รู้ไว้ไม่งง (โง่) กับ พนักงานขนส่งสีแดง(ชื่อที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน)

ออกตัวก่อนว่ามันคือเรื่องจริง  ไม่ได้มีเจตนาในการทำลายชื่อเสียงแต่อย่างใด  เนื้อหามีน้ำค่อนข้างเยอะ  แต่ก็อยากให้ทราบในรายละเอียด (ยิบๆ)

เหตุการณ์เกิดวันที่ 10/2/2565 เวลาประมาณ 10.00 น. กว่าๆ

เราได้ทำการซื้อขายลงสินค้ากับ APP หนึ่ง  ลงขายไม่นาน ก็มีคนติดต่อมาขอซื้อ  เพราะราคาถูกและสภาพใหม่ (เป็นนิยาย) อ่านครั้ง สองครั้งก็ปล่อยขายแล้ว และเนื่องจากว่าในช่วงโควิด (จำไม่ได้ตั้งแต่ ยุคตอนต้นหรือกลางๆ เราได้ทำการพักร้อนเรื่องการขาย  และเราไม่ได้ขายหนังสือเป็นอาชีพ  แค่อ่านเสร็จแล้วรู้สึกว่าไม่ถูกจริตถึงขนาดอยากจะเก็บไว้ก็จะทำการปล่อยขายในทันที  บางเรื่องมีทั้งของเราและพี่สาว แต่นิยายเรื่องนี้เป็นของพี่สาว  แต่เราเป็นคนเอาไปส่ง) 

ตอนลงแอปเพื่อขายนั้น  ก็จะงงๆ  เพราะหน้าตาเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย  ทุกทีเราจะลงเป็นแบบครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง (เราใช้มือถือในการ Post ขาย)  แต่ทีนี้พอเราจะกลับมาลงขายจึงได้ทำ 2 อย่างในแอปนี้คือ ปลดล็อคเรื่องคนขายลาพักร้อน  กับถ่ายรูปโพสต์รายละเอียดลงขายเลย 

ตอนให้เลือกเรื่องการขนส่ง  คราวนี้เราเลือกให้ผู้ซื้อเสียค่าจัดขนส่ง 23 บาท  แต่ทางแอปไม่ได้ให้มีการเลือกว่าจะใช้ของเจ้าไหน  (อาจจะเคยลงมาแต่ช้านานแต่จำไม่ได้ ทุกทีแค่ลงน้ำหนักกับแค่มีตัวเลื่อนว่าครอบคลุมในค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง  เช่นถ้าตั้งราคาของไว้ 380 ก็จะไม่มีราคาค่าส่ง ลูกค้าจะจ่ายเงินแค่ 380 บาทเพียวๆ) 

พอขึ้นแค่ว่าให้ผู้ซื้อเสียค่าจัดขนส่ง 23 บาท ไม่มีตัวเลือกอะไรให้ดูเลยว่าเป็นของขนส่งเจ้าไหน   ด้วยความเคยชินของเราจึงไปที่ขนส่งสีแดงซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาแต่ช้านาน  

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

พอทำการส่งเสร็จก็ยังไม่ได้ก้าวขาออกที่ทำการแต่อย่างใด  เราจะชอบเอาเลข tracking กรอกให้ลูกค้าก่อนออกจากที่ขนส่งนั้นๆเพื่อ
1. กันลูกค้าCancle 
2. ถ้าลูกค้าCancleระหว่างส่ง  ยังสามารถเอาคืนได้ทันท่วงที และไม่ต้องเดินกลับมาเอาไกล

และหลังจากที่ส่งและได้ trackingมาแล้วกำลังจะกรอก  ปรากฏว่ากรอกไม่ได้จร้า...เพราะว่าทางแอปขึ้นให้ส่งแต่ทางขนส่งสีแดงเหมือนกัน  แต่เป็นเจ้าสมัยใหม่จากอินโดฯที่มาตีตลาดไทยมาเปิดปีกรกฎาคม 2561

ตอนแรกว่าจะโทรหาลูกค้าให้ยกเลิกคำสั่งซื้อ  แล้วเราแก้ไขข้อมูลใหม่ดีมั๊ย  แต่ปรากฎว่ามันค่อนข้างเสี่ยง(ลูกค้ายกเลิกไม่ซื้อแล้ว)  และก็ดูไม่ดีด้วย (โทรหาลูกค้าโดยตรง) 

