ายประมาณไหน ร้านอาหารน่าสนใจมีอะไรบ้าง มีข้อมูลที่น่าสนใจสรุปได้ดังนี้
- จากที่พักที่เราอยู่ (อันดารีสอร์ท) อยู่ไปทางท้ายๆของหาดซันไรส์ จากที่ส่องสตรีทวิว และเจอรีวิวในยูทูป พบว่าแถวๆ นั้นมีหาดเล็กและมีแนวปะการังหน้าหาด จึงไม่มีเรือหางยาวจอดบริเวณนี้ จึงน่าสนใจที่จะลองเดินไปชมวิว
- การเดินทางบนเกาะหลีเป๊ะ จะใช้รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ซึ่งจะคิดราคาเท่ากันหมดคือคนละ 50 บาท ส่งได้ทั่วเกาะ
- เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะไม่กว้างมาก วัดจากถ้าเดินสุดถนนตามแนวยาวของหาดซันไรส์ จะมีระยะทางประมาณ 1.5 กม. หรือเดินประมาณ 20 นาที ถ้าวัดตามแนวจากถนนคนเดินจากหาดพัทยาจะประมาณ 500 เมตร ถ้าจะไปทางหาดซันเซ็ทอาจจะไกลหน่อยแต่รวมๆแล้วรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตรก็ทั่วเกาะ
- จากที่พัก เดินไปทางถนนคนเดิน ระหว่างทางมีร้านอาหารค่อนข้างหลากหลาย
- มีจุดชมวิวมุมสูงที่นิยมไปคือ ผาชะโด ที่อยู่บนเกาะอาดัง จากข้อมูลคือต้องใช้บริการ Taxi เรือหางยาวเพื่อข้ามไปเกาะอาดังโดยราคา 100 บาท ต่อคน ต่อเที่ยว
และระยะทางขึ้นไปจุดชมวิวประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีแล้วแต่ความฟิต
มีจุดชมวิวอยู่ 3 จุดแต่จุดที่สวยที่สุดคือ จุดชมวิวที่2 เส้นทางไม่ถึงกับลำบากและอันตรายแต่ต้องระมัดระวัง มีทางลาดชันเป็นช่วงๆ
ควรเตรียมพร้อมการเดินทางพอควรเพราะต้องเดินท่ามกลางต้นไม้และป่าไผ่
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลและข้อจำกัดทางด้านสังขารและเวลาของเราเลยขอผ่านจุดนี้ดีกว่า
- การล่องเรือเพื่อทริปดำน้ำนั้น ต้องอยู่กับสภาพลมและคลื่นเป็นหลัก ซึ่งถึงแม้จะเหมาเรือหรือซื้อทริปโซนนอกไว้ ถ้าสภาพอากาศไม่เป็นใจก็อาจจะไม่สามารถไปยังจุดดำน้ำที่อยู่ไกลๆได้ และถึงแม้จะเป็นช่วงไฮซีซั่นก็ยังอาจจะมีโอกาสเจอฝนหรือคลื่นลมแรงได้