JJNY : ผัวเมียทนพิษศก.ไม่ไหว ปลิดชีพ│ทำบุญ2ปีเหยื่อจ่าคลั่ง│รถแดง แท็กซี่เชียงใหม่แห่คืนป้ายเหลือง│ประชาชนเบียร์ร้องส.ส.

สลด! สองผัวเมียทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหว เกี่ยวก้อยปลิดชีพคาบ้าน
https://ch3plus.com/news/program/278247
 
 
วันที่ 9 ก.พ. 65 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ได้รับแจ้งมีคนผูกคอเสียชีวิต 2 ราย ภายในบ้านในตำบลน้ำคอก อำเภอเมือง จังหวัดระยอง จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศลระยอง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
   
พบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 53/4 ตำบลน้ำคอก อำเภอเมืองระยอง ผู้เสียชีวิตเป็นสามีภรรยา ชื่อนายนพดล อายุ 52 ปี และนางสาวอนงค์ อายุ 44 ปี ใช้เชือกผูกคอกับขื่อบ้าน อยู่ในสภาพเกี่ยวก้อย และหันหน้าเข้าหากัน เสียชีวิต คาดว่าพร้อมใจกันฆ่าตัวตายตั้งแต่เมื่อคืน โดยทั้งคู่มีร้านขายของส่งอยู่ในหมู่บ้าน
 
สอบถามพ่อของผู้ตายบอกว่า ไม่เห็นผู้ตายมาเปิดร้านค้า จึงมาดูที่บ้านพักที่อยู่ตรงข้ามกับร้านค้า ก็พบว่า ทั้งคู่ผูกคอเสียชีวิตแล้ว คาดว่า ลงมือตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนสาเหตุคาดว่า มาจากเรื่องการค้าที่ไม่ค่อยดี และปัญหาหนี้สินในครอบครัว
 
เพื่อนบ้านคนหนึ่งบอกว่า ผู้ตายมักจะบ่นเรื่องค้าขายที่ไม่ค่อยดีเหมือนก่อน ประกอบกับที่ร้านไม่ได้รับคนละครึ่ง เนื่องจากถูกเรียกเก็บภาษีสูง และการค้าส่งมีกำไรน้อย ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินตามมา จึงทำให้ตัดสินใจผูกคอตาย เพื่อหนีปัญหา



ทำบุญครบ2ปีรำลึกเหยื่อถูกจ่าคลั่งกราดยิงโคราช
https://www.posttoday.com/social/local/675169
 
นครราชสีมา - รำลึกครบ 2 ปีเหตุจ่าคลั่งกราดยิงที่โคราช เตรียมทำบุญอุทิศส่วนกุศลผู้เสียชีวิตวัดป่าศรัทธารวมบ่ายวันนี้ ขณะที่บ้านผู้ก่อเหตุสภาพรกร้างไร้ผู้อาศัย
 
ที่วัดป่าศรัทธารวม ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีการจัดสถานที่เพื่อเตรียมความพร้อมจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุลให้กับผู้เสียชีวิตครบรอบ 2 ปีจากเหตุการณ์จ่าคลั่งกราดยิง เมื่อวันที่ 8-9 ก.พ.63 ภายในศาลาการเปรียญได้มีการจัดพื้นที่สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา มีการจัดเก้าอี้เว้นระยะห่าง ทั้งภายในและภายนอกศาลาการเปรียญ พร้อมกับมีการติดตั้งจอโทรทัศน์หลายเครื่อง เพื่อถ่ายทอดสัญญาณภาพออกมาให้ประชาชนที่ร่วมงานสามารถรับชมได้บริเวณเต๊นท์ที่ตั้งไว้ด้านนอก
 
ในช่วงเวลา 14.00 น. คณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา ได้นิมนต์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เจ้าอาวาสวัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อ.วังน้ำเขียว มาเป็นประธานในพิธีสงฆ์ ซึ่งคาดว่าจะมีญาติผู้เสียชีวิต ข้าราชการ ทหาร และผู้ที่เกี่ยวข้อง มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
 
ขณะเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 321/9 ม.5 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของจ่าคลั่ง ที่เป็นฉนวนก่อเหตุ เป็นชั้นเดียว อยู่บนเนื้อที่ประมาณ  50 ตารางวา ล่าสุดพบว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ประตูรั้วปิดไว้อย่างแน่นหนา ไร้ผู้อยู่อาศัยตั้งแต่เกิดเหตุ สภาพรอบบ้านมีต้นไม้ และหญ้าขึ้นรกร้าง ตัวบ้านเริ่มทรุดโทรม ฝ้าเริ่มหลุดลอก ภายในบ้านมีการนำสิ่งของเครื่องใช้ออกทั้งหมด ทำให้บรรยากาศโดยรอบบ้านวังเวงเป็นอย่างมาก
 
