ไปเถอะ ไปเลย...ไปล่าหมอก

สวัสดีครับ ห่างหายการเขียนกระทู้ไปเสียนาน เนื่องจากช่วงนี้ไม่ค่อยสะดวกกับการพิมพ์อะไรยาวๆสักเท่าไหร่นัก
วันนี้วันพระ เลยสบโอกาสมาเขียนกระทู้ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับวันพระเลยสักหน่อย กับการเดินทางไปล่าสายหมอกที่เมืองเลย
ว่าแล้วก็เรียนเชิญเข้ามาอ่านเล่นๆ ดูรูปเพลินๆ กับกระทู้

"ไปเถอะ ไปเลย...ไปล่าหมอก" 



ทริปนี้เกิดขึ้นเนื่องจากช่วงโควิดอยู่บ้านนาน จนได้ไปสิงอยู่ใน Club House ห้องเกี่ยวกับการถ่ายภาพ แล้วมีโอกาสได้รู้จักกับพี่คนหนึ่งที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแลนด์สแคป
เลยทำกับนัดหมายกับพี่เค้า เพื่อเดินทางไปล่าหมอกสวยๆที่ จ. เลย กัน โดยทริปนี้ ผมทำหน้าที่ผู้ตามเพียงอย่างเดียว คือ ไม่คิดไม่หาข้อมูลอะไรเลย ให้พี่เค้าปักหมุด ผมมีหน้าที่ขับรถตามไปเจอพี่เค้าเท่านั้น (ทริปนี้สมองไม่ต้อง ใช้แค่แรงงานเท่านั้น)
ว่าแล้วก็จัดแจงโยนอุปรณ์ถ่ายภาพใส่รถ แล้วก็ออกเดินทางกันกันแต่เช้ามืด
เป้าหมายแรกของทริปนี้ คือ ภูค้อ ที่ อ.นาแห้ว จ.เลย

ภาพจาก Drone DJI mini2

ผมออกเดินทางจาก แจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เช้ามืด ส่วนตัวชอบเดินทางช่วงเวลานี้ เพราะรถน้อย อากาศดี เดินทางสบาย ไม่เครียดครับ
ขับรถไปเรื่อยๆ แวะข้างทางสบายๆ ไม่รีบร้อน ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงที่หมายชื่อ ทัศนีย์รีสอร์ท ที่นี่จะเป็นที่นอนของผมที่นาแห้ว และใช้บริการรถเพื่อขึ้นไปบนภูค้อในการล่าสายหมอกกันครับ

ที่นาแห้ว ช่วงกลางวันจะค่อนข้างเงียบเหงาไม่ได้มีอะไรให้เที่ยวมากนัก อาจจะเพราะวิกฤติโควิดด้วย การท่องเที่ยวที่นี่ หลักๆ คือการมาล่าสายหมอกโดยเฉพาะ
หลังจากมาถึงผมจึงเลือกที่จะพักเอาแรงที่ห้องพัก และเนื่องจากสภาพอากาศฟ้าที่ดูปิดเลยไม่ได้ไปหาที่ดูแสงเย็นที่ไหนกัน เก็บแรงไว้ช่วงเช้าเลยทีเดียวครับ

ว่าแล้วก็ไปชมสายหมอกที่ภูค้อเลยล่ะกัน เราต้องนั่งแทรกเตอร์ของทางรีสอร์ท ขึ้นไปนะครับ นัดหมายกันตั้งแต่ตีห้าเพื่อที่จะขึ้นไปให้ทันแสงแรก
เส้นทางค่อนข้างชันนั่งรถไปก็แอบลุ้นไป เพราะฟ้าปิดตลอดทาง นั่งรถตุเลงๆไปราวๆ 20 นาทีก็ถึงที่หมาย ข้างบนยังมืดๆอยู่ ก็เดินส่องไฟฉายสำรวจทิศทางกันไป
ข้างบน สามารถขึ้นมากางเต็นท์ค้างคืนได้นะครับ มีห้องน้ำบริการด้วย วันที่เราไป มีคนมากางเต็นท์ให้เราใช้เป็น foreground พอดีเลย


และแล้ว เมื่อแสงแรกมาเยือนฟ้าก็เป็นใจให้กับเรา ได้เก็บแสงสวยๆ หมอกงามๆ กันเต็มที่ 


ข้างบนสภาพอากาศเย็นสบาย อ้อ ทริปนี้ผมเดินทางไปช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน นะครับ อากาศกำลังดี หมอกก็สวย
และวันนี้ก็โชคดีมากๆที่แสงเป็นใจสุดๆ สรุปเช้านี้ฟิน...เราเดินสำรวจ ถ่ายรูปเล่นอยู่ที่นี่จนถึงสายๆ เลยทีเดียว
ที่นี่วิวค่อนข้างดี ประเมินแล้วน่าจะสามารถล่าทางช้างเผือกที่นี่ได้สบายๆเช่นกัน ชมภาพภูค้อที่เหลือกันต่อยาวๆเลยนะครับ

ลงจากภูค้อ เราก็ไปหาที่นั่งจิบกาแฟทำภาพกันไปเรื่อยๆ ร้านกาแฟที่เรานั่งวันนี้ ข้างๆกันมีก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสชาติดีอยู่ด้วย แต่จำชื่อไม่ได้ ขออภัย เลยฝากทั้งมื้อหนัก และกาแฟ แล้วนั่งกันยาวๆเลยทีเดียว
จริงๆแล้วบรรยากาศที่นาแห้ว ก็สบายๆ มีภูเขา มีทุ่งนา ถือว่าชิวๆ วิวสวย รีแลกซ์ๆไปครับ
ตกตอนเย็น ผู้ใหญ่บ้านพาเราขึ้นจุดท่องเที่ยวจุดใหม่ที่เตรียมเปิดตัวไว้ ชื่อว่า ภูใหญ่ ทางขึ้นค่อนข้างเอาเรื่องเลยทีเดียว
ต้องใช้ 4WD ขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกสวยๆ แต่ไม่เป็นไร ชมวิวเพลินๆ พร้อมรับลมเย็นๆไปแทนล่ะกันครับ


คืนนี้ เรายังนอนที่เดิมกัน เพราะตอนเช้าเราจะไปถ่ายหมอกที่ภูเก้าง้อมกันต่อครับ
จริงๆ แล้ว ภูเก้าง้อม เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมมาถ่ายหมอกกันมาก เพราะถ้าวางมุมกล้องดีๆ จะเห็นถนนเป็นเลขเก้าไทย ครับ
ผมไม่ถนัดกับมุมนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็พอได้ภาพมานิดๆหน่อยๆครับ

จริงๆ ทริปนี้วางแผนจะไปต่อกันที่ภูส่องลาว แต่ปรากฏว่าเส้นทางขึ้นเค้าปิดในช่วงที่เราไปพอดี ทริปล่าหมอกที่เลยของผมเลยต้องจบลงที่นาแห้วนี่เลย

สรุป
นาแห้ว เป็นที่ที่เหมาะกับช่างภาพที่ต้องการล่าสายหมอกเป็นอย่างมากครับ ส่วน นักท่องเที่ยวทั่วไปนั้น เมืองนี้อาจจะเงียบเหงาในช่วงกลางวันไปสักหน่อย แต่ถ้าใครต้องการหมอก วิว แสง งามๆ “ภูค้อ” ผมแนะนำเลยครับ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะครับ จริงๆแล้วยังมีทริปแม่ฮ่องสอน กับเชียงใหม่รออยู่
เดี๋ยวจะหาเวลามาเขียนกระทู้อีกทีนะครับ
สำหรับกระทู้นี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่