คนในประเทศอเมริกา จะต้องซื้อประกันสุขภาพจากภาคเอกชน เพื่อรับบริการทางการแพทย์เวลาเจ็บป่วย ถามว่ามีเงินสดได้ไหม ส่วนใหญ่ไม่รับ รับแต่ประกันอย่างเดียว รพ.ไม่ดีลกับคน แต่จะดีลกับบริษัทตามระบบที่วางไว้
สมมติว่าเราคือ นางสาวเอ อายุ37 ได้งานทำกลางๆ เมืองเอาใหญ่หน่อยแต่ไม่ติดสิบอันดับแพงสุด Philadelphia ละกัน ปกติประกันสุขภาพมีหลายบริษัท เลือก blue cross blue shield บ.ใหญ่ คลุมหลายรัฐ ก็เข้าเว็บไป
ใส่รหัสบ้านที่อยู่ แล้วเลือกปี ที่นี่ซื้อเป็นปีๆ อยู่คนเดียวซื้อสำหรับคนเดียว ไม่สูบบุหรี่เดี๋ยวยิ่งแพง
แล้วแผนประกันต่างๆที่เค้าจะให้คนแบบนส.เอก็จะออกมาหลายอัน เลือกอันที่premium (ค่ารายเดือนที่เราต้องจ่าย)ถูกที่สุดดูซิ
ชื่อว่า Keystone HMO bronze (เป็นชื่อเรียกแผนประกันเฉยๆ) จ่ายเดือนละ 274 usd หรือปีละ 3,288 usd (108,451 bht) มาดูซิว่าได้อะไร
Annual deductibles: หมายถึงเราจะต้องจ่ายค่ายา ค่ารักษาไปก่อนด้วยเงินตัวเองจนถึง xxx usdจากนั้น xxx+1 usd เป็นต้นไป ประกันจะจ่ายให้ ในแผนนี้ คือเราต้องจ่าย 7,400 usd (244,080 bht) ทั้งปี เกินนั้น ประกันจะจ่ายให้
Annual out-of-pocket Maximum: หมายถึง เราออกเงินของเราเอง (ค่ายา ค่ารักษา ค่าหมอ ค่าcoinsurance) รวมกันมากสุดเท่านี้ เกินนี้ประกันจะจ่ายให้ แผนนี้เท่ากับ 8,700 usd (286,960 bht)
จะเห็นได้ว่า สองค่านี้เป็นเหมือนการันตีว่า ถ้าเราป่วย เราจะไม่ออกเงินเกินนี้แน่ๆ หรืออีกอย่างคือ ถ้าเรามีโรคต้องเข้ารพ. เราจะได้จ่ายเงินของตัวเองไปเรื่อยๆจนเท่านี้ บวกกับเบี้ยประกัน แน่ๆ
ทีนี้มาดูกันว่า เดินไปหาหมอ รับยา แต่ละครั้งเสียเงินยังไง ทั้งหมดนี้คือเราเป็นคนจ่ายต่อครั้งนะ
ค่าหมอ copay ถ้าเป็นหมอทั่วไป 75 usd (2,473 bht) ต่อครั้ง
หมอเฉพาะทาง 150 usd (4,946 bht) ต่อครั้ง
ค่ายา 25 usd (824 bht)
Xray 120 usd (3,958 bht)
CT scan 250 usd (8,246 bht)
แผนนี้ ไม่รวมทำฟัน ไม่รวมตรวจตาแว่นใดๆ
ถ้าไปห้องฉุกเฉิน 500 usd (16,492 bht) ต่อครั้ง - ใช่จ้า เท่านี้แหละจ้า เราจ่ายมาแล้ว นี่ไม่รวมยาใดๆ แค่เหยียบห้องอย่างเดียว แต่บางที่ถ้าแอดมิดก็ไม่ต้องจ่ายอันนี้นะ เพราะถือว่าด่วนจริงๆ
ฝ
https://consumer.websales.ibx.com/cws/qhp/details/33871pa0120004-00-1
