1. อยู่ก่อนแต่ง
ฟังดูดี อยู่ไปได้ศึกษาใจคอ เรียนรู้นิสัยและปรับตัวก่อนจะแต่งงาน
ความเห็น อยู่ก่อนแต่งมักไม่ได้แต่ง เพราะในทางปฏิบัติมันก็คือ
"การอยู่กินกันฉันสามีภรรยา" เฉยๆ ไม่ได้จะก่อนแต่งอะไรหรอกครับ เห็นบางกระทู้ในพันทิปจะขอพ่อแม่ไปอยู่ก่อนแต่งตั้งแต่อายุ 18 ไม่ทราบว่าจะแต่งตอนไหนครับ
ฝ่ายชาย (เพราะเป็นฝ่ายที่ถูกรบเร้าให้แต่งงานมากสุด) ไม่มีแรงจูงใจใดๆให้แต่งงาน เพราะมันเป็นแค่การเล่นละคร ชีวิตเขาไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยไม่ว่าจะก่อนแต่ง หลังแต่ง
มันควรมีกำหนดแน่ชัดรึเปล่าครับว่า จะอยู่ก่อนแต่งกันกีปีกันแน่ ? เช่น มีแผนแต่งงาน กำหนดวันคร่าวๆไว้แล้ว กำลังสร้างบ้านด้วยกัน ก็ใช้เวลานั้นแหละไปทดลองอยู่ด้วยกันซะ แลกความตื่นเต้นในคืนแต่งงานและช่วงฮันนีมูนออกไป เพื่อความเซฟในชีวิตคู่
2. ผู้ชายมันก็มั่วๆกันหมดแหละ ใช้ชีวิตให้เต็มที่
จขกท เคยได้ยินผู้หญิงบางคนพูดแบบนี้จริงๆ ฟังแล้วก็ตกใจเล็กน้อย
ความเห็น ผู้ชายซิงหาง่ายกว่าที่คุณคิดไว้มากๆ
จากการสำรวจในอเมริกาในปี 2014 พบว่าผู้ชายอายุ 20-24 ที่ยังเวอร์จิ้นมี 14.3% ส่วนผู้หญิงมี 12.3%
เหตุผลง่ายๆคือ ผู้ชายระดับท็อปที่เอาแบบไม่เลือกหน้ามันมีมากกว่าผู้หญิงครับ
ผู้หญิงไฮโปรไฟล์เธออาจแทบไม่ชายตามองผู้ชายในระดับต่ำกว่าเลย แต่ผู้ชายไฮโปรไฟล์บางคนมันจะคิดว่าต่อให้ผู้หญิงคนนี้ไม่ตรงสเปคเท่าไหร่ แต่ถ้ามันได้มีเซ็กส์ด้วยก็เอา
ในไทยตัวเลขนี้อาจใกล้เคียงกันมากขึ้น (ไม่มีผลสำรวจ) เพราะหญิงบริการไทยนั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่ก็นั่นแหละผู้หญิงบางคนก็ตั้งแง่ไม่ชอบผู้ชายที่ซื้อกินอีก (อยู่ยากแฮะ)
ถ้าผู้หญิงคิดกันแบบนี้เยอะขึ้น ก็จะยิ่งเจอผู้ชายที่รุกเร้าขอมีเซ็กส์มากขึ้นๆ เพราะเขาต้องปรับตัวอะครับ สมมติผู้ชายที่คบกับแฟนแบบไม่มีอะไรกัน แล้วเลิกกันไปจนอายุเข้า 30 ยังเวอร์จิ้นอยู่ เขาเคว้งนะครับ จะหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาเก็บซิงจนวันแต่งด้วยกันก็ยากขึ้นเยอะเลย
เพราะวิธีการที่จะทำให้ไม่คิดถึงอดีตของคนรักได้ดีและง่ายที่สุดคือ การทำให้ตัวเองมีอดีตเสียเอง จขกท เคยได้ยินว่า บางชนเผ่าก็ใช้วิธีนี้คือ จัดให้หนุ่มสาวมีวันสำหรับเซ็กส์หมู่ เพื่อที่ว่าเมื่อพ้นวันนี้ไปแล้ว ก็จะไม่มีใครแคร์ว่าใครเคยผ่านอะไรมาบ้าง
แต่ความใหญ่ของสังคมในระดับประเทศ มันทำให้ไม่สามารถนำประเพณีแบบนั้นมาใช้ได้ มันเลยเป็นการชนกันของอุดมการณ์
"ไม่มีอดีตจนกว่าจะแต่งงาน" กับ
"ยิ่งมีอดีตยิ่งมีประสบการณ์"
คนที่อยู่ฝ่ายข้างน้อย กับ คนที่อยู่ผิดสังคม ก็จะลำบากในกรณีนี้หน่อยครับ
3. ลองมีอะไรกันก่อนแต่งเพื่อศึกษาเซ็กส์ของกันและกัน
อันนี้ก็ได้ยินบ่อย ฝ่ายที่สนับสนุนก็ชอบอ้างว่า สาเหตุอันดับหนึ่งของการหย่าร้างคือ เซ็กส์ (ไม่มีสถิติอ้างอิง) เลยต้องมีอะไรกันเพื่อความมั่นใจ
ความเห็น สาเหตุอันดับต้นๆของการเลิกราคือ "การนอกใจ" ไม่ใช่รึ ? ปัญหาคือมันไม่มีผลสำรวจเป็นตัวเลขอะครับ แต่เรื่องรสนิยมวิตถาร จขกท ก็คิดว่าน่าจะมีคนที่ชอบแบบนั้นเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากๆ และเรื่องเซ็กส์หากจะหย่ากันเพราะเรื่องนี้ ส่วนใหญ่น่าจะมาจากช่วงหลังฝ่ายหญิงมีลูก เริ่มหมดอารมณ์ทางเพศ จนฝ่ายชายต้องไปหาเศษหาเลยนอกบ้านรึเปล่า ?