เลยเปลี่ยนใจยังไงก็คงต้องขอคืนพัสดุจากขนส่งสีแดงคู่คนไทยมาช้านานแล้วล่ะ  มันน่าจะง่ายกว่า  เพิ่งผ่านไปเอง (สาขานี้คนน้อยแต่มีมาเรื่อยๆ)

ตอนไปขอคืนมีพี่พนักงานผู้หญิงเขากำลังรับลูกค้าอยู่  ส่วนเราก็ไปต่อแถวจากลูกค้าคนนั้น  พอดีมีพี่พนักงานชายอยู่  เขาจึงถามว่าทำอะไรครับ  เราก็เลยเล่าไปว่ามาขอรับพัสดุคืน  พร้อมยื่นใบเสร็จให้  เขาเอาไปดูแล้วก็หาพัสดุคืนให้  (จำไม่ได้ว่ายื่นให้พี่พนักงานผู้หญิง  หรือว่าวางไว้บนโต๊ะพี่พนักงานผู้หญิง)  แล้วก็บอกกับพนักงานพี่ผู้หญิงว่า  

"เดี๋ยวคืนให้น้องเขาด้วย"  จากนั้นก็เดินไปที่อื่น

เราเล่าให้พี่พนักงานผู้หญิงฟังอีกครั้งว่าที่เราต้องขอคืนเพราะอะไร  ทีนี้พี่พนักงานผู้หญิงก็บอกว่าคืนได้แค่ของนะ  แต่ไม่คืนเงิน
 
เราก็ทำใจไว้แล้วว่า OK ช่างมัน เสีย 38 บาท ดีกว่าเสียเงินหลัก 100 

แต่ทีนี้เราจะขอใบเสร็จ  เพื่อเอาไปยันกับพี่สาวว่าเราต้องเสียเงิน 38 บาทไปฟรีๆ

ทางพนักงานผู้หญิงก็จะไม่ให้  แต่เราก็ยืนยันคำเดิมว่าต้องเอาไปให้ได้  พร้อมกับพูดว่าอ่อยๆประมาณว่า

"เงินก็ไม่ได้คืน  ทำไมใบเสร็จถึงคืนใบเสร็จมาไม่ได้ ละคะ  "  (ตอนนั้นยังซื๋อๆ+ไม่รู้อยู่  เสียงเลยยังอ่อย + สมองยังต้องคิดว่าจะข้ามไปเอาจักรยานขี่ไปตลาดเพื่อขนส่งนั้นหรือจะเดินไปดี)  แต่ก็ยังสำทับไปอีกประมาณว่า  "ต้องเอาใบเสร็จนี้ไปเป็นหลักฐานให้เจ้าของดูค่ะ"

ทีนี้ทางพนักงานผู้หญิงเขายอมว่าคืนเงิน  และแกะสติกเกอร์แปะหน้าพัสดุออกพร้อมยึดใบเสร็จ  แล้วมีการขู่อีกว่าคราวหน้าจะไม่มีการคืนเงินให้แล้วนะคะ

แน่ะ!!  ขู่อีก!!

ทีนี้สมองเริ่มมานิดๆแล้ว

อ้าวตอนนี้คุณสามารถคืนเงินได้  แปลว่าอะไร?

คุณตั้งกฎขึ้นมาเอง หรือว่า...?

แต่ด้วยความรีบ  เพราะสั่งของเอาไว้ก่อนจะมาที่ขนส่งนี้  แล้วต้องรีบส่งพัสดุนี้ให้มันเสร็จๆไปด้วย  จึงไม่หือไม่อือรีบออกไปส่งพัสดุทำธุระก่อน 

กว่าจะเดินไปถึง  ปรากฏว่าขนส่งเจ้านั้นเปลี่ยนเป็นขนส่งสีเหลืองแทนทีนี้กลุ้ม+ร้อนรนเลย เปิดดูว่าที่ใกล้สุดอยู่ตรงไหน  และโทรถามทาง
พอดีมีคนลงจากมอไซด์เลยกวักมือเรียกมอไซด์  พร้อมกับยื่นมือถือที่คนในสายบอกทาง

โชคดีที่มอไซด์รู้จักเลยรอดตัวไป  เราเลยเล่าถึงเรื่องที่เกิดมาเมื่อกี้

มอไซด์แนะให้แจ้งตำรวจ  คิดในใจนี่ก็เกินป๊ายยยย

ทีนี้ตอนแรกว่าจะเข้าไปคุยกับทางหัวหน้าทางขนส่งสาขานั้นก่อนว่า...มีกฎนี้จริงมั๊ย  (แต่ในใจว่าไม่น่าจะมีกฎนี้นะ  ยึดเงินลูกค้าเนี่ย)

