‘กรุงเทพโพลล์’ เผยคนไทยมองข้าวของแพง กระทบการดำเนินชีวิต แต่ต้องมีปรับตัวทำอาหารกินเอง
https://www.dailynews.co.th/news/735112/
'กรุงเทพโพลล์' เผยคนไทยมองข้าวของราคาแพง มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก แต่ต้องมีปรับตัวทำอาหารกินเอง เอาอาหารมากินเองที่ทำงาน ชี้คนละครึ่งเฟส 4 ช่วยเหลือปชช.ได้แค่ระดับปานกลาง.
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “
ชีวิตความเป็นอยู่คนไทยวันนี้ กับสถานการณ์ข้าวของราคาแพง” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,033 คน พบว่า ประชาชนร้อยละ 43.1 เห็นว่าจากสถานการณ์ข้าวของราคาแพง ทำให้สถานะทางการเงินพอดีกับค่าใช้จ่ายไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม ขณะที่ร้อยละ 39.0 ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม ส่วนร้อยละ 17.9 ยังเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม
เมื่อถามว่า จากผลกระทบข้าวของราคาแพง มีผลต่อการใช้จ่าย การดำเนินชีวิต ของท่านมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 54.7 เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ส่วนร้อยละ 36.6 เห็นว่ามีผลปานกลาง ขณะที่ร้อยละ 8.7 เห็นว่ามีผลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
เมื่อถามว่ามีการปรับตัวหรือไม่อย่างไร ในยุคที่ข้าวของราคาแพงขึ้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 88.9 มีการปรับตัว โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 60.9 ทำอาหารกินเอง เอาอาหารมากินเองที่ทำงาน รองลงมาร้อยละ 59.7 ลดปริมาณการซื้อลง และร้อยละ 50.2 ซื้อสินค้าอย่างอื่นทดแทนสินค้าที่ราคาแพงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 11.1 ไม่มีการปรับตัว ใช้ชีวิตปกติ กินปกติ
เมื่อถามว่าการขึ้นราคาสินค้าอุปโภค บริโภคอะไร ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากที่สุด ประชาชนร้อยละ 46.9 เห็นว่าคือการขึ้นราคาค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รองลงมาคือ การซื้ออาหารสดตามตลาด คิดเป็นร้อยละ 35.7 และการไปกินอาหารที่ร้านตามสั่ง ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว คิดเป็นร้อยละ 8.9
เมื่อถามว่าจากข้าวของราคาแพงขึ้น คิดว่าการมีโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จะช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นมากน้อยเพียงใด ประชาชนร้อยละ 47.1 เห็นว่าช่วยได้ระดับปานกลาง ส่วนร้อยละ 32.1 เห็นว่าช่วยได้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 20.8 เห็นว่าช่วยได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด.
เอกชนโอดตรึงราคาสินค้าต้นทุนพุ่ง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_286768/
ประธาน หอการค้า เผย ต้นทุนวัตถุดิบแพง กระทบ ผู้ประกอบการแบกรับภาระหนักขึ้น มอง ตรึงราคาสินค้าได้ไม่นาน
นาย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สถานการณ์การผลิตสินค้าของผู้ประกอบการในเวลานี้กำลังการผลิตเริ่มปรับตัวดีขึ้น รองรับความต้องการบริโภคในประเทศที่มีมากขึ้น แต่จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นนั้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระที่หนักขึ้น และไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้เนื่องจากหลายรายการ ยังคงอยู่ในความร่วมมือขอตรึงราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า การตรึงราคาสินค้าอาจทำได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากสินค้าบางรายการ การบิดเบือนกลไกตลาดมากเกินไปอาจทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบ จึงไม่ควรทำในระยะยาว ซึ่งเวลานี้ยังตอบไม่ได้ว่า จะสามารถตรึงราคาไว้ได้นานแค่ไหนเนื่องจากสินค้าแต่ละชนิดมีต้นทุนการผลิตที่ได้รับผลกระทบแตกต่างกัน
วันแรกลดสูตรใช้น้ำมัน B7 ฉุดราคาปาล์มร่วงเหลือ 7 บาท/กก.