ปัญหาอีกเรื่องคือ มีเซ็กส์กันแล้วต่อให้ไม่ดีก็ไม่ค่อยจบกัน แต่จะไปจบกันเรื่องอื่นมากกว่าครับ
รวมๆแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นค่านิยม เราวัดไม่ได้ว่าอะไรดี-ไม่ดี แต่จากแนวโน้มค่านิยมที่มาแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสนับสนุนให้คน aggressive เรื่องเซ็กส์กันมากขึ้น
หากวันหนึ่งไทยจะเป็นเหมือนอเมริกา ที่ฝ่ายชายสามารถชวนฝ่ายหญิงนอนด้วยกันได้ตั้งแต่เดทครั้งที่ 2-3 และฝ่ายชายก็ไม่เคยสนอดีตฝ่ายหญิงเพราะเขาก็มีประสบการณ์ทั้ง ONS, FWB กันมาหมดแล้ว คนที่ตามหาคนเวอร์จิ้นก็ไปหาตามโบสถ์คาธอลิคหรือมัสยิด มันก็อาจไม่มีปัญหา หรือไทยเราอาจหาจุดสมดุลที่ลงตัวกว่านั้นได้ (เพราะอัตราการหย่าร้างในอเมริกาสูงมากเกิน 50%) ทุกอย่างมันก็คงเป็นเรื่องของอนาคตครับ...
ค่านิยมเรื่องเพศและความรักที่ถูกปั่นขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ฟังดูดี อยู่ไปได้ศึกษาใจคอ เรียนรู้นิสัยและปรับตัวก่อนจะแต่งงาน
ความเห็น อยู่ก่อนแต่งมักไม่ได้แต่ง เพราะในทางปฏิบัติมันก็คือ "การอยู่กินกันฉันสามีภรรยา" เฉยๆ ไม่ได้จะก่อนแต่งอะไรหรอกครับ เห็นบางกระทู้ในพันทิปจะขอพ่อแม่ไปอยู่ก่อนแต่งตั้งแต่อายุ 18 ไม่ทราบว่าจะแต่งตอนไหนครับ
ฝ่ายชาย (เพราะเป็นฝ่ายที่ถูกรบเร้าให้แต่งงานมากสุด) ไม่มีแรงจูงใจใดๆให้แต่งงาน เพราะมันเป็นแค่การเล่นละคร ชีวิตเขาไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยไม่ว่าจะก่อนแต่ง หลังแต่ง
มันควรมีกำหนดแน่ชัดรึเปล่าครับว่า จะอยู่ก่อนแต่งกันกีปีกันแน่ ? เช่น มีแผนแต่งงาน กำหนดวันคร่าวๆไว้แล้ว กำลังสร้างบ้านด้วยกัน ก็ใช้เวลานั้นแหละไปทดลองอยู่ด้วยกันซะ แลกความตื่นเต้นในคืนแต่งงานและช่วงฮันนีมูนออกไป เพื่อความเซฟในชีวิตคู่
2. ผู้ชายมันก็มั่วๆกันหมดแหละ ใช้ชีวิตให้เต็มที่
จขกท เคยได้ยินผู้หญิงบางคนพูดแบบนี้จริงๆ ฟังแล้วก็ตกใจเล็กน้อย
ความเห็น ผู้ชายซิงหาง่ายกว่าที่คุณคิดไว้มากๆ
จากการสำรวจในอเมริกาในปี 2014 พบว่าผู้ชายอายุ 20-24 ที่ยังเวอร์จิ้นมี 14.3% ส่วนผู้หญิงมี 12.3%
เหตุผลง่ายๆคือ ผู้ชายระดับท็อปที่เอาแบบไม่เลือกหน้ามันมีมากกว่าผู้หญิงครับ
ผู้หญิงไฮโปรไฟล์เธออาจแทบไม่ชายตามองผู้ชายในระดับต่ำกว่าเลย แต่ผู้ชายไฮโปรไฟล์บางคนมันจะคิดว่าต่อให้ผู้หญิงคนนี้ไม่ตรงสเปคเท่าไหร่ แต่ถ้ามันได้มีเซ็กส์ด้วยก็เอา
ในไทยตัวเลขนี้อาจใกล้เคียงกันมากขึ้น (ไม่มีผลสำรวจ) เพราะหญิงบริการไทยนั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่ก็นั่นแหละผู้หญิงบางคนก็ตั้งแง่ไม่ชอบผู้ชายที่ซื้อกินอีก (อยู่ยากแฮะ)
