ออกตัวก่อนว่ามันคือเรื่องจริง ไม่ได้มีเจตนาในการทำลายชื่อเสียงแต่อย่างใด เนื้อหามีน้ำค่อนข้างเยอะ แต่ก็อยากให้ทราบในรายละเอียด (ยิบๆ)
เหตุการณ์เกิดวันที่ 10/2/2565 เวลาประมาณ 10.00 น. กว่าๆ
เราได้ทำการซื้อขายลงสินค้ากับ APP หนึ่ง ลงขายไม่นาน ก็มีคนติดต่อมาขอซื้อ เพราะราคาถูกและสภาพใหม่ (เป็นนิยาย) อ่านครั้ง สองครั้งก็ปล่อยขายแล้ว และเนื่องจากว่าในช่วงโควิด (จำไม่ได้ตั้งแต่ ยุคตอนต้นหรือกลางๆ เราได้ทำการพักร้อนเรื่องการขาย และเราไม่ได้ขายหนังสือเป็นอาชีพ แค่อ่านเสร็จแล้วรู้สึกว่าไม่ถูกจริตถึงขนาดอยากจะเก็บไว้ก็จะทำการปล่อยขายในทันที บางเรื่องมีทั้งของเราและพี่สาว แต่นิยายเรื่องนี้เป็นของพี่สาว แต่เราเป็นคนเอาไปส่ง)
ตอนลงแอปเพื่อขายนั้น ก็จะงงๆ เพราะหน้าตาเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย ทุกทีเราจะลงเป็นแบบครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง (เราใช้มือถือในการ Post ขาย) แต่ทีนี้พอเราจะกลับมาลงขายจึงได้ทำ 2 อย่างในแอปนี้คือ ปลดล็อคเรื่องคนขายลาพักร้อน กับถ่ายรูปโพสต์รายละเอียดลงขายเลย
ตอนให้เลือกเรื่องการขนส่ง คราวนี้เราเลือกให้ผู้ซื้อเสียค่าจัดขนส่ง 23 บาท แต่ทางแอปไม่ได้ให้มีการเลือกว่าจะใช้ของเจ้าไหน (อาจจะเคยลงมาแต่ช้านานแต่จำไม่ได้ ทุกทีแค่ลงน้ำหนักกับแค่มีตัวเลื่อนว่าครอบคลุมในค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง เช่นถ้าตั้งราคาของไว้ 380 ก็จะไม่มีราคาค่าส่ง ลูกค้าจะจ่ายเงินแค่ 380 บาทเพียวๆ)
พอขึ้นแค่ว่าให้ผู้ซื้อเสียค่าจัดขนส่ง 23 บาท ไม่มีตัวเลือกอะไรให้ดูเลยว่าเป็นของขนส่งเจ้าไหน ด้วยความเคยชินของเราจึงไปที่ขนส่งสีแดงซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาแต่ช้านาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สาขาปากน้ำ
พอทำการส่งเสร็จก็ยังไม่ได้ก้าวขาออกที่ทำการแต่อย่างใด เราจะชอบเอาเลข tracking กรอกให้ลูกค้าก่อนออกจากที่ขนส่งนั้นๆเพื่อ
1. กันลูกค้าCancle
2. ถ้าลูกค้าCancleระหว่างส่ง ยังสามารถเอาคืนได้ทันท่วงที และไม่ต้องเดินกลับมาเอาไกล