แผนนี้ ซึ่งก็เหมือนกับแผนอื่นๆ คือเค้าจะมีกำหนดว่าให้เราไปรพไหน ได้บ้าง ไม่ใช่จะไปได้ทุกรพ. และการรักษาเช่นการผ่าตัด ใดๆ ประกันจะเป็นคนอนุมัติก่อน ว่าจะจ่ายให้ หรือไม่ ถ้าไม่จ่ายแต่เราคิดว่าจำเป็น ก็ร้องเรียนกันไป รอบหนึ่ง สอง สาม ไม่ก็ขึ้นศาล
ราคานี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องจ่าย แผนนี้ค่าpremium(ค่าประกันรายเดือน) ถูกที่สุดที่เค้าเสนอมา ถ้าเราอยากควักเงินต่อครั้งรวมๆกัน (deductibles) น้อยกว่านี้ ค่า premium ก็จะสูงกว่านี้ หรือบางบริษัทดีๆ จะจ่ายค่า premiumให้บางส่วนหรือหมดเลย บางบริษัทบอกว่า ถ้าเธอทำงานกับชั้น5ปีจ่ายให้30% 10 ปีจ่ายให้50% แล้วแต่ แต่ประกันที่ได้ เราก็ยังต้องจ่าย deductibles อยู่ดี สำหรับคนที่ไม่มีเงินจริงๆ คุณต้องไปขึ้นทะเบียนไม่มีเงิน ผ่านการตรวจสอบจริงจังจากนั้นจะได้รับการเสนอแผนประกันสำหรับผู้มีรายได้น้อย (ไม่ได้ให้ฟรีนะ premiumไม่แพงเท่านี้เฉยๆ)
การคำนวณนี้ มีจุดประสงค์แค่แบ่งปันแง่มุมหนึ่งเกี่ยวกับอเมริกา ให้เห็นค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เนื่องจากเห็นหลายกระทู้ชอบพูดถึงค่ารักษาพยาบาล เราไม่ได้บอกว่าทุกคนใช้ประกันชนิดนี้เป๊ะๆ เพราะมีปัจจัยอีกเยอะ มีหลายท่านที่อยู่อเมริกาถาวร เป็นประชากร และมีความรู้มากกว่าเรา ยินดีอย่างยิ่งหากมีความเห็นเพิ่มเติม
คนที่อยู่ในอเมริกาจ่ายค่ายาค่าหมอเท่าไร จะลองคำนวณให้ดู
ใส่รหัสบ้านที่อยู่ แล้วเลือกปี ที่นี่ซื้อเป็นปีๆ อยู่คนเดียวซื้อสำหรับคนเดียว ไม่สูบบุหรี่เดี๋ยวยิ่งแพง
แล้วแผนประกันต่างๆที่เค้าจะให้คนแบบนส.เอก็จะออกมาหลายอัน เลือกอันที่premium (ค่ารายเดือนที่เราต้องจ่าย)ถูกที่สุดดูซิ
ชื่อว่า Keystone HMO bronze (เป็นชื่อเรียกแผนประกันเฉยๆ) จ่ายเดือนละ 274 usd หรือปีละ 3,288 usd (108,451 bht) มาดูซิว่าได้อะไร
Annual deductibles: หมายถึงเราจะต้องจ่ายค่ายา ค่ารักษาไปก่อนด้วยเงินตัวเองจนถึง xxx usdจากนั้น xxx+1 usd เป็นต้นไป ประกันจะจ่ายให้ ในแผนนี้ คือเราต้องจ่าย 7,400 usd (244,080 bht) ทั้งปี เกินนั้น ประกันจะจ่ายให้
Annual out-of-pocket Maximum: หมายถึง เราออกเงินของเราเอง (ค่ายา ค่ารักษา ค่าหมอ ค่าcoinsurance) รวมกันมากสุดเท่านี้ เกินนี้ประกันจะจ่ายให้ แผนนี้เท่ากับ 8,700 usd (286,960 bht)