สำหรับเหตุการณ์จ่าคลั่งกราดยิงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 63 เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. จ่าคลั่งก่อเหตุยิงพ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชา และนางอนงค์ มิตรจันทร์ แม่ยายของผู้บังคับบัญชา เสียชีวิต จากปมขัดแย้งเรื่องบ้านพักทหาร ก่อนที่จะเข้าไปกราดยิงที่หน่วยสังกัดเพื่อเอาอาวุธที่คลังอาวุธ และยิงเจ้าหน้าที่เวรเสียชีวิต จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขโมยรถฮัมวีขับออกมาจากหน่วย และกราดยิงประชาชนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย


 
วิ่งต่อก็ไม่คุ้ม รถแดง แท็กซี่เชียงใหม่ เจอผลกระทบโควิด น้ำมันแพง แห่คืนป้ายเหลือง
https://www.one31.net/news/detail/53029
 
สี่ล้อแดง แท็กซี่เชียงใหม่กระอัก หลังราคาน้ำมันพุ่งสูง ต้องหยุดวิ่งแห่คืนป้ายเหลืองแล้วกว่า 200 คัน
 
ที่จังหวัดเชียงใหม่ รถสี่ล้อแดง และรถแท๊กซี่ กว่า 40 คัน ซึ่งหยุดวิ่งถูกจอดอยู่ในลานจอดของสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด มีสภาพฝุ่นเกาะ กระโปรงหน้ารถสีหลุดร่อน และบางคันยางแบนเพราะถูกจอดทิ้งมานานรถทั้งหมดเป็นรถของสมาชิกที่ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดกับสหกรณ์ได้ จึงนำรถมาคืนเพื่อขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้
 
ขณะเดียวกันก็มีสมาชิกอีกหลายคนที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องเพราะขาดผ่อนชำระค่างวด ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของวิกฤตโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถแดงกลับน้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว จากเดิมในอดีตเคยมีรายได้วันละหลักพันบาท ก็เหลือเพียงวันละ 100 ถึง 200 บาทเท่านั้น สวนทางกับต้นทุนรายจ่ายค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น
  
นายสุวรรณ์ จันทร์เงิน เลขาธิการ สหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด กล่าวว่า คนขับรถสี่ล้อแดง รวมทั้งรถแท๊กซี่ ได้รับผลกระทบรอบด้านแม้พยายามดิ้นรนแต่ก็แทบไม่มีที่จะยืนแล้ว สหกรณ์ฯกำลังรอดูท่าทีการเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาคมรถแท๊กซี่ในกรุงเทพฯ หากมีการส่งสัญญาณมายังภูมิภาคเพื่อรวมตัวกันเคลื่อนไหว ก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะสหกรณ์ฯเองก็มีสมาชิกกว่า 2,600 ราย ซึ่งทุกคนต่างมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว นอกจากรถสี่ล้อที่สมาชิกนำมาคืนเพราะไม่มีกำลังจะผ่อน ยังมีสมาชิกที่แจ้งขอเปลี่ยนจากป้ายเหลืองเป็นป้ายดำ เปลี่ยนเป็นรถส่วนบุคคลกว่า 200 คัน เพราะจ่ายค่าภาษีประจำปีถูกกว่า ซึ่งในอดีตป้ายเหลืองจะมีราคาซื้อขายกันสูงถึง 2 - 2.5 แสนบาท แต่ปัจจุบันแทบไม่มีราคาแล้ว และยังมีสมาชิกแจ้งจอดรถไว้อีกประมาณ 30 - 40 คัน เพราะนำรถออกวิ่งรับผู้โดยสารก็ไม่คุ้มทุน โดยสมาชิกที่หยุดวิ่งรถส่วนใหญ่จะหันไปรับจ้างขับรถส่งสินค้า ขับรถตักดิน รถโม่ปูน รถแบคโฮ และขี่รถส่งอาหาร รวมทั้งเปลี่ยนอาชีพไปเป็น รปภ.
 
นายสุวรรณ์ บอกอีกว่า ตอนนี้สหกรณ์ฯ ยังให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายกฏหมาย ออกติดตามเร่งรัดหนี้สิน และเรียกสมาชิกมาประนอมหนี้ โดยกลุ่มนี้มีประมาณร้อยละ 10 เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสีย จนกระทบกับสภาพคล่องของสหกรณ์ฯ เพราะสหกรณ์ฯ ก็กู้ยืมเงินจากธนาคารมาหมุนเวียน มีหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระอยู่กว่า 200 ล้านบาทเช่นกัน
 
คาดว่า หากวิกฤตโควิด-19 และราคาน้ำมันยังยืดเยื้อเชื่อว่าสัดส่วนสมาชิกที่อาจประสบปัญหาไม่มีกำลังผ่อนค่างวดจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 แน่นอน ทั้งนี้มองว่าหากเรียกร้องให้ขึ้นค่าโดยสารตอนนี้อีกอาจถูกตำหนิจากประชาชน เพราะค่าครองชีพต่างๆก็ปรับตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่ค่าโดยสารปัจจุบันในเขตตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มต้นที่ 20 บาท ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้าง โดยการตรึงราคาน้ำมันไม่ให้สูงเกิน หรือจัดสรรน้ำมันราคาพิเศษให้ผู้ประกอบการ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่