https://www.prachachat.net/economy/news-858681
สมาพันธ์ ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทยตั้งคำถามถึง รมต.พลังงาน หลังมติ กนป.ลดใช้ B7 เหลือ B5 มีผล 5 ก.พ.2565 ฉุดราคาผลปาล์มร่วงเหลือ กก.ละ 7 บาท ส่วน มติ กนป. เคาะประกันรายได้ปี64-65 ยืนราคากก.ละ 4 บาทเท่าเดิม ไม่ช่วยเกษตรกรยังอ่วมขาดทุน ต้นทุนค่าปุ๋ย พุ่ง 100% ด้านกรมการค้าภายในยืนยัน กนป. มีมาตรการป้องกันราคาปาล์มร่วง หลังลดใช้ บี7
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน ( กบง. ) ที่ประชุมไปเมื่อ วันที่ 31 มกราคม 2565 มีมติให้ปรับสูตร ลดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมัน (บี 100) ที่เป็นส่วนผสมของน้ำมันดีเซล บี7 เหลือ บี5 โดยกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2564) ส่งผลทางต่อตลาดปาล์มน้ำมันทำให้ราคาผลปาล์มปรับลดลงเหลือ กก. ละ 7-8 บาท ก่อนหน้านี้ที่ราคาเคยขยับขึ้นไปสูงสุด กก.ละ 11.70-11.80 บาท
“
ทางสมาพันธ์ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเราถามกระทรวงพลังงานโดยผ่านไปทางประธานที่ประชุม กนป. ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนนี้ต้องการอะไร เพราะก่อนหน้านี้รัฐมนตรีคนก่อนได้ผลักดันการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานซึ่งต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าสมาคมยานยนต์จะยอมรับรองมาตรฐานบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐาน เป็นไปตามมาตรฐานยูโร4 แต่ตอนนี้จะมาปลดไบโอจากน้ำมันพื้นฐานมาเป็นบี7 และมาเหลือบี5 ความชัดเจนของนโยบายต้องการอะไรถ้าเกษตรกรไทยยังเป็นประเทศที่ปลูกปาล์มน้ำมัน และหากพรุ่งนี้สถานการณ์ราคาเปลี่ยนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งชาวสวนยังไม่ได้รับคำตอบจากกระทรวงพลังงาน “
โดยในที่ประชุมทางกระทรวงพลังงานส่งกรมธุรกิจพลังงานมาร่วมประชุมมาให้ข้อมูลว่าทำไมจะต้องปรับสูตรบี5 ไม่ตอบคำถามใดใดเลย ระบุเพียงว่า ตอนนี้ต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบปรับสูงขึ้น จนทำให้ ต้นทุนในการผลิตไบโอดีเซลทะลุ กก.57 บาทไปแล้ว และราคาปิโตรเลียมในตลาดโลกก็ปรับขึ้นประมาณ 2 บาทซึ่งรัฐจะต้องใช้เงินชดเชยให้กับดีเซลจนกองทุนน้ำมันขาดทุนแล้ว 14,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรถใช้บีเจ็ดชั่วคราว หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะพิจารณากลับมาใช้บี7เหมือนเดิม
และ แม้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการ กนป. จะมีมติให้ดำเนินการโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มปี 2564-2565 โดยกำหนดราคาเป้าหมายเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา สำหรับปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันน้ำมัน 18% กก.ละ 4 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ตั้งแต่เดือน ก.ย. 64-ส.ค. 65 ซึ่งได้ตั้งกรอบวงเงินไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท
แต่ มองว่า มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถดูแลได้ เพราะต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันในปีนี้ปรับสูงขึ้นมาจากการปรับขึ้นราคาปุ๋ย 100% ทำให้ชาวสวนมีต้นทุนอยู่ที่ กก.ละ5- 6 บาทแล้ว หากตั้งราคาเท่าเดิมเท่ากับ ทำให้เกษตรกรขาดทุนอยู่ กก.ละ 1-2 บาท
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดการใช้ไบโอดีเซลบีเจ็ดเหลือบีห้าคาดว่าจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบลดลง 2% จากปกติที่มีปริมาณ 80,000 ถึง 100,000 ตันต่อเดือน