และหลังจากที่ส่งและได้ trackingมาแล้วกำลังจะกรอก ปรากฏว่ากรอกไม่ได้จร้า...เพราะว่าทางแอปขึ้นให้ส่งแต่ทางขนส่งสีแดงเหมือนกัน แต่เป็นเจ้าสมัยใหม่จากอินโดฯที่มาตีตลาดไทยมาเปิดปีกรกฎาคม 2561
ตอนแรกว่าจะโทรหาลูกค้าให้ยกเลิกคำสั่งซื้อ แล้วเราแก้ไขข้อมูลใหม่ดีมั๊ย แต่ปรากฎว่ามันค่อนข้างเสี่ยง(ลูกค้ายกเลิกไม่ซื้อแล้ว) และก็ดูไม่ดีด้วย (โทรหาลูกค้าโดยตรง)
เลยเปลี่ยนใจยังไงก็คงต้องขอคืนพัสดุจากขนส่งสีแดงคู่คนไทยมาช้านานแล้วล่ะ มันน่าจะง่ายกว่า เพิ่งผ่านไปเอง (สาขานี้คนน้อยแต่มีมาเรื่อยๆ)
ตอนไปขอคืนมีพี่พนักงานผู้หญิงเขากำลังรับลูกค้าอยู่ ส่วนเราก็ไปต่อแถวจากลูกค้าคนนั้น พอดีมีพี่พนักงานชายอยู่ เขาจึงถามว่าทำอะไรครับ เราก็เลยเล่าไปว่ามาขอรับพัสดุคืน พร้อมยื่นใบเสร็จให้ เขาเอาไปดูแล้วก็หาพัสดุคืนให้ (จำไม่ได้ว่ายื่นให้พี่พนักงานผู้หญิง หรือว่าวางไว้บนโต๊ะพี่พนักงานผู้หญิง) แล้วก็บอกกับพนักงานพี่ผู้หญิงว่า
"เดี๋ยวคืนให้น้องเขาด้วย" จากนั้นก็เดินไปที่อื่น
เราเล่าให้พี่พนักงานผู้หญิงฟังอีกครั้งว่าที่เราต้องขอคืนเพราะอะไร ทีนี้พี่พนักงานผู้หญิงก็บอกว่า
คืนได้แค่ของนะ แต่ไม่คืนเงิน
เราก็ทำใจไว้แล้วว่า OK ช่างมัน เสีย 38 บาท ดีกว่าเสียเงินหลัก 100
แต่ทีนี้เราจะขอใบเสร็จ เพื่อเอาไปยันกับพี่สาวว่าเราต้องเสียเงิน 38 บาทไปฟรีๆ
ทางพนักงานผู้หญิงก็จะไม่ให้ แต่เราก็ยืนยันคำเดิมว่าต้องเอาไปให้ได้ พร้อมกับพูดว่าอ่อยๆประมาณว่า
"เงินก็ไม่ได้คืน ทำไมใบเสร็จถึงคืนใบเสร็จมาไม่ได้ ละคะ " (ตอนนั้นยังซื๋อๆ+ไม่รู้อยู่ เสียงเลยยังอ่อย + สมองยังต้องคิดว่าจะข้ามไปเอาจักรยานขี่ไปตลาดเพื่อขนส่งนั้นหรือจะเดินไปดี) แต่ก็ยังสำทับไปอีกประมาณว่า "ต้องเอาใบเสร็จนี้ไปเป็นหลักฐานให้เจ้าของดูค่ะ"
ทีนี้ทางพนักงานผู้หญิงเขายอมว่าคืนเงิน และแกะสติกเกอร์แปะหน้าพัสดุออกพร้อมยึดใบเสร็จ แล้วมีการขู่อีกว่าคราวหน้าจะไม่มีการคืนเงินให้แล้วนะคะ
แน่ะ!! ขู่อีก!!
ทีนี้สมองเริ่มมานิดๆแล้ว
อ้าวตอนนี้คุณสามารถคืนเงินได้ แปลว่าอะไร?
คุณตั้งกฎขึ้นมาเอง หรือว่า...?