ถ้าผู้หญิงคิดกันแบบนี้เยอะขึ้น ก็จะยิ่งเจอผู้ชายที่รุกเร้าขอมีเซ็กส์มากขึ้นๆ เพราะเขาต้องปรับตัวอะครับ สมมติผู้ชายที่คบกับแฟนแบบไม่มีอะไรกัน แล้วเลิกกันไปจนอายุเข้า 30 ยังเวอร์จิ้นอยู่ เขาเคว้งนะครับ จะหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาเก็บซิงจนวันแต่งด้วยกันก็ยากขึ้นเยอะเลย
เพราะวิธีการที่จะทำให้ไม่คิดถึงอดีตของคนรักได้ดีและง่ายที่สุดคือ การทำให้ตัวเองมีอดีตเสียเอง จขกท เคยได้ยินว่า บางชนเผ่าก็ใช้วิธีนี้คือ จัดให้หนุ่มสาวมีวันสำหรับเซ็กส์หมู่ เพื่อที่ว่าเมื่อพ้นวันนี้ไปแล้ว ก็จะไม่มีใครแคร์ว่าใครเคยผ่านอะไรมาบ้าง
แต่ความใหญ่ของสังคมในระดับประเทศ มันทำให้ไม่สามารถนำประเพณีแบบนั้นมาใช้ได้ มันเลยเป็นการชนกันของอุดมการณ์ "ไม่มีอดีตจนกว่าจะแต่งงาน" กับ "ยิ่งมีอดีตยิ่งมีประสบการณ์"
คนที่อยู่ฝ่ายข้างน้อย กับ คนที่อยู่ผิดสังคม ก็จะลำบากในกรณีนี้หน่อยครับ
3. ลองมีอะไรกันก่อนแต่งเพื่อศึกษาเซ็กส์ของกันและกัน
อันนี้ก็ได้ยินบ่อย ฝ่ายที่สนับสนุนก็ชอบอ้างว่า สาเหตุอันดับหนึ่งของการหย่าร้างคือ เซ็กส์ (ไม่มีสถิติอ้างอิง) เลยต้องมีอะไรกันเพื่อความมั่นใจ
ความเห็น สาเหตุอันดับต้นๆของการเลิกราคือ "การนอกใจ" ไม่ใช่รึ ? ปัญหาคือมันไม่มีผลสำรวจเป็นตัวเลขอะครับ แต่เรื่องรสนิยมวิตถาร จขกท ก็คิดว่าน่าจะมีคนที่ชอบแบบนั้นเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากๆ และเรื่องเซ็กส์หากจะหย่ากันเพราะเรื่องนี้ ส่วนใหญ่น่าจะมาจากช่วงหลังฝ่ายหญิงมีลูก เริ่มหมดอารมณ์ทางเพศ จนฝ่ายชายต้องไปหาเศษหาเลยนอกบ้านรึเปล่า ?
ปัญหาอีกเรื่องคือ มีเซ็กส์กันแล้วต่อให้ไม่ดีก็ไม่ค่อยจบกัน แต่จะไปจบกันเรื่องอื่นมากกว่าครับ
รวมๆแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นค่านิยม เราวัดไม่ได้ว่าอะไรดี-ไม่ดี แต่จากแนวโน้มค่านิยมที่มาแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสนับสนุนให้คน aggressive เรื่องเซ็กส์กันมากขึ้น
หากวันหนึ่งไทยจะเป็นเหมือนอเมริกา ที่ฝ่ายชายสามารถชวนฝ่ายหญิงนอนด้วยกันได้ตั้งแต่เดทครั้งที่ 2-3 และฝ่ายชายก็ไม่เคยสนอดีตฝ่ายหญิงเพราะเขาก็มีประสบการณ์ทั้ง ONS, FWB กันมาหมดแล้ว คนที่ตามหาคนเวอร์จิ้นก็ไปหาตามโบสถ์คาธอลิคหรือมัสยิด มันก็อาจไม่มีปัญหา หรือไทยเราอาจหาจุดสมดุลที่ลงตัวกว่านั้นได้ (เพราะอัตราการหย่าร้างในอเมริกาสูงมากเกิน 50%) ทุกอย่างมันก็คงเป็นเรื่องของอนาคตครับ...