หลังจากที่ส่งพัสดุเสร็จแล้วตอนท้าย  มอไซด์แนะว่า

"หรือไม่ก็โทรเข้า call center  และขอเบอร์ที่นั่นคุยกับหัวหน้าของสาขานั้นไปเลย"

เราจึงเพิ่งคิดขึ้นได้ว่า  เออ....เน๊อะ  แบบนี้สะดวกกว่า  เพราะเราขี้เกียจเดินเข้าไปอีก  แถมต้องขี่จักรยานกลับไปเอาของด้วยสั่งของมาค่อนข้างเยอะ  ฝนก็ไม่รู้ว่าจะเทลงมาอีกมั๊ย  ก็เลยรีบกลับไปดีกว่า

จริงๆเบอร์โทรเสิร์ชหาจากในเน็ตมันก็มี แม้จะเป็นเบอร์ 02xxx xxxx ก็ตาม  แต่เราอยากทราบกฎนี้ก่อนว่ามีจริงมั๊ย  ก่อนที่จะโทรหาหัวหน้าสาขานั้น  (เพราะเราไม่รู้ระดับความสนิทสนมกันของคนในองค์กร)

กลับมาแล้วจึงโทรเข้าหา call center  แจ้งเล่าเรื่องราวทั้งหมด  ซึ่งทาง call center ให้ข้อมูลว่ามันมี 2 กรณี

1. คือกรณีที่รถส่งพัสดุของเราออกไปแล้ว  ลูกค้าจะไม่ได้เงินคืนจริง  เพราะถือว่าเป็นค่าขนส่งที่เกิดขึ้นจริง
2. แต่ถ้าสินค้ายังไม่มีการขึ้นรถแล้วออกไป  ลูกค้าจะได้เงินคืนไม่มีการเก็บเงินค่ะ

เราก็เลยร้องเรียนไปทาง call center ซึ่งทาง call center ขอชื่อสาขาไป  พร้อมชื่อพนักงาน  แต่เราไม่รู้จักชื่อเลยบอกว่า  ไม่ทราบชื่อ  แต่พี่ผู้หญิงอยู่เค้าเตอร์ 3 ค่ะ

เราไม่รู้หรอกว่าหลังจากรับเรื่องเคสของเราไปแล้วเขาจะแจ้งหัวหน้าสาขานั้นให้  หรือว่าเรื่องจะจบหลังจากที่วางสายเราไป เพราะถือว่าเขาก็ไม่ได้เอาเงินเราไป  แม้ว่าเขาจะทำพฤติกรรมเสื่อมเสียทำให้ชื่อเสียงของขนส่งนั้นเสียไปก็ตาม 

แต่ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นความรู้จะได้ไม่โดนเอาเปรียบ

แม้สุดท้ายเราจะได้เงินคืน  และแค่เสียเวลาในการเจรจาไปนิดหน่อย  

บางคนอาจจะคิดว่า...ก็แค่เงิน 38 บาท

ก็ได้เงินคืนแล้ว  ยังต้องการอะไร?

เราอยากให้โฟกัสตรงที่

#   พนักงานไม่มีความซื่อสัตย์ค่ะ  #

และเราอยากให้อย่างน้อยก็ได้เกิดการรู้เท่าทัน  ใครที่กำลังจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้  แล้วเคยอ่านกระทู้นี้ 

แล้วเอ๊ะ?...ฉันเคยเจอกระทู้หนึ่งเล่าให้ฟัง  ฉันไม่จำเป็นต้องเสียเงินนี่  แล้วคุณจะยึดเงินฉันไปทำไม แล้วโต้ตอบกับคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์แบบนี้ได้  ไม่โดนโกง  (แม้เป็นเงินจำนวนอันน้อยนิดที่เกือบซื้อข้าวกินได้หนึ่งมื้อ  แต่ถ้าทำได้หลายคนก็หลายมื้อ  แทบเป็นการหาอาชีพเสริม  แค่นั่งเฉยๆรอเหยื่อที่ดูมึนๆที่ดูไม่รู้เรื่องก็พอ  )

รู้ไว้ไม่งง (ไม่โง่เป็นเหยื่อ)  นะจ๊ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่