แต่ด้วยความรีบ เพราะสั่งของเอาไว้ก่อนจะมาที่ขนส่งนี้ แล้วต้องรีบส่งพัสดุนี้ให้มันเสร็จๆไปด้วย จึงไม่หือไม่อือรีบออกไปส่งพัสดุทำธุระก่อน
กว่าจะเดินไปถึง ปรากฏว่าขนส่งเจ้านั้นเปลี่ยนเป็นขนส่งสีเหลืองแทนทีนี้กลุ้ม+ร้อนรนเลย เปิดดูว่าที่ใกล้สุดอยู่ตรงไหน และโทรถามทาง
พอดีมีคนลงจากมอไซด์เลยกวักมือเรียกมอไซด์ พร้อมกับยื่นมือถือที่คนในสายบอกทาง
โชคดีที่มอไซด์รู้จักเลยรอดตัวไป เราเลยเล่าถึงเรื่องที่เกิดมาเมื่อกี้
มอไซด์แนะให้แจ้งตำรวจ คิดในใจนี่ก็เกินป๊ายยยย
ทีนี้ตอนแรกว่าจะเข้าไปคุยกับทางหัวหน้าทางขนส่งสาขานั้นก่อนว่า...มีกฎนี้จริงมั๊ย (แต่ในใจว่าไม่น่าจะมีกฎนี้นะ ยึดเงินลูกค้าเนี่ย)
หลังจากที่ส่งพัสดุเสร็จแล้วตอนท้าย มอไซด์แนะว่า
"หรือไม่ก็โทรเข้า call center และขอเบอร์ที่นั่นคุยกับหัวหน้าของสาขานั้นไปเลย"
เราจึงเพิ่งคิดขึ้นได้ว่า เออ....เน๊อะ แบบนี้สะดวกกว่า เพราะเราขี้เกียจเดินเข้าไปอีก แถมต้องขี่จักรยานกลับไปเอาของด้วยสั่งของมาค่อนข้างเยอะ ฝนก็ไม่รู้ว่าจะเทลงมาอีกมั๊ย ก็เลยรีบกลับไปดีกว่า
จริงๆเบอร์โทรเสิร์ชหาจากในเน็ตมันก็มี แม้จะเป็นเบอร์ 02xxx xxxx ก็ตาม แต่เราอยากทราบกฎนี้ก่อนว่ามีจริงมั๊ย ก่อนที่จะโทรหาหัวหน้าสาขานั้น (เพราะเราไม่รู้ระดับความสนิทสนมกันของคนในองค์กร)
กลับมาแล้วจึงโทรเข้าหา call center แจ้งเล่าเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งทาง call center ให้ข้อมูลว่ามันมี 2 กรณี
1. คือกรณีที่รถส่งพัสดุของเราออกไปแล้ว ลูกค้าจะไม่ได้เงินคืนจริง เพราะถือว่าเป็นค่าขนส่งที่เกิดขึ้นจริง
2. แต่ถ้าสินค้ายังไม่มีการขึ้นรถแล้วออกไป ลูกค้าจะได้เงินคืนไม่มีการเก็บเงินค่ะ
เราก็เลยร้องเรียนไปทาง call center ซึ่งทาง call center ขอชื่อสาขาไป พร้อมชื่อพนักงาน แต่เราไม่รู้จักชื่อเลยบอกว่า ไม่ทราบชื่อ แต่พี่ผู้หญิงอยู่เค้าเตอร์ 3 ค่ะ
เราไม่รู้หรอกว่าหลังจากรับเรื่องเคสของเราไปแล้วเขาจะแจ้งหัวหน้าสาขานั้นให้ หรือว่าเรื่องจะจบหลังจากที่วางสายเราไป เพราะถือว่าเขาก็ไม่ได้เอาเงินเราไป แม้ว่าเขาจะทำพฤติกรรมเสื่อมเสียทำให้ชื่อเสียงของขนส่งนั้นเสียไปก็ตาม
แต่ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นความรู้จะได้ไม่โดนเอาเปรียบ
แม้สุดท้ายเราจะได้เงินคืน และแค่เสียเวลาในการเจรจาไปนิดหน่อย
บางคนอาจจะคิดว่า...ก็แค่เงิน 38 บาท
ก็ได้เงินคืนแล้ว ยังต้องการอะไร?