สำหรับสถานการณ์สต๊อกของน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีปริมาณลดลงเหลือเพียง 1.3 แสนตันจากสต๊อกเมื่อเดือนธันวาคมที่มีปริมาณ 1.62 แสนตัน เป็นผลมาจากความต้องการในการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นแต่หลังจากนี้ก็ต้องติดตามประเมินสถานการณ์สต๊อกน้ำมันปาล์มในเดือนมีนาคมว่าจะยังเหลือปริมาณเท่าใด กว่าผลปาล์มดิบจะออกสู่ตลาด
ด้านนาย
วัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ประชุม กนป. รับทราบมติการประชุม กบง. ในการปรับสูตรลดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี7 หลือบี5 ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าใช้ดีเซลบี 5จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันปาล์มไม่มากนัก แต่อาจจะมีผลทางด้านจิตวิทยาบ้าง
ดังนั้น ทาง กนป. จึงได้มีการกำหนดมาตรการ เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาปาล์มปรับลดลงทั้งการใช้มาตรการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มอย่างต่อเนื่อง และการขยายมาตรการ ชดเชยการส่งออกน้ำมันปาล์มในกรณีที่ผลผลิตออกมาก ทำให้สต๊อกมีปริมาณมากกว่า 3 แสนตัน และราคาในประเทศปรับสูงกว่าราคาต่างประเทศ หากเข้าเกณฑ์ 2 เรื่อง จึงจะส่งออกได้
JJNY : กท.โพลล์เผยคนไทยมองของแพงกระทบการดำเนินชีวิต│เอกชนโอดต้นทุนพุ่ง│วันแรกลดสูตรใช้B7ฉุดราคาปาล์มร่วง│สุหฤทอัดสภาล่ม
https://www.dailynews.co.th/news/735112/
'กรุงเทพโพลล์' เผยคนไทยมองข้าวของราคาแพง มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก แต่ต้องมีปรับตัวทำอาหารกินเอง เอาอาหารมากินเองที่ทำงาน ชี้คนละครึ่งเฟส 4 ช่วยเหลือปชช.ได้แค่ระดับปานกลาง.
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “ชีวิตความเป็นอยู่คนไทยวันนี้ กับสถานการณ์ข้าวของราคาแพง” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,033 คน พบว่า ประชาชนร้อยละ 43.1 เห็นว่าจากสถานการณ์ข้าวของราคาแพง ทำให้สถานะทางการเงินพอดีกับค่าใช้จ่ายไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม ขณะที่ร้อยละ 39.0 ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม ส่วนร้อยละ 17.9 ยังเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม
เมื่อถามว่า จากผลกระทบข้าวของราคาแพง มีผลต่อการใช้จ่าย การดำเนินชีวิต ของท่านมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 54.7 เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ส่วนร้อยละ 36.6 เห็นว่ามีผลปานกลาง ขณะที่ร้อยละ 8.7 เห็นว่ามีผลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
เมื่อถามว่ามีการปรับตัวหรือไม่อย่างไร ในยุคที่ข้าวของราคาแพงขึ้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 88.9 มีการปรับตัว โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 60.9 ทำอาหารกินเอง เอาอาหารมากินเองที่ทำงาน รองลงมาร้อยละ 59.7 ลดปริมาณการซื้อลง และร้อยละ 50.2 ซื้อสินค้าอย่างอื่นทดแทนสินค้าที่ราคาแพงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 11.1 ไม่มีการปรับตัว ใช้ชีวิตปกติ กินปกติ
เมื่อถามว่าการขึ้นราคาสินค้าอุปโภค บริโภคอะไร ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากที่สุด ประชาชนร้อยละ 46.9 เห็นว่าคือการขึ้นราคาค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รองลงมาคือ การซื้ออาหารสดตามตลาด คิดเป็นร้อยละ 35.7 และการไปกินอาหารที่ร้านตามสั่ง ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว คิดเป็นร้อยละ 8.9
เมื่อถามว่าจากข้าวของราคาแพงขึ้น คิดว่าการมีโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จะช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นมากน้อยเพียงใด ประชาชนร้อยละ 47.1 เห็นว่าช่วยได้ระดับปานกลาง ส่วนร้อยละ 32.1 เห็นว่าช่วยได้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 20.8 เห็นว่าช่วยได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด.
