สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เลิกเลี้ยงดูเขา แล้วออกไปดูแลชีวิตตัวเองครับ
ึความเคยชินมันทำให้คนเราไม่เห็นคุณค่าครับ
ต้องให้เขารู้ว่า ที่เขาอยู่สบายทุกวันนี้เพราะมีคุณอยู่
แต่ผมบอกเลยนะ ยากครับ คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างคุณ ไม่เคยเห็นใครได้ดีสักคน พอแม่ตาย ทุกอย่างสลายหมด พี่ๆมารุมทึ้งหมด ไม่เหลืออะไรเลย ทั้งที่เป็นคนเสียสละที่สุดในบรรดาพี่น้อง
ซึ่งบอกเลยว่า ครอบครัวคุณเป็นแบบนั้นแน่ๆ
เพราะครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับคนที่เสียสละชีวิตตัวเองมาคอยดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า เขาจะส่งเงินให้คนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ครับ
ถ้าครอบครัวไหนไม่เคยให้อะไรคนที่เสียสละดูแลพ่อแม่เลย
พ่อแม่ตายเมื่อไหร่ จะเกิดเหตุการณ์แร้งทึ้งทันทีครับ
ึความเคยชินมันทำให้คนเราไม่เห็นคุณค่าครับ
ต้องให้เขารู้ว่า ที่เขาอยู่สบายทุกวันนี้เพราะมีคุณอยู่
แต่ผมบอกเลยนะ ยากครับ คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างคุณ ไม่เคยเห็นใครได้ดีสักคน พอแม่ตาย ทุกอย่างสลายหมด พี่ๆมารุมทึ้งหมด ไม่เหลืออะไรเลย ทั้งที่เป็นคนเสียสละที่สุดในบรรดาพี่น้อง
ซึ่งบอกเลยว่า ครอบครัวคุณเป็นแบบนั้นแน่ๆ
เพราะครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับคนที่เสียสละชีวิตตัวเองมาคอยดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า เขาจะส่งเงินให้คนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ครับ
ถ้าครอบครัวไหนไม่เคยให้อะไรคนที่เสียสละดูแลพ่อแม่เลย
พ่อแม่ตายเมื่อไหร่ จะเกิดเหตุการณ์แร้งทึ้งทันทีครับ
ความคิดเห็นที่ 18
เอาเคสผมนะ ผมมีพี่น้องรวมผม 2 คน ผมคนโต น้องชายห่างจากผม 6 ปี ผมทำงานตั้งแต่ 18 -19 ตั้งแต่นั้นผมคิดเสมอว่าสมบัติของแม่คือของแม่ไม่คิดจะเอาสมบัติแม่จะให้ใครก็เรื่องของแม่ สมัยปี 36 - 37 แม่มีตึกแถว 3 ชั้น กับทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 1 หลัง น้องจะเรียน ป.ตรี ม.เอกชน แม่ก็ขายตึกแถวส่งน้องชายเรียนจนจบ แม่ชอบพูดเสมอว่ารักลูกทุกคนเท่ากัน สมบัติของแม่ๆ จะแบ่งให้เท่าๆกัน แต่สิ่งที่แม่ทำตรงกันข้ามหมดทุกอย่าง
มาหลายปีก่อน น้องชายกับภรรยา ร่วมกันเปิดบริษัท และหาทุนไปซื้อของเพื่อเอามาขาย แม่ก็เอาทาวน์เฮ้าส์ชื่อตัวเองไปจดจำนองกับธนาคารเพื่อเอาเงินออกมาให้น้องชายกับภรรยาหมุนบริษัท โดยที่ไม่เคยปรึกษาผมเลยทั้งแม่ และน้องชายร่วมกันปกปิดผม เพราะผมและญาติ ๆ เคยกำชับแม่ว่าห้ามเอาทาวน์เฮ้าส์ชื่อแม่ไปทำอะไรเพราะเป็นที่อยู่สุดท้ายของแม่ สุดท้ายทาวน์เฮ้าส์ของแม่ก็กำลังจะถูกยึด
ที่เจ็บแสบกว่าคือแม่บอกให้ผมที่ไม่มีหนี้สิน บ้านไม่ต้องผ่อน (อยู่บ้านภรรยา) รถก็ไม่ต้องผ่อน (ซื้อเงินสด) ให้ผมไปกู้แบงค์เพื่อเอาทาวน์เฮ้าส์ออกมาจากที่น้องทำเละเทะไว้ ผมบอกแม่ว่าไม่สะดวก มันดูตลกมากที่ผมต้องมานั่งใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ
ส่วนตัวผมเองไม่เคยคิดอยากได้สมบัติของแม่ แต่เพียงแค่เสียดายที่มันควรถูกนำไปใช้ในกรณีที่มีจำเป็นจริง ๆ เช่น ถ้าวันหนึ่งแม่ต้องใช้เงินรักษาตัวเองยามเจ็บป่วย แต่ไม่ใช่ไปกับน้องชายที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้
มาหลายปีก่อน น้องชายกับภรรยา ร่วมกันเปิดบริษัท และหาทุนไปซื้อของเพื่อเอามาขาย แม่ก็เอาทาวน์เฮ้าส์ชื่อตัวเองไปจดจำนองกับธนาคารเพื่อเอาเงินออกมาให้น้องชายกับภรรยาหมุนบริษัท โดยที่ไม่เคยปรึกษาผมเลยทั้งแม่ และน้องชายร่วมกันปกปิดผม เพราะผมและญาติ ๆ เคยกำชับแม่ว่าห้ามเอาทาวน์เฮ้าส์ชื่อแม่ไปทำอะไรเพราะเป็นที่อยู่สุดท้ายของแม่ สุดท้ายทาวน์เฮ้าส์ของแม่ก็กำลังจะถูกยึด
ที่เจ็บแสบกว่าคือแม่บอกให้ผมที่ไม่มีหนี้สิน บ้านไม่ต้องผ่อน (อยู่บ้านภรรยา) รถก็ไม่ต้องผ่อน (ซื้อเงินสด) ให้ผมไปกู้แบงค์เพื่อเอาทาวน์เฮ้าส์ออกมาจากที่น้องทำเละเทะไว้ ผมบอกแม่ว่าไม่สะดวก มันดูตลกมากที่ผมต้องมานั่งใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ
ส่วนตัวผมเองไม่เคยคิดอยากได้สมบัติของแม่ แต่เพียงแค่เสียดายที่มันควรถูกนำไปใช้ในกรณีที่มีจำเป็นจริง ๆ เช่น ถ้าวันหนึ่งแม่ต้องใช้เงินรักษาตัวเองยามเจ็บป่วย แต่ไม่ใช่ไปกับน้องชายที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 3
อายุ 50 ไม่มากเกินไปที่จะเริ่มใหม่
ถ้าเท่าที่คุณเล่ามา คุณได้ทำจริงๆไม่ได้โม้ คือ ทำงานบ้าน งานสวน งานไร่ และดูแลคน มาแล้วด้วย
อย่ากลัวที่จะเริ่มใหม่ ถ้าคุณอาศัยเขาอยู่ในบ้าน ทำงานอะไรไป เขาก็ว่าคุณทำงานแลกค่ากินอยู่ไง เลยไม่จ่ายเงิน ทั้งๆที่ ถ้าให้คนอื่นมาทำ ก็ต้องจ้างเค้า
อยู่ในบ้านเขาในฐานะผู้อาศัย ก็ต้องโดนข่มเหงต่อไป เขาจะให้อะไร/ไม่ให้อะไร คุณไม่มีเงินจะเอาที่ไหนไปฟ้องแบ่งสมบัติ
อีกอย่าง แม่ก็ยังไม่เสียชีวิต เขาแบ่งอะไรให้ใคร ไม่ถือเป็นมรดก คุณฟ้องเขาไม่ได้นิ
แม่บ้านที่ทำงานเรา อายุ 70 แล้ว แกมาจากอีสานเลย
แกบอก งานที่นี่สบายกว่าอยู่บ้านเยอะ เข้างาน-เลิกงานเป็นเวลา
มีวันหยุด หลังเลิกงาน แกเอาไปรับจ๊อบทำความสะอาดตามคอนโด หมู่บ้าน มีลูกค้าประจำไปทำสะอาดบ้านเขาทุกอาทิตย์ ประหยัด อดออม รวมๆได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 3 หมื่น แกโม้เองนะ เราไม่ได้นินทา
ถ้าเท่าที่คุณเล่ามา คุณได้ทำจริงๆไม่ได้โม้ คือ ทำงานบ้าน งานสวน งานไร่ และดูแลคน มาแล้วด้วย
อย่ากลัวที่จะเริ่มใหม่ ถ้าคุณอาศัยเขาอยู่ในบ้าน ทำงานอะไรไป เขาก็ว่าคุณทำงานแลกค่ากินอยู่ไง เลยไม่จ่ายเงิน ทั้งๆที่ ถ้าให้คนอื่นมาทำ ก็ต้องจ้างเค้า
อยู่ในบ้านเขาในฐานะผู้อาศัย ก็ต้องโดนข่มเหงต่อไป เขาจะให้อะไร/ไม่ให้อะไร คุณไม่มีเงินจะเอาที่ไหนไปฟ้องแบ่งสมบัติ
อีกอย่าง แม่ก็ยังไม่เสียชีวิต เขาแบ่งอะไรให้ใคร ไม่ถือเป็นมรดก คุณฟ้องเขาไม่ได้นิ
แม่บ้านที่ทำงานเรา อายุ 70 แล้ว แกมาจากอีสานเลย
แกบอก งานที่นี่สบายกว่าอยู่บ้านเยอะ เข้างาน-เลิกงานเป็นเวลา