เราอยากให้โฟกัสตรงที่
# พนักงานไม่มีความซื่อสัตย์ค่ะ #
และเราอยากให้อย่างน้อยก็ได้เกิดการรู้เท่าทัน ใครที่กำลังจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ แล้วเคยอ่านกระทู้นี้
แล้วเอ๊ะ?...ฉันเคยเจอกระทู้หนึ่งเล่าให้ฟัง ฉันไม่จำเป็นต้องเสียเงินนี่ แล้วคุณจะยึดเงินฉันไปทำไม แล้วโต้ตอบกับคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์แบบนี้ได้ ไม่โดนโกง (แม้เป็นเงินจำนวนอันน้อยนิดที่เกือบซื้อข้าวกินได้หนึ่งมื้อ แต่ถ้าทำได้หลายคนก็หลายมื้อ แทบเป็นการหาอาชีพเสริม แค่นั่งเฉยๆรอเหยื่อที่ดูมึนๆที่ดูไม่รู้เรื่องก็พอ )
รู้ไว้ไม่งง (ไม่โง่เป็นเหยื่อ) นะจ๊ะ
รู้ไว้ไม่งง (โง่) กับ พนักงานขนส่งสีแดง(ชื่อที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน)
เหตุการณ์เกิดวันที่ 10/2/2565 เวลาประมาณ 10.00 น. กว่าๆ
เราได้ทำการซื้อขายลงสินค้ากับ APP หนึ่ง ลงขายไม่นาน ก็มีคนติดต่อมาขอซื้อ เพราะราคาถูกและสภาพใหม่ (เป็นนิยาย) อ่านครั้ง สองครั้งก็ปล่อยขายแล้ว และเนื่องจากว่าในช่วงโควิด (จำไม่ได้ตั้งแต่ ยุคตอนต้นหรือกลางๆ เราได้ทำการพักร้อนเรื่องการขาย และเราไม่ได้ขายหนังสือเป็นอาชีพ แค่อ่านเสร็จแล้วรู้สึกว่าไม่ถูกจริตถึงขนาดอยากจะเก็บไว้ก็จะทำการปล่อยขายในทันที บางเรื่องมีทั้งของเราและพี่สาว แต่นิยายเรื่องนี้เป็นของพี่สาว แต่เราเป็นคนเอาไปส่ง)
ตอนลงแอปเพื่อขายนั้น ก็จะงงๆ เพราะหน้าตาเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย ทุกทีเราจะลงเป็นแบบครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง (เราใช้มือถือในการ Post ขาย) แต่ทีนี้พอเราจะกลับมาลงขายจึงได้ทำ 2 อย่างในแอปนี้คือ ปลดล็อคเรื่องคนขายลาพักร้อน กับถ่ายรูปโพสต์รายละเอียดลงขายเลย
ตอนให้เลือกเรื่องการขนส่ง คราวนี้เราเลือกให้ผู้ซื้อเสียค่าจัดขนส่ง 23 บาท แต่ทางแอปไม่ได้ให้มีการเลือกว่าจะใช้ของเจ้าไหน (อาจจะเคยลงมาแต่ช้านานแต่จำไม่ได้ ทุกทีแค่ลงน้ำหนักกับแค่มีตัวเลื่อนว่าครอบคลุมในค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง เช่นถ้าตั้งราคาของไว้ 380 ก็จะไม่มีราคาค่าส่ง ลูกค้าจะจ่ายเงินแค่ 380 บาทเพียวๆ)
พอขึ้นแค่ว่าให้ผู้ซื้อเสียค่าจัดขนส่ง 23 บาท ไม่มีตัวเลือกอะไรให้ดูเลยว่าเป็นของขนส่งเจ้าไหน ด้วยความเคยชินของเราจึงไปที่ขนส่งสีแดงซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาแต่ช้านาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอทำการส่งเสร็จก็ยังไม่ได้ก้าวขาออกที่ทำการแต่อย่างใด เราจะชอบเอาเลข tracking กรอกให้ลูกค้าก่อนออกจากที่ขนส่งนั้นๆเพื่อ