เอกชนโอดตรึงราคาสินค้าต้นทุนพุ่ง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_286768/
ประธาน หอการค้า เผย ต้นทุนวัตถุดิบแพง กระทบ ผู้ประกอบการแบกรับภาระหนักขึ้น มอง ตรึงราคาสินค้าได้ไม่นาน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สถานการณ์การผลิตสินค้าของผู้ประกอบการในเวลานี้กำลังการผลิตเริ่มปรับตัวดีขึ้น รองรับความต้องการบริโภคในประเทศที่มีมากขึ้น แต่จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นนั้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระที่หนักขึ้น และไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้เนื่องจากหลายรายการ ยังคงอยู่ในความร่วมมือขอตรึงราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า การตรึงราคาสินค้าอาจทำได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากสินค้าบางรายการ การบิดเบือนกลไกตลาดมากเกินไปอาจทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบ จึงไม่ควรทำในระยะยาว ซึ่งเวลานี้ยังตอบไม่ได้ว่า จะสามารถตรึงราคาไว้ได้นานแค่ไหนเนื่องจากสินค้าแต่ละชนิดมีต้นทุนการผลิตที่ได้รับผลกระทบแตกต่างกัน
วันแรกลดสูตรใช้น้ำมัน B7 ฉุดราคาปาล์มร่วงเหลือ 7 บาท/กก.
https://www.prachachat.net/economy/news-858681
สมาพันธ์ ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทยตั้งคำถามถึง รมต.พลังงาน หลังมติ กนป.ลดใช้ B7 เหลือ B5 มีผล 5 ก.พ.2565 ฉุดราคาผลปาล์มร่วงเหลือ กก.ละ 7 บาท ส่วน มติ กนป. เคาะประกันรายได้ปี64-65 ยืนราคากก.ละ 4 บาทเท่าเดิม ไม่ช่วยเกษตรกรยังอ่วมขาดทุน ต้นทุนค่าปุ๋ย พุ่ง 100% ด้านกรมการค้าภายในยืนยัน กนป. มีมาตรการป้องกันราคาปาล์มร่วง หลังลดใช้ บี7
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน ( กบง. ) ที่ประชุมไปเมื่อ วันที่ 31 มกราคม 2565 มีมติให้ปรับสูตร ลดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมัน (บี 100) ที่เป็นส่วนผสมของน้ำมันดีเซล บี7 เหลือ บี5 โดยกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2564) ส่งผลทางต่อตลาดปาล์มน้ำมันทำให้ราคาผลปาล์มปรับลดลงเหลือ กก. ละ 7-8 บาท ก่อนหน้านี้ที่ราคาเคยขยับขึ้นไปสูงสุด กก.ละ 11.70-11.80 บาท
“ ทางสมาพันธ์ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเราถามกระทรวงพลังงานโดยผ่านไปทางประธานที่ประชุม กนป. ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนนี้ต้องการอะไร เพราะก่อนหน้านี้รัฐมนตรีคนก่อนได้ผลักดันการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานซึ่งต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าสมาคมยานยนต์จะยอมรับรองมาตรฐานบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐาน เป็นไปตามมาตรฐานยูโร4 แต่ตอนนี้จะมาปลดไบโอจากน้ำมันพื้นฐานมาเป็นบี7 และมาเหลือบี5 ความชัดเจนของนโยบายต้องการอะไรถ้าเกษตรกรไทยยังเป็นประเทศที่ปลูกปาล์มน้ำมัน และหากพรุ่งนี้สถานการณ์ราคาเปลี่ยนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งชาวสวนยังไม่ได้รับคำตอบจากกระทรวงพลังงาน “