จะเห็นได้ว่า สองค่านี้เป็นเหมือนการันตีว่า ถ้าเราป่วย เราจะไม่ออกเงินเกินนี้แน่ๆ หรืออีกอย่างคือ ถ้าเรามีโรคต้องเข้ารพ. เราจะได้จ่ายเงินของตัวเองไปเรื่อยๆจนเท่านี้ บวกกับเบี้ยประกัน แน่ๆ
ทีนี้มาดูกันว่า เดินไปหาหมอ รับยา แต่ละครั้งเสียเงินยังไง ทั้งหมดนี้คือเราเป็นคนจ่ายต่อครั้งนะ
ค่าหมอ copay ถ้าเป็นหมอทั่วไป 75 usd (2,473 bht) ต่อครั้ง
หมอเฉพาะทาง 150 usd (4,946 bht) ต่อครั้ง
ค่ายา 25 usd (824 bht)
Xray 120 usd (3,958 bht)
CT scan 250 usd (8,246 bht)
แผนนี้ ไม่รวมทำฟัน ไม่รวมตรวจตาแว่นใดๆ
ถ้าไปห้องฉุกเฉิน 500 usd (16,492 bht) ต่อครั้ง - ใช่จ้า เท่านี้แหละจ้า เราจ่ายมาแล้ว นี่ไม่รวมยาใดๆ แค่เหยียบห้องอย่างเดียว แต่บางที่ถ้าแอดมิดก็ไม่ต้องจ่ายอันนี้นะ เพราะถือว่าด่วนจริงๆ
ฝ
https://consumer.websales.ibx.com/cws/qhp/details/33871pa0120004-00-1
แผนนี้ ซึ่งก็เหมือนกับแผนอื่นๆ คือเค้าจะมีกำหนดว่าให้เราไปรพไหน ได้บ้าง ไม่ใช่จะไปได้ทุกรพ. และการรักษาเช่นการผ่าตัด ใดๆ ประกันจะเป็นคนอนุมัติก่อน ว่าจะจ่ายให้ หรือไม่ ถ้าไม่จ่ายแต่เราคิดว่าจำเป็น ก็ร้องเรียนกันไป รอบหนึ่ง สอง สาม ไม่ก็ขึ้นศาล
ราคานี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องจ่าย แผนนี้ค่าpremium(ค่าประกันรายเดือน) ถูกที่สุดที่เค้าเสนอมา ถ้าเราอยากควักเงินต่อครั้งรวมๆกัน (deductibles) น้อยกว่านี้ ค่า premium ก็จะสูงกว่านี้ หรือบางบริษัทดีๆ จะจ่ายค่า premiumให้บางส่วนหรือหมดเลย บางบริษัทบอกว่า ถ้าเธอทำงานกับชั้น5ปีจ่ายให้30% 10 ปีจ่ายให้50% แล้วแต่ แต่ประกันที่ได้ เราก็ยังต้องจ่าย deductibles อยู่ดี สำหรับคนที่ไม่มีเงินจริงๆ คุณต้องไปขึ้นทะเบียนไม่มีเงิน ผ่านการตรวจสอบจริงจังจากนั้นจะได้รับการเสนอแผนประกันสำหรับผู้มีรายได้น้อย (ไม่ได้ให้ฟรีนะ premiumไม่แพงเท่านี้เฉยๆ)
การคำนวณนี้ มีจุดประสงค์แค่แบ่งปันแง่มุมหนึ่งเกี่ยวกับอเมริกา ให้เห็นค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เนื่องจากเห็นหลายกระทู้ชอบพูดถึงค่ารักษาพยาบาล เราไม่ได้บอกว่าทุกคนใช้ประกันชนิดนี้เป๊ะๆ เพราะมีปัจจัยอีกเยอะ มีหลายท่านที่อยู่อเมริกาถาวร เป็นประชากร และมีความรู้มากกว่าเรา ยินดีอย่างยิ่งหากมีความเห็นเพิ่มเติม