คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ทำอะไรไม่ได้มาก ได้แต่บอกว่า ทำใจครับ
แนะนำแบบนี้ละกัน
1. ทำตัวเองให้ดีที่สุด อย่าเครียดและอย่ากดดันจนตัวเองและครอบครัวไม่มีความสุข
2. มองรอบๆข้างให้ถ้วนถี่ ในระหว่างที่เรายังไปไม่ถึงฝั่งฝัน ให้มองคนที่อยู่บนเราเป็นเป้าหมาย ให้มองคนที่อยู่ล่างเราเป็นกำลังใจ
3. ในทุกๆวัน ทำให้ดีที่สุด และมีความสุขไปกับปัจจุบัน
4. ปรับเปลี่ยนจิตใจตัวเอง ยินดีที่คนอื่นมีความสุข และหาความสุขของตัวเองให้เจอครับ อย่าไปคาดหวังอะไรกับคนอื่นแม้กระทั่งสามีหรือลูกก็ตาม
คนเรามีความต้องการมากมาย ความต้องการเหล่านั้นก็ใช่ว่าแต่ละคนจะสามารถเติมเต็มมันได้ แต่ละคนก็ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งไว้แตกต่างกัน
แนะนำแบบนี้ละกัน
1. ทำตัวเองให้ดีที่สุด อย่าเครียดและอย่ากดดันจนตัวเองและครอบครัวไม่มีความสุข
2. มองรอบๆข้างให้ถ้วนถี่ ในระหว่างที่เรายังไปไม่ถึงฝั่งฝัน ให้มองคนที่อยู่บนเราเป็นเป้าหมาย ให้มองคนที่อยู่ล่างเราเป็นกำลังใจ
3. ในทุกๆวัน ทำให้ดีที่สุด และมีความสุขไปกับปัจจุบัน
4. ปรับเปลี่ยนจิตใจตัวเอง ยินดีที่คนอื่นมีความสุข และหาความสุขของตัวเองให้เจอครับ อย่าไปคาดหวังอะไรกับคนอื่นแม้กระทั่งสามีหรือลูกก็ตาม
คนเรามีความต้องการมากมาย ความต้องการเหล่านั้นก็ใช่ว่าแต่ละคนจะสามารถเติมเต็มมันได้ แต่ละคนก็ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งไว้แตกต่างกัน
แสดงความคิดเห็น
ความรู้สึกอิจฉาเพื่อนร่วมงานจะแก้ยังไงได้บ้าง
เพื่อนร่วมงานที่ เริ่มทำงานด้วยกันตั้งแต่เรียนจบ ทำงานได้สักพักต่างก็แต่งงานมีครอบครัว ฐานะครอบครัว หน้าที่การงาน ไม่ต่างกันมาก ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานอยู่ในเกณฑ์ดี ช่วยเหลือกันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ต่างก็รู้จักครอบครัวของกันและกัน ไม่เคยมีปัญหากันเลย
แต่แล้วความรู้สิกอิจฉาก็เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ สามีเพื่อนได้เลื่อนตำแหน่งใหญ่โตในสังคม เพื่อนเริ่มมีคำนำหน้าที่คนรอบข้างเพิ่มให้โดยอัตโนมัติ
คุณนายท่าน........... สิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงคือ เพื่อนได้รับอภิสิทธิ์(คิดเอาเอง) ขอย้ายไปทำงานในตำแหน่งที่ต้องการได้โดยง่าย คนในที่ทำงานให้ความเชื่อถือ ไว้วางใจ ประเมินผลงานได้ระดับดีเยี่ยมทุกปีเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นทุกๆปี ของขวัญ ของฝาก จากทั่วสารทิศ มาไม่ขาดสาย จะซื้อของกินข้าวใช้บริการได้ส่วนลด ของแจก ของแถม กินอาหารแต่ร้านดีๆ เสื้อผ้าหน้าผม กระเป๋า ของใช้ เปลี่ยนเป็นของแบนด์เนม เครื่องสำอางหลักหมื่น ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านอะไรสามีจ่ายให้ ลูกก็เรียนเก่งได้รางวัลโน่นนี่นั่นสอบติดหมอไปอีก กินดีอยู่ดีทำไรก็สำเร็จไปหมด ฯลฯ บลา บลา บลา........
หันกลับมาดูตัวเอง สามีไม่ประสบความสำเร็จในงานลาออกมาอยู่บ้านรายได้จากที่เคยได้ 7-8 หมื่นเหลือแค่เดือนละหมื่นกว่า-สองหมื่น ค่าใช้จ่ายในบ้านส่วนใหญ่เราก็ต้องมารับภาระเพิ่ม เงินที่จะต้องใช้ดูแลตัวเองต้องลดลง เสื้อผ้า กระเป๋า ของใช้ ต้องรอลดราคามากกว่า 50% อาหารการกินต้องซื้ออาหารจากตลาดมาทำเอง กินอาหารในร้านส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารจานเดียวประหยัดค่าใช้จ่าย ลูกอยากเรียนพิเศษก็ให้ลูกไม่ได้ตามที่เขาขอ ที่พีคสุดคือมาป่วยหนักเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย งานก็ต้องทำประเมินผลงานก็ได้แบบกลางๆต่อให้ทุ่มเทแค่ไหนก็ได้เท่าเดิม จะลาออกจากงานก็ไม่ได้ ลูกยังเรียนไม่จบ สามีก็มาลาออกทั้งๆที่รู้ว่าเราป่วย ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตตอนนี้คืออยู่ไปวันๆ อยู่เพื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อตัวเองเลย
อิจฉาเพื่อนที่มีสามีประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งมันเป็นจุดที่เราเคยฝันไว้ก่อนที่สามีจะลาออก
อิจฉาเพื่อนที่ได้ประเมินผลงานดีกว่าทุกปี ได้ของขวัญจากเจ้านายดีกว่า ได้สิทธิพิเศษในที่ทำงาน
อิจฉาเพื่อนเวลาสั่งเสื้อผ้า ของใช้ กระเป๋าแบนด์เนมมาแล้วบอกเราว่า สามีถอยให้ /ใช้บัตรสามีรูด /ของขวัญจากสามี
อิจฉาเพื่อน ที่มีลูกเรียนเก่ง และมึกำลังสามารถสนับสนุนลูกได้เต็มที่
อิจฉาเพื่อน ที่ได้อยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดี
ต่อหน้าเพื่อนก็ยินดีไปกับเขาล่ะ แต่ในใจและความรู้สึกที่ติดมาทุกครั้ง อิจฉา อิจฉา อิจฉา................................อยากลบความรู้สึกนี้ไปจากใจ
ปล. ไม่ใช่สายบุญ ไม่นั่งสมาธิ นะค่ะ