1. กันลูกค้าCancle
2. ถ้าลูกค้าCancleระหว่างส่ง ยังสามารถเอาคืนได้ทันท่วงที และไม่ต้องเดินกลับมาเอาไกล
และหลังจากที่ส่งและได้ trackingมาแล้วกำลังจะกรอก ปรากฏว่ากรอกไม่ได้จร้า...เพราะว่าทางแอปขึ้นให้ส่งแต่ทางขนส่งสีแดงเหมือนกัน แต่เป็นเจ้าสมัยใหม่จากอินโดฯที่มาตีตลาดไทยมาเปิดปีกรกฎาคม 2561
ตอนแรกว่าจะโทรหาลูกค้าให้ยกเลิกคำสั่งซื้อ แล้วเราแก้ไขข้อมูลใหม่ดีมั๊ย แต่ปรากฎว่ามันค่อนข้างเสี่ยง(ลูกค้ายกเลิกไม่ซื้อแล้ว) และก็ดูไม่ดีด้วย (โทรหาลูกค้าโดยตรง)
เลยเปลี่ยนใจยังไงก็คงต้องขอคืนพัสดุจากขนส่งสีแดงคู่คนไทยมาช้านานแล้วล่ะ มันน่าจะง่ายกว่า เพิ่งผ่านไปเอง (สาขานี้คนน้อยแต่มีมาเรื่อยๆ)
ตอนไปขอคืนมีพี่พนักงานผู้หญิงเขากำลังรับลูกค้าอยู่ ส่วนเราก็ไปต่อแถวจากลูกค้าคนนั้น พอดีมีพี่พนักงานชายอยู่ เขาจึงถามว่าทำอะไรครับ เราก็เลยเล่าไปว่ามาขอรับพัสดุคืน พร้อมยื่นใบเสร็จให้ เขาเอาไปดูแล้วก็หาพัสดุคืนให้ (จำไม่ได้ว่ายื่นให้พี่พนักงานผู้หญิง หรือว่าวางไว้บนโต๊ะพี่พนักงานผู้หญิง) แล้วก็บอกกับพนักงานพี่ผู้หญิงว่า
"เดี๋ยวคืนให้น้องเขาด้วย" จากนั้นก็เดินไปที่อื่น
เราเล่าให้พี่พนักงานผู้หญิงฟังอีกครั้งว่าที่เราต้องขอคืนเพราะอะไร ทีนี้พี่พนักงานผู้หญิงก็บอกว่าคืนได้แค่ของนะ แต่ไม่คืนเงิน
เราก็ทำใจไว้แล้วว่า OK ช่างมัน เสีย 38 บาท ดีกว่าเสียเงินหลัก 100
แต่ทีนี้เราจะขอใบเสร็จ เพื่อเอาไปยันกับพี่สาวว่าเราต้องเสียเงิน 38 บาทไปฟรีๆ
ทางพนักงานผู้หญิงก็จะไม่ให้ แต่เราก็ยืนยันคำเดิมว่าต้องเอาไปให้ได้ พร้อมกับพูดว่าอ่อยๆประมาณว่า
"เงินก็ไม่ได้คืน ทำไมใบเสร็จถึงคืนใบเสร็จมาไม่ได้ ละคะ " (ตอนนั้นยังซื๋อๆ+ไม่รู้อยู่ เสียงเลยยังอ่อย + สมองยังต้องคิดว่าจะข้ามไปเอาจักรยานขี่ไปตลาดเพื่อขนส่งนั้นหรือจะเดินไปดี) แต่ก็ยังสำทับไปอีกประมาณว่า "ต้องเอาใบเสร็จนี้ไปเป็นหลักฐานให้เจ้าของดูค่ะ"
ทีนี้ทางพนักงานผู้หญิงเขายอมว่าคืนเงิน และแกะสติกเกอร์แปะหน้าพัสดุออกพร้อมยึดใบเสร็จ แล้วมีการขู่อีกว่าคราวหน้าจะไม่มีการคืนเงินให้แล้วนะคะ
แน่ะ!! ขู่อีก!!
ทีนี้สมองเริ่มมานิดๆแล้ว
อ้าวตอนนี้คุณสามารถคืนเงินได้ แปลว่าอะไร?
คุณตั้งกฎขึ้นมาเอง หรือว่า...?