มีวันหยุด หลังเลิกงาน แกเอาไปรับจ๊อบทำความสะอาดตามคอนโด หมู่บ้าน มีลูกค้าประจำไปทำสะอาดบ้านเขาทุกอาทิตย์ ประหยัด อดออม รวมๆได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 3 หมื่น แกโม้เองนะ เราไม่ได้นินทา
ความคิดเห็นที่ 13
ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รอบคอบ
ไม่ละเอียดเรื่องเงินเอง ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา
จริงๆเขาไม่ให้สมบัติยังไม่เจ็บเท่า
คุณที่ปล่อยตัวเองทำงานโดยไม่มีทรัพย์เป็นชื่อตัวเอง
สร้างกับพี่3 ก็ต้องเป็นชื่อคุณกับพี่3สิ
อันนี้ทำกับพี่3
ยกเงินให้พี่3
หวังให้เขาส่งลูกคุณเรียน
ทำไมไม่รับเป็นเงินเดือน
แบ่งออม แบ่งส่งลูกตัวเองเรียนเอง
มาขนาดนี้แล้ว อายุก็ปาไปเท่าไหร่แล้ว
เราเข้าใจว่ามันเริ่มยาก
ยิ่งไม่มีสกิลทำงานข้างนอกอีก
ทำอะไรไม่ได้ก็สอนลูกนะคะว่าให้รอบคอบเรื่องเงิน
จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำรอยคุณ
ไม่ละเอียดเรื่องเงินเอง ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา
จริงๆเขาไม่ให้สมบัติยังไม่เจ็บเท่า
คุณที่ปล่อยตัวเองทำงานโดยไม่มีทรัพย์เป็นชื่อตัวเอง
สร้างกับพี่3 ก็ต้องเป็นชื่อคุณกับพี่3สิ
อันนี้ทำกับพี่3
ยกเงินให้พี่3
หวังให้เขาส่งลูกคุณเรียน
ทำไมไม่รับเป็นเงินเดือน
แบ่งออม แบ่งส่งลูกตัวเองเรียนเอง
มาขนาดนี้แล้ว อายุก็ปาไปเท่าไหร่แล้ว
เราเข้าใจว่ามันเริ่มยาก
ยิ่งไม่มีสกิลทำงานข้างนอกอีก
ทำอะไรไม่ได้ก็สอนลูกนะคะว่าให้รอบคอบเรื่องเงิน
จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำรอยคุณ
แสดงความคิดเห็น
จะทำอย่างไรเมื่อแม่ยกสมบัติให้ลูกทุกคนยกเว้นฉัน
เราเป็นผญอายุ49แล้ว เคยมีครอบครัว แต่เลิกกับสามีแล้ว(เขาไปมีคนอื่น) เหลือแต่ลูกไว้ให้เรา
เราทำงานทุกอย่างที่บ้าน(ที่บ้านเลี้ยงสัตว์) เราทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด เงินที่ได้พี่3เป็นคนเก็บหมด เราหวังว่าเราทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้เขาส่งลูกเราเรียน เพราะเขาเก็บทุกบาททุกสตางค์
วันหนึ่งพี่4(ลูกชายคนเดียว)กลับเข้าบ้านมาจากที่เขาแยกครอบครัวไปแล้ว เขาเข้ามาสร้างโรงรถ สร้างนู่นนี่นั่น มาทำดีกับแม่ ซื้อนมมาให้ (โดยใช้เงินแม่) แต่แม่ก็รัก ผิดกับเราที่ทำทุกอย่างเลี้ยงดู เช็ดสารพัด ป้อนข้าว แต่เขาไม่รัก หลายครั้งเคยป้อนข้าวไป แล้วพี่3มา แม่บอกเขาว่าไม่มีใครหาข้าวให้กิน ทั้งๆที่จานข้าวที่เราป้อนยังไม่ทันล้างเลย พี่3ก็มาด่าว่าไม่ดูแลแม่
ครั้งหนึ่งพี่3ให้ลูกเราเสียค่าไฟที่บ้าน ลูกเราเห็นว่าชื่อเจ้าของบ้านเป็นชื่อพี่4 เรามารู้ทีหลังว่าบ้านที่อยู่ทุกวันนี้เป็นชื่อพี่4 รวมทั้งรถด้วย สมบัติทุกอย่างแม่จัดแจงยกให้พี่3,4หมดแล้ว
คำถามคือแล้วเราล่ะ ลูกเราอีกล่ะ เราอายุมากแล้ว ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย เรียกร้องก็ไม่ได้ เขาหาว่าอยากได้สมบัติแม่ แต่คือที่จริงเราสมควรที่จะได้ไม่ใช่หรอ เราดูแลแม่ แต่ทำไมแม่ให้คนที่ไม่เคยดูแลแม่มาตั้งแต่แรก
เราสามารถเรียกร้องสิทธิของเราได้ทางใหนได้บ้างคะ
เราไม่ได้อยากได้สมบัติขนาดนั้นแต่เราอยากได้เพื่อให้ลูก ลูกเรายังเรียนอยู่