โดยในที่ประชุมทางกระทรวงพลังงานส่งกรมธุรกิจพลังงานมาร่วมประชุมมาให้ข้อมูลว่าทำไมจะต้องปรับสูตรบี5 ไม่ตอบคำถามใดใดเลย ระบุเพียงว่า ตอนนี้ต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบปรับสูงขึ้น จนทำให้ ต้นทุนในการผลิตไบโอดีเซลทะลุ กก.57 บาทไปแล้ว และราคาปิโตรเลียมในตลาดโลกก็ปรับขึ้นประมาณ 2 บาทซึ่งรัฐจะต้องใช้เงินชดเชยให้กับดีเซลจนกองทุนน้ำมันขาดทุนแล้ว 14,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรถใช้บีเจ็ดชั่วคราว หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะพิจารณากลับมาใช้บี7เหมือนเดิม
และ แม้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการ กนป. จะมีมติให้ดำเนินการโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มปี 2564-2565 โดยกำหนดราคาเป้าหมายเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา สำหรับปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันน้ำมัน 18% กก.ละ 4 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ตั้งแต่เดือน ก.ย. 64-ส.ค. 65 ซึ่งได้ตั้งกรอบวงเงินไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท
แต่ มองว่า มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถดูแลได้ เพราะต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันในปีนี้ปรับสูงขึ้นมาจากการปรับขึ้นราคาปุ๋ย 100% ทำให้ชาวสวนมีต้นทุนอยู่ที่ กก.ละ5- 6 บาทแล้ว หากตั้งราคาเท่าเดิมเท่ากับ ทำให้เกษตรกรขาดทุนอยู่ กก.ละ 1-2 บาท
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดการใช้ไบโอดีเซลบีเจ็ดเหลือบีห้าคาดว่าจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบลดลง 2% จากปกติที่มีปริมาณ 80,000 ถึง 100,000 ตันต่อเดือน
สำหรับสถานการณ์สต๊อกของน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีปริมาณลดลงเหลือเพียง 1.3 แสนตันจากสต๊อกเมื่อเดือนธันวาคมที่มีปริมาณ 1.62 แสนตัน เป็นผลมาจากความต้องการในการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นแต่หลังจากนี้ก็ต้องติดตามประเมินสถานการณ์สต๊อกน้ำมันปาล์มในเดือนมีนาคมว่าจะยังเหลือปริมาณเท่าใด กว่าผลปาล์มดิบจะออกสู่ตลาด
ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ประชุม กนป. รับทราบมติการประชุม กบง. ในการปรับสูตรลดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี7 หลือบี5 ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าใช้ดีเซลบี 5จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันปาล์มไม่มากนัก แต่อาจจะมีผลทางด้านจิตวิทยาบ้าง
ดังนั้น ทาง กนป. จึงได้มีการกำหนดมาตรการ เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาปาล์มปรับลดลงทั้งการใช้มาตรการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มอย่างต่อเนื่อง และการขยายมาตรการ ชดเชยการส่งออกน้ำมันปาล์มในกรณีที่ผลผลิตออกมาก ทำให้สต๊อกมีปริมาณมากกว่า 3 แสนตัน และราคาในประเทศปรับสูงกว่าราคาต่างประเทศ หากเข้าเกณฑ์ 2 เรื่อง จึงจะส่งออกได้