แต่ด้วยความรีบ เพราะสั่งของเอาไว้ก่อนจะมาที่ขนส่งนี้ แล้วต้องรีบส่งพัสดุนี้ให้มันเสร็จๆไปด้วย จึงไม่หือไม่อือรีบออกไปส่งพัสดุทำธุระก่อน
กว่าจะเดินไปถึง ปรากฏว่าขนส่งเจ้านั้นเปลี่ยนเป็นขนส่งสีเหลืองแทนทีนี้กลุ้ม+ร้อนรนเลย เปิดดูว่าที่ใกล้สุดอยู่ตรงไหน และโทรถามทาง
พอดีมีคนลงจากมอไซด์เลยกวักมือเรียกมอไซด์ พร้อมกับยื่นมือถือที่คนในสายบอกทาง
โชคดีที่มอไซด์รู้จักเลยรอดตัวไป เราเลยเล่าถึงเรื่องที่เกิดมาเมื่อกี้
มอไซด์แนะให้แจ้งตำรวจ คิดในใจนี่ก็เกินป๊ายยยย
ทีนี้ตอนแรกว่าจะเข้าไปคุยกับทางหัวหน้าทางขนส่งสาขานั้นก่อนว่า...มีกฎนี้จริงมั๊ย (แต่ในใจว่าไม่น่าจะมีกฎนี้นะ ยึดเงินลูกค้าเนี่ย)
หลังจากที่ส่งพัสดุเสร็จแล้วตอนท้าย มอไซด์แนะว่า
"หรือไม่ก็โทรเข้า call center และขอเบอร์ที่นั่นคุยกับหัวหน้าของสาขานั้นไปเลย"
เราจึงเพิ่งคิดขึ้นได้ว่า เออ....เน๊อะ แบบนี้สะดวกกว่า เพราะเราขี้เกียจเดินเข้าไปอีก แถมต้องขี่จักรยานกลับไปเอาของด้วยสั่งของมาค่อนข้างเยอะ ฝนก็ไม่รู้ว่าจะเทลงมาอีกมั๊ย ก็เลยรีบกลับไปดีกว่า
จริงๆเบอร์โทรเสิร์ชหาจากในเน็ตมันก็มี แม้จะเป็นเบอร์ 02xxx xxxx ก็ตาม แต่เราอยากทราบกฎนี้ก่อนว่ามีจริงมั๊ย ก่อนที่จะโทรหาหัวหน้าสาขานั้น (เพราะเราไม่รู้ระดับความสนิทสนมกันของคนในองค์กร)
กลับมาแล้วจึงโทรเข้าหา call center แจ้งเล่าเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งทาง call center ให้ข้อมูลว่ามันมี 2 กรณี
1. คือกรณีที่รถส่งพัสดุของเราออกไปแล้ว ลูกค้าจะไม่ได้เงินคืนจริง เพราะถือว่าเป็นค่าขนส่งที่เกิดขึ้นจริง
2. แต่ถ้าสินค้ายังไม่มีการขึ้นรถแล้วออกไป ลูกค้าจะได้เงินคืนไม่มีการเก็บเงินค่ะ
เราก็เลยร้องเรียนไปทาง call center ซึ่งทาง call center ขอชื่อสาขาไป พร้อมชื่อพนักงาน แต่เราไม่รู้จักชื่อเลยบอกว่า ไม่ทราบชื่อ แต่พี่ผู้หญิงอยู่เค้าเตอร์ 3 ค่ะ
เราไม่รู้หรอกว่าหลังจากรับเรื่องเคสของเราไปแล้วเขาจะแจ้งหัวหน้าสาขานั้นให้ หรือว่าเรื่องจะจบหลังจากที่วางสายเราไป เพราะถือว่าเขาก็ไม่ได้เอาเงินเราไป แม้ว่าเขาจะทำพฤติกรรมเสื่อมเสียทำให้ชื่อเสียงของขนส่งนั้นเสียไปก็ตาม
แต่ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นความรู้จะได้ไม่โดนเอาเปรียบ
แม้สุดท้ายเราจะได้เงินคืน และแค่เสียเวลาในการเจรจาไปนิดหน่อย
บางคนอาจจะคิดว่า...ก็แค่เงิน 38 บาท
ก็ได้เงินคืนแล้ว ยังต้องการอะไร?
เราอยากให้โฟกัสตรงที่
# พนักงานไม่มีความซื่อสัตย์ค่ะ #
และเราอยากให้อย่างน้อยก็ได้เกิดการรู้เท่าทัน ใครที่กำลังจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ แล้วเคยอ่านกระทู้นี้
แล้วเอ๊ะ?...ฉันเคยเจอกระทู้หนึ่งเล่าให้ฟัง ฉันไม่จำเป็นต้องเสียเงินนี่ แล้วคุณจะยึดเงินฉันไปทำไม แล้วโต้ตอบกับคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์แบบนี้ได้ ไม่โดนโกง (แม้เป็นเงินจำนวนอันน้อยนิดที่เกือบซื้อข้าวกินได้หนึ่งมื้อ แต่ถ้าทำได้หลายคนก็หลายมื้อ แทบเป็นการหาอาชีพเสริม แค่นั่งเฉยๆรอเหยื่อที่ดูมึนๆที่ดูไม่รู้เรื่องก็พอ )
รู้ไว้ไม่งง (ไม่โง่เป็นเหยื่อ) นะจ๊ะ